เบรคอเวย์คืออะไร?

ตำแหน่งดรอป ด้านล่างของแฮนด์ เป็นตำแหน่งที่เราจะบังคับรถได้มั่นคงและถ่ายน้ำหนักได้ดีที่สุด เหมาะแก่การสปรินต์ที่ต้องยึดรถให้มั่นคงและถ่ายแรงทั้งตัวได้เต็มที่

ถ้าคุณกำลังหัดชมการแข่งขันจักรยานถนน เชื่อว่าคำถามแรกคงไม่พ้นเรื่องของ “เบรคอเวย์” (Breakaway) ที่ผู้บรรยายการแข่งขันเขาพูดถึงตลอด นักปั่นพวกนั้นเขา “หนี” กลุ่มออกไปทำไม? ทำไมไมปั่นด้วยกัน? โพสต์นี้จะมาไขข้อข้องใจทุกเรื่องเกี่ยวกับศิลปินนักหลบหนีที่เรียกกันว่าเบรคอเวย์ครับ

 

Breakaway 101

นิยามของเบรคอเวย์ คือนักปั่น หรือกลุ่มนักปั่นที่พยายามจะหนีออกห่างจากกลุ่มเพโลตอง (กลุ่มนักปั่นที่ออกสตาร์ทร่วมกัน) เพื่อเป้าหมายทางการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการหนีออกไปคว้าแชมป์สเตจ เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก หรืออกมาเพื่อกดดันทีมคู่แข่งให้ไล่ตามเป็นต้น เบรคอเวย์เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งจักรยานถนน เรียกได้ว่าสนามไหนที่แข่งกันแบบ mass-start หรือปล่อยตัวกลุ่มใหญ่พร้อมกัน ย่อมมีนักปั่นที่อยากจะหนีคู่แข่งให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในการแข่งระดับโลกหรือระดับท้องถิ่นก็ตาม

Tour de France stage 17 (2 of 9)

คำว่าเบรคอเวย์อาจจะทำให้เรานึกถึงอิสรภาพ แต่เชื่อไหมว่าเกือบ 90% ของเบรคอเวย์ในการแข่งระดับโลกไม่เคยหนีรอด ในตูร์ เดอ ฟรองซ์ปีนี้กว่าเบรคอเวย์จะชนะสเตจโดยไม่โดนรวบจับได้ก็ปาเข้าไปถึงสเตจที่ 8 และพอนับสเตจที่เบรคอเวย์ชนะกันทั้งหมดแล้วก็ไม่ถึง 1/5 ของการแข่งขัน

 

จะหนีไปเพื่ออะไร?

บางคนสงสัยว่าจะหนีไปทำไมเมื่อโอกาสรอดมีน้อยนิด แต่การเบรคอเวย์นั้นมีมากกว่าแค่คว้าแชมป์สเตจครับ เหตุผลหลักๆ มีตามนี้

