2 สัปดาห์ก่อน….
ผมไม่เคยมือชาจากการปั่นจักรยาน….
จะปั่นนานทั้งวัน หรือทางไกลแค่ไหน ถนนแย่ยังไง ก็ยังไม่เคยครับ
จนถึงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา….ที่ผมซื้อจักรยานใหม่
จักรยานคันนนี้คือ Canyon Aeroad CF SLX 8.0Di2 จักรยานแอโรจากค่ายเยอรมัน ได้ของมาปุ๊บ ก็ไม่รอช้า ผมยกจักรยานไปทำฟิตติ้งกับช่างที่คุ้นเคย ถอดระยะต่างๆ จากที่เคยใช้ในรถคันเก่าที่ฟิตติ้งไว้ดีขี่สบายมากแล้วมาใช้กับเจ้า Aeroad ทันที
ฟิตเสร็จก็ลองเอาไปออกปั่นครับ ปั่นซ้อมธรรมดาแถวบ้าน 1-2 ชั่วโมง และปั่นไกลๆ 7-8 ชั่วโมง ลองเช็คอาการ ฟีลลิ่งรถใหม่สักหน่อย (เห่อของใหม่นั่นหละฮะ) แต่แหม่ สื่อต่างประเทศทุกค่ายยกให้ Aeroad CF SLX เป็นหมอบแอโรที่ฟีลลิ่งนิ่มไม่สะเทือนเหมือนเฟรมแอโร generation ก่อนๆ มันต้องขี่ดีสิน่า….
ระหว่างขี่ผมรู้สึกตัวว่าน้ำหนักตัวเราถ่ายมาข้างหน้าค่อนข้างมาก ทั้งๆ ที่ตั้งเบาะองศาเท่าๆ เดิม ระยะ reach / ก็ไม่ต่างจากเดิมนัก ปัญหาที่เกิดคือ เจ็บมือครับ! ขี่จบทริปยาวแล้วมือชาเลย เพราะน้ำหนักกดไปด้านหน้ามาก มือก็รับภาระน้ำหนักเยอะเกินที่มันเคยชิน บวกกับแฮนด์แอโร Integrated ที่ไม่ค่อยจะให้ตัวเท่าไร แฮนด์มันก็กระเทือนมากกว่าที่เคยชิน เป็นภาระให้มือมากเข้าไปอีก ทำให้การปั่นทริปยาวของผมที่กาญจนบุรีมันทรมานตั้งแต่ 60 นาทีแรก!
นอกจากจะเจ็บมือแล้วการที่น้ำหนักเราไปลงบนแฮนด์มากเกินไปทำให้การคอนโทรลรถไม่นิ่งครับ หน้าไว ลงเขาก็เสียว เข้าโค้งก็ไวเกิ๊น!
ทำไม ทำไม ทำไม!
ลองสังเกตรูปเปิดบทความนี้ครับ ภาพที่คุณเห็นคือแฮนด์ Aerocockpit H11 ของจักรยานผม เป็นแฮนด์ / สเต็มแบบชิ้นเดียวทรงแอโร ซึ่ง Canyon โม้ว่าแอโร่ลู่ลมประหยัดแรง ได้ถึง 5.5 watt ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วู๊! ฟังดูดีนะ ซิ่งดี
แต่ปัญหาของแฮนด์ integrate คือ คุณไม่มีตัวเลือกมากนักในการปรับระยะต่างๆ แฮนด์ H11 ใช้สเต็มองศาเดียวคือ -6 องศา ซึ่งผมไม่เคยขี่แฮนด์มุมกดขนาดนี้มาก่อน….ปกติขี่แต่ +6 องศา
ปัญหาที่สองคือ Canyon Aeroad มีระยะ stack สั้นและให้ระยะซางเผื่อมารองแหวนเต็มที่ได้ 4cm
- Aeroad: headtube ยาว 110mm / Stack 512mm
- Nich Signature: XS headtube ยาว 125mm / Stack 534mm
- Storck Scenero G2 47: headtube ยาว 124mm / Stack 523mm)
Nich และ Storck มีระยะ stack สูงกว่า อย่าง Nich ใส่แหวนรองคอแค่ 1cm ส่วน Storck รอง 2cm (อันนี้ไม่เป๊ะนะครับ รถคืนไปหมดแล้ว)
ตอนแรกผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเกี่ยวกับองศารถใหม่ คิดว่าแฮนด์มันไม่ให้ตัวเฉยๆ แฮนด์ integrated มันคงสะเทือนจนมือชาแบบนี้สินะ…. แต่ขี่ไปอีกสองสามวัน เริ่มไม่มีความสุขครับ เจ็บมือทุกวันเลยอะ! เราก็พอรู้แหละว่าน้ำหนักมันลงที่มือมากไป เราจะแก้ปัญหายังไงดี? จะเปลี่ยนผ้าพันแฮนด์มันจะช่วยสักแค่ไหนกัน เพราะปกติก็จับแต่ฮู้ดอยู่แล้ว…
เลยตัดสินใจกลับไปแก้ฟิตติ้งอีกครั้ง
ทางออก
ถึงร้านฟิตติ้ง ผมก็ชี้แจงปัญหาอาการเจ็บมือ (ผล) และที่น้ำหนักตัวมันดูจะมาอยู่หน้ารถมากเกินไป (เหตุ) มากกว่าที่เคยปั่นคันอื่นๆ มา
ช่างสุดหล่อก็บอกว่า สเต็มองศากดแบบนี้ องศารถแบบ ซิ่งๆ ที่ท่อคอสั้นกุด มันมีผลทำให้ “สามเหลี่ยม” ของเรามันจะกว้างขึ้น (ลองนึกถึงท่านั่งปั่นเป็นสามเหลี่ยมครับ หัวคือยอดสามเหลี่ยม ก้นคือมุมซ้าย และแฮนด์คือมุมขวา) นั่นคือน้ำหนักมันก็จะลงไปที่มือและที่ก้นเราเยอะขึ้นด้วย
แล้วเราจะแก้ไขยังไงดี? อันดับแรกเลย ผมต้องทำให้น้ำหนักตัวถ่ายได้สมดุลกว่านี้ ตอนนี้น้ำหนักอยู่หน้าซะเยอะ เลยปั่นไม่สบาย เจ็บมือ กระเทือน เข้าโค้งหน้าไวชวนแหกมาก!
