คาเล็บ ยวน สปรินเตอร์ชาวออสซี่จาก Orica-GreenEdge อาจจะอายุได้แค่ 21 ปี แต่เขาก็มีผลงานชัยชนะในการแข่งขันระดับสูงสุด จัดว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าทึ่งในวงการ เพราะนักปั่นน้อยคนที่จะชนะสเตจแกรนด์ทัวร์ (Vuelta Stage 5 2015) ตั้งแต่อายุเท่านี้ จนกลายเป็นนักปั่นที่ถูกจับตามองที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้
แต่กว่าจะมาเป็นสปรินเตอร์ฝีเท้าดีแบบนี้ คาเล็บต้องผ่านอะไรมาบ้าง? วิดีโอ “What we do For Speed” จาก Scott ข้างล่างนี้เล่าถึงความรู้สึกและการฝึกซ้อมของสปรินเตอร์ระดับโลกคนนี้ให้เราได้เข้าใจกันครับ
DT คิดว่าสิ่งที่คาเล็บพูดมีประโยชน์มาก เลยอยากจะแปลมาเป็นภาษาไทยให้อ่านกันด้วย
“ผมไม่รู้มาก่อนว่าผมจะเป็นสปรินเตอร์ ผมนึกว่าตัวเองจะเป็นนักไต่เขามาตลอด แต่ผมเริ่มสปรินต์ชนะในสนาม Bay Crit ((สนามไครทีเรียมสมัครเล่นรายการใหญ่ในออสเตรเลีย)) ตอนอายุได้ 18-19 ปี
แต่พอผมเติบโตขึ้นและกล้ามเนื้อเริ่มพัฒนาชัดเจน ผมพบว่าตัวเองเป็นนักปั่นสไตล์สปรินเตอร์ที่กล้ามเนื้อแบบ fast-twitch ทำงานได้ดีกว่า
สิ่งที่ผมชอบที่สุดคือการคว้าชัยชนะ และความรู้สึกที่เราทำอะไรได้สำเร็จ มันเป็นอะไรที่ดึงดูดให้ผมอยากเป็นนักกีฬาอาชีพ
สิ่งที่เราทุ่มเทฝึกซ้อมและยอมเสียสละทุกอย่าง มันคุ้มที่จะอดทนลงมือทำก็ต่อเมื่อเราชนะ ความรู้สึกของการได้เป็นผู้ชนะมันเป็นแรงกระตุ้นที่ดีที่สุด
ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ผมคิดว่าผมต้องพยายามเติบโตให้เร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทั้งเรื่องวินัย แรงกดดันและความคาดหวัง บางทีผมก็คิดเหมือนกันว่าถ้าผมเป็นเด็กวัย 21 ปีเหมือนคนธรรมดาๆ ที่ไม่ได้แข่งจักรยานจะเป็นยังไง แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำหรอก
เมื่อกล้ามเนื้อของคุณเจ็บปวดเต็มไปด้วยกรดแลคติค เมื่อนั้นคุณรู้ว่าคุณซ้อมหนักเต็มที่แล้ว คุณกลับมาถึงบ้าน ไม่เหลือแรงจะทำอะไรอย่างอื่น
การที่ตอนนี้แต่ละทีมมีขบวนลีดเอาท์แข่งขันกันตลอดเวลาในสเตจสปรินต์ มันทำให้เกมสปรินต์อันตรายมากขึ้น จากแต่ก่อนที่มีสปรินเตอร์แค่ 10 คนพยายามแย่งตำแหน่งกันสปรินต์ ตอนนี้แทบจะกลายเป็นสิบทีม นักปั่นเกือบร้อยชีวิตที่ต้องเบียดเสียดกันเพื่อคว้าชัยชนะ
บางทีการสปรินต์ที่ความเร็ว 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยท่าการสปรินต์แบบของผมมันก็น่ากลัวมากครับ โดยเฉพาะเมื่อหน้าผมแทบจะลงไปติดล้อหน้า สิ่งที่ยากที่สุดคือการซ้อมให้สามารถส่งถ่ายพลังได้เยอะที่สุดในท่าสปรินต์แบบนี้
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในอาชีพการเป็นนักปั่นของผมคือ ผมสามารถมองย้อนกลับไปแล้วสบายใจได้ว่า ผมไม่สามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ผมทำทุกอย่างเพื่อที่จะเป็นนักปั่นที่เก่งที่สุดเท่าที่ตัวผมจะทำได้ มันอาจจะหมายถึงการได้แชมป์สเตจใน Tour de France 1 ครั้งหรือ 20, 25 ครั้ง
ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ผมก็ยังยิ้มได้กับมัน”
* * *