  • หวังแชมป์สเตจ/รายการ: สำหรับทีมเล็ก โอกาสเดียวที่อาจจะทำให้เขาทำผลงานแชมป์สเตจ/รายการได้อาจจะมาจากการเบรคอเวย์เท่านั้น ยกตัวอย่างทีม Bretagne-Sache ในตูร์ปีนี้ที่เป็นทีมระดับ Continental ไม่มีทั้งนักปั่นฟอร์มดีเทียบเท่าทีมใหญ่ๆ อย่าง Sky / OPQS ไม่มีนักไต่เขา ไม่มีสปรินเตอร์ฟอร์มเทพ โอกาสเดียวที่จะชนะคือ หนีกลุ่มไปให้รอดในทุกๆ วัน เพราะบางทีเราก็บอกไม่ได้ว่าวันไหน peloton จะพลาดจับไม่ทัน ยังไงก็มีโอกาสลุ้นมากกว่าการสปรินต์หน้าเส้นชัยแน่นอน
  • ช่วยตัวเต็ง: ในสเตจภูเขาหรือสนามคลาสสิคบางรายการ หลายๆ ทีมที่เล็งทำผลงานในสเตจนั้นๆ อาจจะส่งเบรคอเวย์หนีออกไปเพื่อรออยู่ช่วยหัวหน้าทีมของตัวเองในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งถ้าอยู่ในกลุ่ม peloton ก็อาจจะต้องออกแรงทำเกมไล่จับคู่ต่อสู้จนช่วงสุดท้ายหัวหน้าทีมอาจจะไม่เหลือใครช่วยเลย การที่หนีออกไปก่อนแปลว่าเพื่อนร่วมทีมในกลุ่มหนีสามารถเซฟแรงไว้รอช่วยทำเกมในจังหวะสำคัญได้
  • กดดันทีมคู่แข่ง: บางครั้ง ทีมอาจจะไม่ต้องการแชมป์สเตจ แต่หวังแค่กดดันและตัดกำลังคู่แข่ง การที่ส่งเบรคอเวย์ตัวสำคัญๆ ของทีมหนีไป เช่น OPQS อาจจะส่งเควียททอฟสกีหนีไปในสเตจทางราบ ถ้าเขาหนีได้สำเร็จ ทีม OPQS ไม่จำเป็นต้องช่วยทีมอื่นๆ ในการไล่จับกลุ่มหนีเลย เพราะตามธรรมเนียมแล้วหากเรามีเพื่อนร่วมทีมในกลุ่มหนี ทีมจะไม่พยายามไล่จับเพื่อนร่วมทีมตัวเอง เป็นหน้าที่ของทีมอื่นที่ต้องออกแรงไล่ ซึ่งก็ช่วยให้ทีมเราได้เปรียบ เหลือแรงเยอะกว่าในช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน
Tony Martin มีจุดเด่นเรื่องการปั่น Time Trial รักษาความเร็วสูงเป็นระยะเวลายาวๆ เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของกลุ่มไล่เลยก็ว่าได้
Tony Martin มีจุดเด่นเรื่องการปั่น Time Trial รักษาความเร็วสูงเป็นระยะเวลายาวๆ เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของกลุ่มไล่เลยก็ว่าได้
  • สับขาหลอก: บางทีมอาจจะมีเอซสองคนที่มีสิทธิลุ้นแชมป์รายการทั้งคู่ ทีมอาจจะส่งเอซคนแรกออกไปสังเวยชีวิต หลอกให้ทีมอื่นไล่ตามจนหมดพลัง แล้วปล่อยเอซอีกคนออกเก็บผลงานเมื่อคู่แข่งหมดสภาพแล้ว ลองนึกถึง Garmin-Sharp และชัยชนะของ แดน มาร์ตินในรายการ Liege-Bastonge-Liege 2013 ที่ทีมส่งไรเดอร์ เฮซเชดาลออกหนีก่อนจนทั้งโจอาชิม โรดริเกรซ และอเลฮานโดร วาวเวอเด้ ตัวเต็งคู่แข่งต้องออกไล่จนหมดกำลัง
  • ออกทีวี: ทีมเล็กๆ อย่างทีมดิวิชัน 3 บางทีมที่ได้รับเชิญมาแข่งอาจจะสู้ทีมใหญ่ไม่ได้เลยจนไม่มีหวังผลงานใดๆ ทั้งสิ้น เขาอาจจะเลือกหนีเข้ากลุ่มเบรคอเวย์เพื่อออกทีวี โชว์เสื้อสปอนเซอร์แทน (และอาจจะมีลุ้นชนะเมื่อ peloton ประสบอุบัติเหต จนไล่จับไม่ทัน) กล้องโทรทัศน์มักจะจับอยู่แค่สองกลุ่ม คือกลุ่มหนี และกลุ่ม peloton การอยู่ในกลุ่มหนีหมายความว่า ตลอดทั้งการแข่งขัน กล้องจะเห็นคุณชัดเจน เด่นกว่าปั่นตามทีมอื่นๆ อยู่ในกลุ่มใหญ่

 

ทำยังไงถึงจะหนีรอด?

ก่อนจะพูดถึงนักปั่นที่หนีไปจารกรรมลักแชมป์สเตจที่เส้นชัย นักปั่นต้องหนีให้รอดกลุ่มในจังหวะแรกของการแข่งขันเสียก่อน ปกติแล้วเกมการแข่งจักรยานถนนจะเริ่มจากนักปั่นคนเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ เริ่มฉีกหนีจาก peloton ตั้งแต่สตาร์ทการแข่ง กลุ่ม peloton จะพิจารณาว่าคนที่พยายามหนีเป็นตัวอันตรายต่อเป้าหมายของทีมหรือเปล่า (เช่นเวลาในอันดับ GC ไล่เลี่ยหัวหน้าทีมเรา, หรือเป็นตัวเต็งทีมอื่นที่มีสิทธิชิงผลงานจากทีมเรา)

ถ้า peloton เห็นว่ากลุ่มหนีอันตรายเกินก็จะเกิดการไล่จับรวบกลับมาให้หมด อาจจะมีกลุ่มหนีชุดใหม่พยายามหนีออกไปอีก วนเวียนกันอย่างนี้ จนกว่า peloton จะพอใจว่าตัวที่หนีไปได้ไม่ใช่ตัวอันตรายสำหรับเป้าหมายทีม บางครั้งขั้นตอนนี้อาจจะยาวนานเป็นชั่วโมงเลยก็ได้ และเป็นหนึ่งในช่วงที่การแข่งขันดุเดือดและเร็วที่สุด (ที่เราไม่เคยได้เห็นในทีวี)

Tour de France 2014 Stage 5 (2 of 7)

จะหนีรอดได้ก็ต้องมีหลายปัจจัยประกอบกันตามนี้

  • จำนวน: ยิ่งมีคนหนีมาก ก็ยิ่งมีคนช่วยผลัดกันเวียนบังลม ถ้าทำงานสามัคคีกันก็มีโอกาสหนีรอดมากขึ้น กลับกัน ถ้ามีจำนวนน้อยเช่น 1–2 คน โอกาสรอดก็น้อยลงตามไปด้วย
  • VIP: ในแต่ละการแข่งขันย่อมมีนักปั่นบางคนที่ฟอร์มดีแข็งแรงกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด เช่นโทนี มาร์ติน (OPQS) ยอดนัก TT ที่สามารถหนีกลุ่ม peloton ได้ด้วยตัวคนเดียวจนได้แชมป์สเตจ 9 ยิ่งมีนักปั่นฟอร์มดีมากเท่าไร ย่อมมีโอกาสหนีกลุ่มได้มากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน
  • เส้นทาง: เส้นทางโรลลิ่ง ขึ้นๆ ลงๆ หรือสภาพอากาศแย่ๆ อย่างลมแรง ฝน หิมะ มีผลต่อความสำเร็จของกลุ่มหนีทั้งสิ้น อะไรที่ทำให้ peloton ไม่สามารถรักษาจังหวะการปั่นและความเร็วได้คงที่ ก็ยิ่งทำให้การไล่จับกลุ่มหนีทำได้ยากขึ้นตามตัว
  • เส้นชัย: สเตจทางราบและสเตจที่มีเส้นชัยบนยอดเขานั้นยากต่อการหนีรอด เพราะหลายๆ ทีมมีนักปั่นผู้เชี่ยวชาญสเตจแบบนี้โดยเฉพาะและลูกทีมที่พร้อมจะจับกลุ่มหนีเพื่อให้หัวหน้าทีมได้แชมป์สเตจ/ รายการ
  • อันดับ GC: ถ้านักปั่นในกลุ่มหนีมีเวลารวมค่อนข้างดีก็การันตีได้ว่าทีมผู้นำเวลารวมย่อมไม่ปล่อยให้เขาหนีรอด เพราะคงไม่อยากเสียเสื้อผู้นำ หรือโดนคู่แข่งคนสำคัญทำเวลาตีตื้นจากการออกหนีกลุ่มแน่ๆ

 

จะจับกลุ่มหนียังไง?

