เชื่อว่าคงไม่มีใครเคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ใน Tour de France สเตจ 12 อย่างแน่นอน และมันคงเป็นเหตุการณ์ที่จดจำกันไปอีกนานเท่านาน มาพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับแบบ step-by-step ครับ
เกิดอะไรขึ้น?
ช่วงสุดท้ายของการแข่งขันระหว่างทางขึ้นเขามง วองตู กลุ่มตัวเต็งรายการเริ่มออกหมัดโจมตีกัน ไนโร คินทานา (Movistar) เปิดเกมยิงกลุ่มก่อน แต่ทีม Sky ส่งเวาท์ โพลส์ ไล่เก็บรวบเข้ากลุม่ได้ จากนั้น คริส ฟรูม ผู้นำเวลารวมเป็นคนกระชากกลุ่มเอง มีแค่ริชีย์ พอร์ท (BMC) และบอเก้ โมเล็มม่า (Trek-Segafredo) ที่ตามมาด้วยกัน
สามคนนี้นำกลุ่มหลังได้พอสมควร แต่ถนนค่อนข้างแคบเพราะมีผู้ชมอยู่เต็มสองข้างทาง มอเตอร์ไซค์ผู้จัดที่อยู่หน้ากลุ่มฟรูมต้องจอดกะทันหัน (ยังไม่มีใครรู้ว่าเบรคเพราะอะไร) พอเบรคกะทันหันปุ๊บ….
พอร์ทก็ชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์ ฟรูม และโมเล็มม่าล้มทับกัน
โมเล็มม่าเป็นคนเดียวที่จักรยานไม่มีปัญหา และร่างกายก็ไม่เจ็บ เลยลุกขึ้นปั่นต่ออย่างรวดเร็ว พอร์ทค่อยๆ ตามออกไป แต่ฟรูมจักรยานหัก เพราะมอเตอร์ไซค์ข้างหลังเข้ามาทับรถเขา
ซีทสเตย์หัก ฟรูมทำอะไรไม่ได้ เพราะรถเซอร์วิสของทีมอยู่ข้างหลังไปห้านาที และรถเซอร์วิสกลางของ Mavic ก็ยังมาไม่ถึง ฟรูมตัดสินใจวิ่ง!
ระหว่างที่วิ่ง ฟรูมก็วิทยุบอกทีมไปด้วย สุดท้ายรถเซอร์วิสกลางของ Mavic ก็มาถึง แต่จักรยานกลางนั้นใช้บันของ Time (มีทีมไหนในโลกนี้ที่ใช้คลีท time!!!!????) แต่ฟรูมใช้บันได Shimano SPD-SL ก็ปั่นไปแบบง้อกๆ แง้กๆ
Update: มาดูรูปอีกที รถเซอร์วิส Mavic มีบันไดเกือบทุกแบบ Look Time บันไดตะกร้อ (แต่ยังไม่เห็น Shimano)
สุดท้ายฟรูมก็ได้จักรยานจากรถทีม Sky เอง แต่ระหว่างนั้น โมเล็มม่าก็หนีเข้าเส้นชัยไปแล้ว และฟรูมโดนคู่แข่งทุกคนที่เขาแซงขึ้นมาแซงคืนกลับ ฟรูมเข้าเส้นชัย 1 นาที 40 วินาทีหลังโมเล็มม่า และ 1 นาที 20 วินาทีหลังกลุ่มของคินทานา ซึ่งมีอดัม เยทส์ (Orica), ทีเจย์ (BMC), โรดริเกรซ (Katusha), บาค์เดต์ (AG2R), อารู (Astana), คินทานา (Movistar), วาวเวอเด้ (Movistar) และแมงกี้ (Lampre) นั่นหมายความว่าอดัม เยทส์กลายเป็นผู้นำเวลารวมคนใหม่ของรายการ….หรือเปล่า?
คำตัดสิน
ด้วยที่เป็นอุบัติเหตุโคตรจะสุดวิสัย ซึ่งตอนนี้เราก็ยังไม่ทราบได้ว่ามอเตอร์ไซค์หยุดเพราะอะไร แต่พอจะเดาได้ว่าอาจจะมีผู้ชมข้างทางเข้ามาขวาง…
กรรมการเลยตัดสินปรับเวลาใหม่
“There was a considerable amount of fans, with some exceptional people but others who were more excited. There will be an investigation to find out why the TV motorbike was blocked and the riders fell. As a consequence, the race jury decided to give Porte and Froome, and behind them Quintana and Valverde, the same time as the other riders who were not, or less hampered by the incident.