- เราเลยเลื่อนเบาะมาด้านหน้านิดนึง
- หมุนมุมเบาะเชิดขึ้นนิด เพราะตั้งแต่เซ็ตเบาะไป ผมรู้สึกว่าตัวไหลไปด้านหน้าเบาะกว่าแต่ก่อน (น้ำหนักเลยไปลงมือด้วย) ถึงจะเซ็ตเบาะองศาเดียวกับคันเก่าที่เคยขี่ก็ตาม
- และสุดท้าย ยกหลักอานขึ้นนิดนึง (เซ็ตทีแรกต่ำไป) ทำให้ควงขาได้สบายขึ้น
ผลคือปั่นสบายเหมือนคันก่อนๆ ที่เคยฟิตแล้ว น้ำหนักไม่ได้ลงที่มือเยอะเหมือนทีแรก ก็ปั่นสบายขึ้นเยอะ
* * *
บทเรียนเรื่องฟิตติ้ง
1. ฟิตที่ดีสำคัญมาก: ถ้าจักรยานขี่ไม่สบาย ต่อให้รถคุณจะแพง จะดี จะสวยแค่ไหน เราก็คงไม่อยากขึ้นขี่ บางคนอาจจะโชคดีไม่จำเป็นต้องไปฟิตติ้ง ปรับเล็กๆ น้อยๆ ก็ปั่นได้สบาย ออกแรงได้เต็มที่แล้ว แต่ผมเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคน ส่วนตัวผมเป็นคนไม่อยากยุ่งกับเรื่องฟิตติ้งรถด้วยตัวเอง ถ้ามีคนที่รู้เยอะกว่า ประสบการณ์เยอะกว่า และทำงานฟิตติ้งเป็นอาชีพ ผมอยากใช้บริการเขามากกว่ามางมเองว่าต้องปรับระยะเท่าไรถึงจะขี่สบาย (รู้ไว้บ้างก็ไม่เสียหายน่ะนะ)
2. ใครเป็นคนฟิตก็สำคัญ: การไปทำ Bike Fitting กับฟิตเตอร์นั้น จริงว่าแต่ละคนอาจจะเรียนจบมาจากสถาบันอบรมเดียวกัน หรือใช้หลักการวิทยาศาสตร์คล้ายๆ กัน แต่แนวคิด และปรัชญาการฟิตของฟิตเตอร์นั้นก็ต่างกันอยู่ครับ (จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเจอ) สิ่งสำคัญคือคุณต้องสื่อสารให้ดีว่าคุณต้องการอะไรจากการมาทำ bike fitting อยากขี่สบายได้นานๆ? อยากได้ท่าปั่นซิ่งๆ แอโร่ เพื่อการแข่งขันแบบรีดเค้นประสิทธิภาพโดยที่ไม่ทำร้ายร่างกายจนเกินไป? อยากแก้ปัญหาอาการบาดเจ็บ ติดขัด หรือเจ็บชาตรงไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่บอกตรงนี้ให้ชัดเจนคุณก็จะไม่ได้ฟิตอย่างที่ต้องการ ฟีลลิ่งการปั่นมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ
ยกตัวอย่างเคสของผมเรื่องการตั้งเบาะ เราตั้งองศาเบาะเท่าเดิมกับคันก่อน แต่โดย geometry รถที่ไม่เหมือนกันเป๊ะทำให้น้ำหนักตัวผมถ่ายมาข้างหน้าเยอะ ก้นก็ไหลมาด้วย ฟิตเตอร์ไม่อยากหมุนเบาะขึ้นให้ผมเพราะคิดว่าเบาะมันจะไปดันกระดูก sit bone จนเกินไป ซึ่งจะทำให้ขี่ไม่สบาย แต่ผมบอกฟิตเตอร์ว่า ไม่ดันนะครับ พอเอาขึ้นแล้วผมขี่สบายกว่านะ รู้สึกน้ำหนักกลับมาสมดุลเหมือนคันเก่าแล้ว ถ้าผมไม่สื่อสารตรงนี้แล้วเชื่อฟิตเตอร์อย่างเดียวก็คงยังฟิตได้ไม่ลงตัว สรีระแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะงั้นตัวคนไปรับการฟิตเองก็ต้องหัดสังเกตร่างกายและสื่อสารให้ชัดเจนนะครับ