สมมติว่ากลุ่มหนี หนีไปได้สำเร็จแล้ว ความเร็วและความเข้มของเกมก็จะเริ่มคงตัว กลุ่มไล่ปล่อยให้กลุ่มหนีๆ ไปได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ทิ้งห่างกันจนเกินไปเพื่อที่จะรวบจับได้ในช่วงสุดท้ายของการแข่ง

คุณอาจจะสงสัยว่าแล้วทำไมต้องปล่อยให้หนีไปได้? ไม่จับแต่แรกเสียเลยหละ? การไล่จับเบรคอเวย์ตลอดทั้งสเตจเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างแรกคือคงไม่มีทีมไหนมีแรงจะไล่จับ เข้าๆ ออกๆ ได้เป็นร้อยกิโลเมตร อย่างที่สองคือถ้ากลุ่ม peloton พอใจกับตัวคนหนีและเวลาที่หนีไปได้แล้ว จะไปไล่จับทีหลังถือว่าประหยัดแรงกว่าจับแต่แรก และทำให้ไม่ต้องคอยไล่จับกันใหม่อยู่ตลอดด้วย

ภาพที่เห็นกันบ่อยในสเตจทางราบ ทีมสปรินเตอร์ตั้งความเร็วไล่จับกลุ่มหนี เพื่อส่งหัวหน้าทีมสปรินต์ท้าชิงแชมป์สเตจ
ภาพที่เห็นกันบ่อยในสเตจทางราบ ทีมสปรินเตอร์ตั้งความเร็วไล่จับกลุ่มหนี เพื่อส่งหัวหน้าทีมสปรินต์ท้าชิงแชมป์สเตจ

เพราะฉะนั้นเมื่อเบรคอเวย์เล็ดลอดไปได้แล้ว เกมจะเปลี่ยนเป็นการรักษาระยะห่างเหมือนกับการคล้องโซ่รั้งไว้แทน กลุ่ม peloton ต้องคำนวนปัจจัยต่างๆ ทั้งสภาพอากาศ พลวัตรการแข่งขันตอนนั้น ว่าทีมไหนพร้อมจะช่วยหรือไม่ช่วยจับ ทีมไหนมีนักปั่นในกลุ่มหนี แล้วประมวลผลว่าจะให้กลุ่มหนีทำเวลาห่างมากสุดได้ที่เท่าไรถึงจะยังไล่จับทัน

  • โดยปกติกลุ่มไล่จะผลัดหน้าที่กันระหว่างทีมที่มีผู้นำเวลารวมของรายการ กับทีมที่อยากจะชนะสเตจในวันนั้น เช่นถ้าเป็นสเตจทางราบ ทีมสปรินเตอร์ก็จะมาช่วยทีม GC
  • ระยะห่างที่กำลังดีอยู่ที่กลุ่มหนี 5 คนและเวลาประมาณ 5 นาที: 5 คนไล่จับไม่ยาก และ 5 นาทีก็ไม่มากพอที่จะเป็นอันตรายต่อเวลารวมของผู้นำ แถม 5 นาทีนั้นห่างพอที่จะไม่มีใครอยากเสี่ยงเปลืองแรงไปเข้าร่วมกลุ่มหนี
  • ในสเตจทางราบ peloton จะสามารถไล่เข้ากลุ่มหนีได้ราวๆ 5–10 วินาทีต่อทุกๆ กิโลเมตร ยังไงกลุ่มหนีก็ไม่มีทางปั่นได้เร็วกว่ากลุ่มใหญ่ซึ่งมีคนพร้อมจะช่วยไล่จับร่วมร้อยชีวิต
  • ในการแข่งขันระดับ World Tour (ดิวิชัน 1) กลุ่มไล่จะรู้ชัดเจนว่ากลุ่มหนีอยู่ห่างกี่นาที กี่วินาที กี่กิโลเมตร เพราะมีกรรมการคอยบอก และสามารถใช้วิทยุสื่อสารคุยกับโค้ชในรถเซอร์วิสซึ่งรู้สถานการณ์ผ่านวิทยุกลางของผู้จัดแข่งตลอดเวลา กลับกันในสนามแข่งระดับล่างที่ไม่อนุญาตให้ใช้วิทยุ การจับกลุ่มหนีจึงเป็นเรื่องยากกว่าและเราเห็นเบรคอเวย์รอดได้บ่อยๆ เพราะ peloton คำนวนพลาด
  • ในตูร์ปี 2001 สเตจ 8 เบรคอเวย์หนีเข้าเส้นชัยนำห่าง peloton ถึง 35 นาทีเพราะกลุ่ม peloton ชะล่าใจ ถ้าเบรคอเวย์มีนักปั่นที่อันดับเวลารวมดีนั่นอาจจะหมายความว่าได้ผู้ชนะตูร์ตั้งแต่วันนั้นเลย อังเดร คิวิเลฟ (Cofidis) โดเมสติกของทีมคว้าอันดับ 4 รายการทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่ตัวเต็งเลยด้วยซ้ำจากการเข้ากลุ่มหนีในวันนั้น
  • หรือในตูร์ปีนี้ที่ โทนี กาโลแพน (Lotto) คว้าแชมป์สเตจ 11 เสี้ยววินาทีสุดท้าย นำหน้ากลุ่ม peloton ที่จอห์น เดเกนโคลบ์ (Giant) สปรินต์ตามเข้ามาห่างไม่ถึงวินาที
  • เบรคอเวย์เองก็มีกลยุทธ์ไม่ให้โดนจับง่ายๆ เมื่อใกล้จะโดนกลุ่มรวบ กลุ่มหนีอาจจะผ่อนแรงลงเล็กน้อยก่อนที่จะเร่งออกทำระยะห่างครั้ง สร้างความซับซ้อนให้การไล่จับมากขึ้นไปอีก