“สเตจวันนี้มีผู้ชมข้างทางเป็นจำนวนมาก หลายคนมีระเบียบเรียบร้อยไม่รบกวนการแข่ง แต่อีกหลายคนก็กระตือรือร้นมาก จะมีการสอบสวนว่าทำไมมอเตอร์ไซค์ถ่ายทอดสดถึงต้องหยุดกะทันหันจนทำให้นักปั่นล้ม ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการตัดสินให้ พอร์ท ฟรูม รวมถึงคินทานาและวาวเวอเด้ได้เวลาเท่ากับนักปั่นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ”
แปลง่ายๆ คือ ฟรูม และพอร์ทได้เวลาเท่ากับที่โมเล็มม่าเข้าเส้นชัย นั่นคือนำหน้ากลุ่มของคินทานา เยทส์ และวาวเวอเด้ +19 วินาที นี่คืออันดับเวลารวมปัจจุบัน ส่วนกลุ่มคินทานาได้เพิ่มมา +7 วินาที เท่ากับอดัม เยทส์ อยู่กลุ่มเดียวกันแต่ไม่ต้องจอดรอมอเตอร์ไซค์
กรรมการตัดสินจากกฏ UCI ข้อ 2.2.029 ซึ่ง DT ขอหยิบมาจากกฏการแข่งขันของ UCI ที่ทางสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทยแปลไว้ (ดาวน์โหลดได้ที่นี่)
อย่างที่เห็น มันก็เป็นกฏที่ค่อนข้างจะเปิดกว้างต่อการตีความพอสมควร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การแข่ง ในสถานการณ์แบบนี้ จะเริ่มการแข่งใหม่ ณ จุดเกิดเหตุ จะยุติผลการแข่งขันในช่วงนั้น จะเปลี่ยนเส้นทาง ก็ได้หมดตามความเหมาะสม
แน่นอนก็ว่ามีทั้งทีมที่พอใจและไม่พอใจกับคำตัดสิน Sky, BMC และแม้แต่อดัม เยทส์ (Orica) เองก็พอใจกับผลตัดสินเพราะไม่เสียเวลา เช่นเดียวกับ Movistar ที่ได้เวลาแซงคู่แข่งคนสำคัญมาหลายสิบวินาที
ส่วนตัว DT คิดว่าเป็นคำตัดสินที่สมเหตุสมผล เพราะว่ากันตามเกมแล้วก็ค่อนข้างชัดเจนว่ากลุ่มของฟรูมคือกลุ่ม GC ที่แกร่งที่สุดในวันนั้น จุดที่เกิดเหตอยู่ห่างเส้นชัยไป 1200 เมตร โมเล็มม่าอยากจะประท้วง เพราะเขาคิดว่าอาจจะทิ้งห่างฟรูมได้อีก ไม่ควรจะได้เวลาเท่ากัน (อันข้างบนเขียนผิดครับ โมเล็มม่าไม่พอใจที่คินทานาได้เวลาเพิ่ม 7 วินาที จากการตัดสินเดียวกัน) แต่มันก็ยากที่จะพูด เพราะเราก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่ล้ม จะเกิดอะไรขึ้น? แต่ผมคิดว่าการตัดสินค่อนข้างแฟร์กับนักปั่นทุกคน
จบเรื่องนี้ไว้ที่โคว้ทของริชีย์ พอร์ท (BMC) น่าจะดีที่สุดครับ สรุปประเด็นได้ดี
พอร์ท: “ผมว่ากรรมการตัดสินแบบนี้ดีแล้ว มันวุ่นวายเหลือเชื่อครับ สำหรับคนดูนะ คุณมาดูการแข่ง คุณเอนจอยกับการแข่ง แต่คุณไม่จำเป็นต้องมาวิ่งข้างๆ นักปั่น ไม่ต้องมาจับเรา ไม่ต้องมาดันเรา เรื่องพวกนี้มันต้องเปลี่ยน ผมไม่อยากจะเชื่อว่าทำไมไม่มีบาริเออร์รั้วกันข้างทางเลย
ผมซ้อมมาหนักมากเพื่อการแข่งครั้งนี้ โอเค ตอนนี้ผมได้เวลาเท่าโมเล็มม่า แต่ผมล้มและผมเจ็บ พรุ่งนี้ก็เป็นวันสำคัญ แล้วผมก็ยังไม่รู้ว่าร่างกายจะเป็นยังไง มันน่าผิดหวังมากครับ แต่สุดท้ายผมว่าคณะกรรมการตัดสินใจถูกต้องแล้ว พวกเรารักแฟนๆ ผู้ชม เกือบทั้งหมดเป็นคนดีและไม่ก่อกวนการแข่งขัน แต่ทำไมบางคนต้องออกมาวิ่ง มาเซลฟี่ข้างๆ เรา มันมีเส้นกันหนาๆ ระหว่างคำว่าพาสชันและความโง่เขลา ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนถึงแยกไม่ออก”