3. เครื่องมือฟิตติ้งไม่ใช่ทุกอย่าง: สมัยนี้เห็นหลายๆ ร้านจักรยานโฆษณาเครื่องมือทำ Bike Fitting ราคาเฉียดล้านที่อ้างสรรพคุณการปรับแต่งต่างๆ นาๆ แต่สำหรับผู้บริโภค ผมอยากแนะนำว่า เครื่องมือที่เราเห็นมันเป็นครึ่งเดียวของสมการครับ เครื่องมือจะดีแค่ไหนถ้าช่างไม่มีประสบการณ์ ก็ยากที่จะได้ฟิตที่ดี ถ้าต้องเลือกระหว่างร้านที่เปิดใหม่ เพิ่งไปอบรมพร้อมซื้อเครื่องฟิตราคาแพงมา กับร้านที่อาจจะไม่มีเครื่องมือหวือหวา แต่ช่างประสบการณ์มาก มีชื่อเสียง เป็นที่แนะนำต่อๆ กันมา ว่าฟิตแล้วดี ส่วนตัวผมอยากเลือกแบบหลังมากกว่าครับ
เทียบกันง่ายๆ ถ้าผมต้องจ้างช่างกล่องไปถ่ายงานนิตยสาร มีตัวเลือกระหว่างช่างภาพมือสมัครเล่นแต่มีอุปกรณ์ครบราคาแพง กับช่างภาพอาชีพชั่วโมงบินสูง พอร์ทโฟลิโอ้เป็นที่ยอมรับ แต่อุปกรณ์ดีแค่ระดับหนึ่ง ผมก็คงเลือกอย่างหลังโดยไม่ต้องคิดมาก
4. จะซื้อจักรยานใหม่ดู Geometry ให้ดี: Canyon Aeroad เป็นจักรยานแข่งขัน… Canyon บอกชัดเจนว่า คันนี้มัน pro geometry นะยู คอมันต่ำนะ ท่อนอนมันยาวนะ แฮนด์แอโรสเต็มมันองศากดนะ ดรอปก็ลึกด้วย ยูต้องแข็งแรง ต้องมีความยืดหยุ่นนะถึงจะขี่ได้ดี!
อืมมมม…..
DT ไม่แคร์! ซื้อเลย คอต่ำ สเต็มเกือบขนานพื้น ซิ่ง เท่ห์ดี!
…ก็เมื่อยหลังเมื่อยคอไปหลายวัน…
ปกติปัญหาของผมที่น้ำหนักมือลงหน้าเยอะ แก้ไม่ยากครับ ใส่แหวนรองคอให้สูงขึ้น หรือพลิกสเต็มก็จบแล้ว…แต่! Canyon ให้ระยะซางมาสั้น ใส่แหวนรองคอจนหมดแล้วก็ยังไม่พอสำหรับร่างกายที่ยังไม่ค่อยยืดหยุ่นและไม่ค่อยแข็งแรงของผม สเต็มกลับด้านไม่ได้ รถแบบนี้มันแก้ไขอะไรมากไม่ได้ (ใครจะซื้อรถที่ integrate อุปกรณ์ต่างๆ เยอะๆ ดูดีๆ นะครับ) เพราะเขาตั้งใจออกแบบมาให้ใช้งานในลักษณะซิ่งๆ แข่งขันทำความเร็ว ถ้าจะให้ซางมายาวๆ ใส่แหวนสูงๆ สมดุลรถ handling ฟีลลิงก็จะเสียไปจากที่ออกแบบ
เช่นนั้นแล้วตอนซื้อรถใหม่ก็ต้องดูให้ดีว่ามันเหมาะกับโจทย์การใช้งานของเรามั้ย ผมยังชื่นชอบการขี่เร็วๆ การแข่งขันอยู่ ก็ยอมรับได้ว่า Canyon มันคงไม่ได้ขี่สบายๆ นักหรอก ก็มันออกแบบมาเพื่อแข่งขัน ให้ไปได้ไวนี่ ไม่ได้ใช้กินลมชมวิว
5. ฟิตใครฟิตมัน: สรีระร่างกายแต่ละคนไม่มีใครที่เหมือนกัน การออกแรงปั่นจักรยานนั้นดูเผินๆ เป็นการออกแรงไม่กี่ส่วน แต่ท่วงท่าทุกอย่างนั้นเชื่อมโยงกันหมด แม้แต่ส่วนที่เราไม่ได้ใช้ออกแรง ไม่แนะนำให้เซ็ตรถตามคนอื่นหรือตามโปรครับ
สำหรับ Canyon คันนี้ เทสต์เสร็จแล้วเป็นยังไงจะมาเล่าสู่กันฟังครับ
* * *