ก้าวต่อไปของคริส ฟรูมและทีม Sky

เช้านี้เรามาทำความเข้าใจคดีของคริส ฟรูม (Team Sky) ตอนนี้ที่กำลังเจอวิกฤติ ผลปัสสาวะผิดปกติจากการใช้ยาพ่นขยายหลอดลม มีโอกาสรับโทษแบนพักแข่ง และโดนริบแชมป์ Vuelta a Espana 2017 DT อธิบายถึงยาที่เขาใช้ เคนสที่เคยเกิดขึ้นแบบเดียวกัน และทางออกของทีม ลองมาดูกันครับ

 

1. Salbultamol คืออะไร ?

ดูรูปนี้แล้วอาจจะเข้าใจง่ายกว่า

มันคือยาพ่นขยายหลอดลมธรรมดาๆ นี่เองครับ

ซาลบูทามอล (Salbutamol) เป็นยาที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า เวนโทลิน (Ventolin) เป็นยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์กระตุ้น Adrenergic receptor ที่บริเวณกล้ามเนื้อเรียบของหลอดลม ทำให้หลอดลมขยายตัวโดยไม่มีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ใช้เพื่อบรรเทาอาการของโรคหอบหืด (Asthma) ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และภาวะอื่น ๆ ที่มีหลอดลมหดเกร็ง/ตีบตัวร่วมด้วย ยาประเภทนี้มักใช้โดยวิธีการสูดดมหรือฉีดพ่นละออง แต่ก็มีแบบที่เป็นยาเม็ด ยาแคปซูล ยาน้ำเชื่อม และยาฉีดด้วยเช่นกัน โดยยาแบบสูดดมจะออกฤทธิ์ภายใน 15 นาที และคงฤทธิ์อยู่ได้นานประมาณ 2-6 ชั่วโมง ร่างกายต้องใช้เวลา 1 – 6 ชั่วโมงในการกำจัดยาออกจากกระแสเลือด 50% โดยผ่านไปกับปัสสาวะ

กลไกการออกฤทธิ์คือตัวยาจะไปกระตุ้นตัวรับ (receptor) ในระดับเซลล์ของผนังหลอดลมที่เรียกว่า เบต้า-2 รีเซปเตอร์ (Beta-2 receptor) ทำให้หลอดลมคลายตัวและเกิดฤทธิ์การรักษาตามสรรพคุณดังกล่าว

หลังจากการรับประทานยาและเมื่อยานี้เข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ตัวยาจะถูกส่งไปเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีที่ตับ ร่างกายจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-6 ชั่วโมง ในการกำจัดยาออกจากกระแสเลือดครึ่งหนึ่งโดยผ่านไปกับปัสสาวะ

อย่างไรก็ดี ยานี้มีผลข้างเคียงอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรผิดปกติ เป็นตะคริว ปวดศีรษะ ลมพิษ และความดันโลหิตต่ำ โดยเฉพาะถ้าใช้เกินโดส

 

2. Salbutamol ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพนักปั่นหรือเปล่า?

อันดับแรกองค์กรต่อต้านการโด้ปโลก (WADA) ไม่ได้ห้ามการใช้ Salbutamol ภายในปริมาณที่กำหนด ความเป็นจริงแล้วแต่ก่อน WADA เคยแบนการใช้ Salbutamol ในการแข่งขัน แต่เลิกการแบนไปในปี 2010 เพราะนักกีฬาประเภท endurance sport ใช้เยอะเป็นประจำ และวุ่นวาย+เปลืองเงินที่จะต้องมาจัดการเรื่องการขอการใช้ยาในกรณีพิเศษ (TUE)

เช่นนั้นแล้วนักกีฬาสามารถใช้ Salbutamol ได้ จะใช้ตอนแข่งด้วยก็ได้ แต่ห้ามเกินปริมาณ

ปริมาณที่กล่าวคือ ไม่เกิน 1,600 ไมโครกรัมในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 800 ไมโครกรัมในเวลา 12 ชั่วโมง หากตรวจพบผลปัสสาวะว่ามี Salbutamol เกิน 1,000 นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร นักปั่นอาจโดนลงโทษภายใต้กฏต่อต้านการโด้ป

กรณีของฟรูมคือผลปัสสาวะมี Salbutamol เกินกำหนดสองเท่า ที่ 2,000 ng/ml ถ้านับเป็นจำนวนครั้งการพ่นเพื่อให้ความเข้าข้น Salbutamol ในปัสสาวะออกมามากขนาดนี้ก็ต้องพ่นอย่างน้อย 32 ครั้งในวันเดียว (!!)

อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์หลายคนก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงมีการตั้งเพดานว่า ในปัสสาวะห้ามมี Salbultamol เกิน 1,000 นาโนกรัม เพราะสารตัวนี้ยังเป็นที่ถกเถียงว่า อาจจะไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอะไรให้นักกีฬาเลย จะช่วยอย่างมากก็คือแค่รักษาอาการภูมิแพ้

 

3. ถ้าฟรูมบอกว่าใช้ยาในเกณฑ์ แล้วทำไมผลปัสสาวะถึงออกมาเกินเกณฑ์​

ถ้าอ่านข่าวแบบข้ามๆ ก็อาจจะคิดว่าฟรูมตั้งใจโกงด้วยการอัดยาเกินขนาด แต่จริงๆ ละเอียดอ่อนกว่านั้นครับ นั่นก็เพราะว่าเราไม่สามารถบอกได้ว่า ถ้าพ่นยา Salbutamol แล้ว ผลฉี่เราจะออกมาเป็นยังไง จะมีสารเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์​

อัตราส่วนของการรับสาร (พ่นยา) และถ่ายสารออกมา (ฉี่) ไม่ใช่ 1:1 เช่นไม่ใช่ว่า พ่นเข้าไป 1,000 ไมโครกรัม แล้วมันจะออกมาในฉี่ 10 ไมโครกรัมเป๊ะๆ ปัจจัยอื่นๆ เช่นร่างกาย ระบบเมตาโบลิซึมของบุคคล สภาพอากาศ อุณหภูมิ อาหาร และอีกมากมาย มีผลต่อค่า Salbutamol ในปัสสาวะ

หมายความว่าถึงคุณจะใช้ยาภายในเกณฑ์​ คุณอาจจะขับมันออกมาเยอะกว่าเกณฑ์​ก็ได้ ผลการศึกษาจากห้องแล็บโด้ปในสวิสเซอร์แลนด์ ที่ลองให้นักกีฬา 22 คนใช้ Ventolin พ่นภายในเกณฑ์ที่กำหนด แต่ผลกลับออกมาว่า มีนักกีฬา 5 คนที่ค่า Salbutamol ในปัสสาวะออกมาเกินเกณฑ์​

สภาพอากาศก็มีผล อีกหนึ่งการศึกษาในปี 2014 พบว่า ในนักกีฬา 32 คนที่ให้ทดลองออกกำลังกายในสภาพอากาศร้อน หลังจากพ่น Salbultamol เข้าไป 1,600 ไมโครกรัม (ภายในเกณฑ์สำหรับหนึ่งวันพอดี) ผลปัสสาวะที่ออกมาคือนักกีฬา 20 จาก 32 คนมีค่าเกินเกณฑ์ แปลว่าถ้าอากาศและเวลาเป็นใจ การใช้ยาเต็มโดสตามกฏในวันเดียวมีโอกาสที่ผลปัสสาวะจะผิดปกติ ซึ่งทีม Sky น่าจะใช้เหตุผลนี้ในการอธิบายความผิดปกติของฟรูม

 

4. ถ้านักกีฬาใช้ยาพ่นกันเยอะขนาดนี้ แล้วทำไมเพิ่งมีฟรูมที่มีปัญหา

ถ้าเราใช้ยาพ่นแล้วมีโอกาสที่ผลปัสสาวะจะเกินเกณฑ์ที่อนุญาตได้ง่ายๆ เหมือนผลการทดลองที่อ้างอิงข้างบนแล้ว ทำไมเคส Salbutamol จึงมีให้เห็นน้อยมาก? ที่ผ่านมาเรามีเคสของ

  1. อเลซานโดร เพทัคคี (2007 – 1,320 ng/ml, พักแข่ง 12 เดือน)
  2. เลโอนาโด พีโพลี (2007 – 1,300 ng/ml, ไม่โดนแบน)
  3. ดิเอโก้ อูลิซซี (2014 – 1,920 ng/ml พักแข่ง 9 เดือน)

ที่น่าสนใจคือ พีโพลีกับเพทัคคีที่มีค่าปัสสาวะใกล้เคียงกัน คนนึงโดนแบนปีนึง อีกคนไม่โดนอะไรเลย? ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมผลการตัดสินถึงต่างกัน

อีกอย่างที่ต้องรู้ จริงๆ แล้วฟรูมและทีม Sky โดนเตือนตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนแล้ว แต่ไม่เป็นข่าว เหตุผลเดียวที่มันเป็นข่าวก็เพราะมีคนปล่อยข่าวให้ นสพ. Guardian และ Le Monde ซึ่งทั้งคู่สืบสวนร่วมกันจนปล่อยข่าวออกมาเมื่อวานนี้

ปกติแล้วการแจ้งผลการตรวจโด้ปของ UCI นั้น จะออกข่าวสาธารณะก็ต่อเมื่อนักปั่นคนนั้นๆ ต้องรับโทษพักแข่ง ถ้าไม่ได้รับโทษอย่างในกรณีของฟรูมก็ไม่จำเป็นต้องมีการออกข่าว ฟรูมไม่โดนแบนเพราะ Salbutamol เป็นสารที่อนุญาตให้นักกีฬาใช้ได้ภายในเกณฑ์ที่กำหนด และถ้าหากผลออกมาเกินเกณฑ์ นักกีฬาต้องพิสูจน์ตัวเองก่อน ถ้าไม่สำเร็จถึงจะมีการกำหนดบทลงโทษ

นั่นหมายความว่า น่าจะมีอีกหลายเคสแบบฟรูม (ปริมาณ Salbutamol เกินเกณฑ์) ที่ UCI จัดการกับนักกีฬาไปแล้วโดยที่เรื่องไม่ออกสู่สาธารณะ หรือแม้แต่เคสของฟรูมเอง ก็เป็นไปได้ที่เขาเคยใช้เกินเกณฑ์แล้ว แต่เคลียร์กับ UCI ได้ เลยไม่เป็นข่าวออกมา เราไม่มีทางรู้จริงๆ

 

5. ฟรูมจะแก้ตัวยังไง

ต้องเข้าใจว่า ฟรูมตรวจปัสสาวะไม่ผ่าน แต่ยังไม่เข้าขั้นผิดกฏการโด้ป เพราะอย่างที่กล่าวไป Salbultamol เป็นสารที่อนุญาตให้นักกีฬาใช้ได้ ฟรูมจะผิดกฏการโด้ปก็ต่อเมื่ออธิบาย/พิสูจน์ความบริสุทธิ์ตัวเองไม่สำเร็จ

ฟรูมต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า

  1. ปกติฟรูมใช้ยาพ่นครั้งละไม่เยอะ (สมมติ 200-300 ไมโครกรัม / เพดานอยู่ที่ 1,600 ไมโครกรัมต่อวัน)
  2. ปัสสาวะปกติของฟรูมมีค่าความเข้มข้น Salbutamol เยอะ เช่น 900 ng/ml (สูงสุดที่ไม่ผิดกฏคือ 1,000 ng/ml)

พูดง่ายๆ คือปกติ ถึงใช้ยาน้อย แต่ยาจะออกมาในฉี่เยอะ เช่นนั้นแล้ว ถ้าเขาเกิดใช้ปริมาณ “มากกว่าปกติ” ในสเตจ 17 Vuelta อย่างที่อ้างจริง ก็ “เป็นไปได้” ที่ค่าความเข้มข้น Salbutamol จะเกินเกณฑ์ไปเยอะมาก

แต่นั่นแหละครับ กฏคือกฏ และถ้าฟรูมเข้าไปทดสอบแล้ว ผลไม่ออกมาอย่างที่บอกข้างต้น (ใช้ยาน้อย ยาออกมาในฉี่ก็น้อยด้วย) ก็จะโดนรับโทษอย่างแน่นอน เหมือนที่อูลิซซี่ทั้งทดลองในแล็บ พยายามอธิบาย แต่ก็ไม่สำเร็จ กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ

ถ้า UCI ตัดสินว่าฟรูมผิดจริง เขามีโอกาสถูกสั่งห้ามลงแข่งขันสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และอาจจะถูกริบชัยชนะ Vuelta a Espana 2017, วินเชนโซ นิบาลี (Bahrain-Merida) ก็จะได้เป็นแชมป์ (ย้อนหลัง) แทน

 

6. สรุป

เคสนี้อาจจะใช้เวลาอีกนานครับ ระหว่างนี้ฟรูมก็ออกตัวไปแล้วว่าจะแข่ง Giro ถ้าเขาต้องรับโทษแบน (ซึ่งปกติจะแจกย้อนหลัง นับจากวันที่พบความผิดปกติ) 6 เดือน เขายังมีโอกาสลงแข่ง Giro d’Italia แต่ถ้าเขาโดนแบน 9 เดือนขึ้นไป ก็เจอกันอีกที Tour de France เลย ถ้าโดนแบนปีนึงเหมือนเพทัคคี ก็บอกล่าฤดูกาล 2018 ได้เลย

ในสเตตเมนท์ของทีม Sky เขาเขียนมาด้วยภาษาที่พยายามตีตัวออกห่างจากฟรูม (ลองไปอ่านในเว็บทีม Sky) ซึ่งชัดเจนว่าเบรลส์ฟอร์ดพยายามรักษาภาพพจน์ของทีม ปัดความรับผิดชอบไปที่นักกีฬาก่อน เพราะตอนนี้รักษาอะไรได้ก็ต้องรักษาไว้ กับภาพพจน์ทีม Sky ที่ชอกช้ำตลอดทั้งปี ตั้งแต่กรณีการขอใช้สเตียรอยด์ของวิกกินส์ในปีที่เขาได้แชมป์ Tour de France, กรณีกระเป๋ายาลึกลับที่ยังสรุปไม่ได้ว่ายาอะไรอยู่ในนั้นและใครเป็นคนใช้ ไหนจะกรณีของจิอันนี มอสคอนที่ทำกิริยาไม่เหมาะสมกับนักแข่งทีมอื่นอีกหลายครั้ง

 

อ้างอิง

Effects of short-term salbutamol ingestion during a Wingate test. (2005)

Short term salbutamol ingestion and supramaximal exercise in healthy women. (2006)

Effect of acute and short-term oral salbutamol treatments on maximal power output in non-asthmatic athletes. (2012)

Sportscientists.com: Brief thoughts on Froome’s salbutamol result

Cyclingnews: A lot of explaining to do: The questions raised by the Chris Froome salbutamol case

Chris Froome Q&A: how long could he be banned for and what happens next?

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *