Editor’s Note: เรากำลังเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการแข่งขัน Vuelta a Espana หรือ Tour of Spain และตอนนี้ก็เป็นเอซทีม Movistar ชาวโคลอมเบียตัวจิ๋ว ไนโร อเล็กซานเดอร์ คินทานา โรฮาส ที่กำลังครองเสื้อผู้นำเวลารวมอยู่ หลายคนอยากรู้จักเขามากกว่าแค่ความเป็นนักไต่เขาฝีเท้าจัดจ้านหาตัวจับยาก วันนี้ DT หยิบเรื่องราวของคินทานาในมิติที่คุณอาจจะไม่เคยรู้จักมาก่อนมาฝากกันครับ
I. The Tour Begins
โลกปัจจุบันเต็มไปด้วยช่องว่างทางสังคม มีคนที่ได้เปรียบ และมีคนที่เสียเปรียบไม่ว่าเราจะพยายามทำอะไรสักอย่างก็ตาม
แต่มีคำกล่าวหนึ่งที่เป็นจริงอยู่เสมอ “กีฬาคือเครื่องปรับดุลอำนาจ” ในโลกแห่งการแข่งขันจักรยาน ถ้าคุณมีความพยายามมากพอ คุณก็สามารถเอาชนะคู่แข่งจากทีมเงินล้านได้ไม่ยาก
ในสัปดาห์สุดท้ายของการแข่งขัน ตูร์เดอฟรองซ์ปี 2015 นักปั่นลงสนามกันมาแล้วกว่า 3,000 กิโลเมตร ในสเตจรองสุดท้าย ผู้ท้าชิงแชมป์รายการสองคนกำลังขับเคี่ยวกันใน Alpe d’Huez ทางขึ้นเขาที่โด่งดังที่สุดในโลก — คริส ฟรูม แชมป์เก่าจากทีม Sky กำลังแผ่วแรง ในขณะที่ ไนโร คินทานา เอซชาวโคลอมเบียจากทีม Movistar กำลังหาทางปลดเสื้อเหลืองจากบ่าของฟรูม
เริ่มต้นสเตจ ทั้งสองคนมีเวลาห่างกันเพียง 2:39 นาที ฟรูมกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดและเหนื่อยล้าที่ตรากตรำมาตลอดสามสัปดาห์ ถ้าเขาทนเจ็บได้อีกหนึ่งชั่วโมง เขาจะได้แชมป์รายการเป็นสมัยที่สอง ในอีกมุมหนึ่ง ถ้าคินทานาเอาชนะฟรูมได้ เขาจะกลายเป็นแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์จากอเมริกาใต้เป็นคนแรกของโลก เดิมพันนี้สูงเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้
ความเหลื่อมล้ำทางสังคมเข้าแทรกอยู่ในทุกอณูของชีวิต ฟรูม ชายหนุ่มชาวอังกฤษที่เติบโตในโรงเรียนประจำของลูกคนรวยในเคนย่า เทียบกับคินทานา ลูกชาวนาที่ต้องเอาตัวรอดในความยากจนแร้นแค้นกลางเทือกเขาแอนดีส แต่การศึกษาไม่ได้การันตีว่าคุณจะเป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่ง ทั้งคู่กำลังต่อสู้กับแรงโน้มถ่วง แรงกดดัน ความคาดหวัง บนถนนที่ทำให้ชายหลายคนได้กลายเป็นตำนานของโลก ท่ามกลางเสียงเชียร์โห่ร้องของแฟนจักรยานกว่า 400,000 คน
ในวันนั้น คินทานาทำเวลาทิ้งห่างฟรูมได้ทุกกิโลเมตรที่พวกเขาปั่นเข้าเส้นชัย แต่ถึงคินทานาจะลดช่องว่างระหว่างผู้แพ้และชนะลงได้นาทีกว่า แต่ฟรูมก็ยังทำเวลารวมนำได้ 1:12 นาที นี่คือการลงแข่งตูร์ เดอ ฟรองซ์ครั้งที่สองของชายหนุ่มวัย 25 ปีจากโคลอมเบีย และเป็นครั้งที่สองที่เขาคว้าอันดับสองของรายการ
II. Climbing over the mountains
เกร็ก เลอมองด์ อดีตแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์ 3 สมัยกล่าวว่า “ไนโรคือนักปั่นที่เก่งที่สุดที่ผมเคยพบเจอในรอบ 25 ปี เขาจะเป็นเอ็ดดี้ เมิร์กซ์สำหรับชาวอเมริกาใต้”
ว่ากันว่าสถานที่ๆ คุณกำเนิดจะนิยามอัตลักษณ์ของคุณไปทั้งชีวิต ทั้งทางร่างกายและจิตใจ คินทานาเป็นนักปั่นในโปรทัวร์อีกคนที่ไม่ได้มีชีวิตที่ดี เขาเกิดในเมืองชายขอบของเทือกเขาแอนดีสในประเทศโคลอมเบีย ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 10,000 ฟุต พ่อของเขาเป็นชาวไร่ และแม่เป็นแม่บ้านที่ต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก 5 คน ครอบครัวของไนโรไม่ได้ลำบากมากนัก แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยและสุขสบายเช่นกัน
“สำหรับผม จักรยานทำให้ผมมีชีวิตที่ดีขึ้น มันทำให้ผมสนุกกับการปั่นมากกว่าใครๆ ช่วงแรกมันเหมือนกับเป็นหน้าที่ๆ ต้องปั่น ผมไม่เคยสนุกกับมันเลย แต่ช่วงหลังที่ผมเริ่มโตขึ้น จักรยานเปลี่ยนจากหน้าที่มาเป็นความชอบ” คินทานากล่าว
หลายคนสงสัยว่าทำไมชาวโคลอมเบียถึงเป็นนักไต่เขาฝีเท้าดี มักจะทำเวลาปั่นขึ้นภูเขาได้เร็วกว่าชาวยุโรป แต่นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเติบโตในสถานที่ๆ สูงเหนือระดับน้ำทะเลลายหมื่นฟุต ในขณะที่เทือกเขาที่สูงที่สุดในยุโรปอยู่สูงไม่เกิน 8,000 ฟุตมันทำให้ชาวโคลอมเบียมีร่างกายที่คุ้นชินกับการไต่เขา แม้แต่คินทานาเองก็หัดปั่นจักรยานขึ้นเขาตั้งแต่อายุได้ 12 ปี เขาต้องปั่นจักรยานข้ามเขาไปโรงเรียนทุกวันเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร
หลายต่อหลายครั้งที่คินทานาต้องเจอนักกีฬาที่ฝึกซ้อมปั่นในละแวกเดียวกับเค้า และมันทำให้เค้าพบว่า จักรยานคือเครื่องปรับดุลอำนาจที่ดีที่สุด วันหนึ่งเขาถูกนักกีฬาที่มากับจักรยานคาร์บอนไฟเบอร์ราคาแพงท้าแข่งปั่นขึ้นเขา แต่คินทานาเอาชนะผู้ท้าชิงด้วยจักรยานเสือภูเขาบุโรทั่ง เย็นวันนั้น เขากลับบ้านและบอกบิดาเขาว่า ผมอยากเป็นนักปั่นจักรยานอาชีพ
เมื่อเรียนจบมัธยมปลาย คินทานาได้เข้าร่วมสังกัดกับทีมกึ่งอาชีพ และเขาทำผลงานเติบโตอย่างรวดเร็วจนได้เข้าเป็นนักปั่นทีมชาติโคลอมเบีย เขาเริ่มชนะการแข่งขันในระดับภูมิภาคและเป็นที่หมายตาของทีมใหญ่จากยุโรปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นนักปั่นดาวรุ่งให้กับทีมเก่าแก่อย่าง Movistar ที่เคยพาลูกทีมคว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์มาแล้วร่วมสิบครั้ง
คินทานาเติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้สังกัด Movistar คว้าแชมป์รายการสเตจเรซสนามเล็ก และโชว์ถึงศักยภาพในการเป็นผู้นำแกรนด์ทัวร์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยที่เติบโตในภูเขาสูงชัน เขามีทักษะครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงใจ พละกำลังในการปีนเขา ทักษะการบังคับจักรยานลงเขา ความทะเยอทะยานและความมุมานะ
III. The Summit Has Yet to Come
ในตูร์ เดอ ฟรองซ์ปี 2013 ที่กัปตันทีม Movistar อเลฮานโดร วาวเวอเด้เสียเวลาให้คู่แข่งไปร่วม 10 นาทีตั้งแต่สัปดาห์แรกเพราะอุบัติเหตุระหว่างสเตจ คินทานาต้องแบกรับหน้าที่หัวหน้าทีมแทนวาวเวอเด้ และเขาขึ้นไล่ทำเกมสูสีกับนักปั่นอย่างคริส ฟรูม และอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ สุดท้ายเขาจบรายการด้วยอันดับสอง พ่ายให้คริส ฟรูมไปด้วยเวลารวมไม่กี่นาที
โค้ชของทีมถึงกับกล่าวว่า มันอาจจะเป็นตูร์เดอฟรองซ์ครั้งแรกของไนโร แต่เขาทำราวกับว่าตัวเองได้ลงแข่งมาแล้วนับสิบครั้ง นักปั่นแทบทุกคนคงหมดกำลังใจไปแล้วกับการรับหน้าที่และแรงกดดันระดับนี้ แต่คินทานาแข่งราวกับว่ามันก็เป็นแค่การแข่งขันธรรมดาๆ สนามหนึ่ง
มันไม่ใช่การคาดเดาที่เกินจริง เมื่อผลงานในปัจจุบันของเขาตอนนี้มีทั้งอันดับสองในตูร์ เดอ ฟรองซ์สองสมัยและแชมป์ Giro d’Italia รายการแข่งที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลีในปี 2014 เขา กลายเป็นฮีโร่ของชาวโคลอมเบียไปโดยปริยาย และไม่ใช่แค่เป็นนักปั่นชื่อดัง เขายังร่วมทำงานกับองค์กรอิสระเพื่อช่วยเหลือเด็กยากไร้และร่วมก่อตั้งทีมจักรยานสำหรับเยาวชนด้วยเงินทุนของเขาเองอีกด้วย
ถึงคินทานาจะยังไม่สามารคว้าแชมป์รายการแข่งจักรยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการได้ และอายุอาจจะยังน้อย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือนักปั่นชาวโคลอมเบียที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาศตร์ก็คงจะไม่ผิดนัก