 

ไม่เหมือนสนามใจเกินร้อย

การแข่งระดับสูงสุดนั้น ทั้งผู้หนีและผู้ไล่มีข้อมูลและระยะเวลาของอีกกลุ่มอยู่ในมือตลอดเวลา ทำให้รูปเกมนั้นต่างจากการแข่งระดับสมัครเล่นที่ไม่มีวิทยุสื่อสารและกรรมการคอยบอกเวลา ทั้งจำนวนทีม ความแข็งแรงของนักปั่นก็ต่างกันมาก ปกติแล้วในสนามระดับสมัครเล่นทั่วไป ผู้ชนะส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่มเบรคอเวย์ซึ่งประกอบด้วยนักแข่งที่แข็งแรงที่สุดในรายการ อาจจะเริ่มคัดตัวกันตั้งแต่จุดสตาร์ทแล้วตามจับกันไม่ทันอีกเลย ก็เป็นได้ หรือจะหนีตอนท้ายจนหายลิบก็ดี รูปแบบการออกหนีและไล่จับก็จะต่างจากที่เราเห็นในทีวีพอสมควรครับ

 

สรุป

เบรคอเวย์เป็นเสมือนไฮไลท์ของการแข่งขันจักรยาน เป็นลานประลองความเป็นไปได้ต่ำที่ถึงรู้ว่าโอกาศรอดจะน้อยแต่ทุกคนก็อยากลอง เข้ากับสำนวนไทยที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น เพราะเมื่อเบรคอเวย์หนี peloton ได้สำเร็จแบบจวนเจียนนั้นมันจะเป็นจังหวะที่การแข่งขันสนุกที่สุดเลยก็ว่าได้ครับ นอกจากจะทำให้เราเห็นผลงานนักปั่นที่ไม่ใช่ตัวเต็งแล้ว การไล่จับกลุ่มหนีก็มักจะมีกลยุทธ์มากมายที่ทำให้การแข่งจักรยานถนนตื่นเต้นเร้าใจ อย่างตอนที่แจ๊ค บาวเออร์ (Garmin) โดนรวบที่หน้าเส้นหลังจากหนีมาร่วม 200 กิโลเมตรในสเตจ 15 หรือตอนที่รามูนัส นาวาร์ดอสกัส แก้เกมให้ Garmin หนีรอดในสเตจ 19 เป็นอีกมิติของการแข่งขันที่น่าดูไม่แพ้การสปรินต์และการห้ำหั่นกันบนยอดเขาของเหล่าตัวเต็งครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *