สัปดาห์ก่อน DT พูดถึง 9 สปรินเตอร์ที่น่าจับตามองในฤดูกาล 2016 ไป เราวิเคราะห์ตัวเต็งหลักๆ สามคนคือ อังเดร ไกรเปิล (Lotto-Soudal), มาร์ค คาเวนดิช (Dimension Data) และมาร์เซล คิทเทล (Etixx-Quickstep)
แต่คนหนึ่งที่อยากดูเป็นพิเศษคือมาร์ค คาเวนดิช ขอเรียกสั้นๆ ว่า Cav ละกัน เทียบกับสปรินเตอร์คนอื่นที่เราพูดถึงแล้ว คาเวนดิชเป็นคนที่เปลี่ยนทีมบ่อยกว่าเพื่อน นับจากวันที่ทีม HTC เลิกราไป คาเวนดิชก็ย้ายมาสามทีมแล้ว นั่นคือ Sky > Etixx-Quickstep และล่าสุด Dimension Data
แน่นอนว่าผลงานสำคัญที่เป็นตัวชี้วัด “ความสำเร็จ” ของสปรินเตอร์ก็คือ ยอดชัยชนะสเตจใน Tour de France ซึ่งสำหรับคาเวนดิชแล้ว มันลดลงทุกปีๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังมีชัยชนะในสนามอื่นอยู่เรื่อยๆ คำถามคือตกลงเขาฝีเท้าตก พ่ายให้เด็กใหม่หรืออย่างไรกันแน่?
ปีนี้จะเป็นปีที่สำคัญมากสำหรับคาเวนดิชครับ เพราะ 1. ย้ายมาอยู่ทีมใหม่ 2. อายุเข้า 30 ปี 3. มีเป้าหมายใหญ่เยอะ (เหรีญยทองโอลิมปิก, สเตจวิน TDF, แชมป์โลกสมัยที่สอง) ปัจจัยเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อความสามารถในการชนะของเขาอย่างไรบ้าง? อันดับแรก เรามาดูผลงานของเขาก่อน
Winning Percentage
- 2015: สปรินต์ 25 ครั้ง, ชนะ 14 ครั้ง, ชัยชนะคิดเป็น 56% ของการสปรินต์
- 2014: สปรินต์ 24 ครั้ง, ชนะ 11 ครั้ง, ชัยชนะคิดเป็น 46% ของการสปรินต์
- 2013: สปรินต์ 34 ครั้ง, ชนะ 16 ครั้ง, ชัยชนะคิดเป็น 47% ของการสปรินต์
- 2012: สปรินต์ 39 ครั้ง, ชนะ 13 ครั้ง, ชัยชนะคิดเป็น 33% ของการสปรินต์
- 2009: สปรินต์ 35 ครั้ง, ชนะ 23 ครั้ง, ชัยชนะคิดเป็น 66% ของการสปรินต์
- Reference: Procyclingstats
ข้อมูลข้างบนนี้เราไม่ได้พูดถึง “คุณภาพ” ของชัยชนะ แต่เป็นผลงานการสปรินต์ทั้งหมดของ Cav ทั้งสนามเล็กสนามใหญ่ มีข้อสังเกตุหลายประการครับ
- คุณไว้ใจ Cav ในการสปรินต์ได้เสมอ ดูจาก 3 ปีล่าสุด เปอร์เซ็นต์ในการได้แชมป์ของเขานั้นแทบจะครึ่งต่อครึ่งกับจำนวนครั้งที่เขา “มีโอกาส” ได้สปรินต์เลย (มีโอกาสในที่นี้หมายถึง ปั่นจนจบสเตจ มาทันสปรินต์พร้อมกลุ่มหน้า) Success Rate แบบนี้ จัดว่าหาได้ยากมากในวงการโปรครับ ถ้าคิด Return of Investment แล้ว เขาเป็นนักปั่นที่ควรซื้อตัวมาไว้มากที่สุด เพราะการันตีได้ว่า ในครึ่งหนึ่งของสนามที่เขาลงแข่ง เขามีโอกาสชนะเกือบครึ่ง
- 2009-2012 คือปีที่คาเวนดิช พีคฟอร์มที่สุด โดยเฉพาะ 2009 ที่ Success Rate ของเขาสูงถึง 66% นั่นคือทุกๆ สามครั้งที่เขาสปรินต์ เขาชนะไปแล้วสองครั้ง!
- ปี 2012 เขาย้ายทีมมาอยู่กับ Sky ปีนี้ข้อมูลน่าสนใจหลายอย่างเพราะเป็นปีที่เขาชนะสเตจ Tour de France เยอะที่สุดในรอบสี่ปีล่าสุด (3 สเตจ) แต่เปอร์เซ็นต์การชนะตกลงมาก เพราะทีม Sky ไม่ค่อยสนับสนุนให้เขาสปรินต์ และต้องเล่นเป็นไพ่รองให้ฟรูม พอร์ท และวิกกินส์
- ปี 2013-2014 เป็นปีที่เขาปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ และขบวนลีดเอาท์ใหม่ ซึ่งถึงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ เขาก็ยังชนะการสปรินต์เกือบครึ่งต่อครึ่ง
- ปี 2015 ซึ่งเขาชนะสเตจตูร์แค่สเตจเดียว แต่กลับมีเปอร์เซ็นต์การชนะ overall เยอะกว่าสองปีก่อนหน้า ตลอดสามปีที่อยู่กับ EQS เขาเป็นคนที่มีผลงานชัยชนะเยอะที่สุดในทีมทุกปี!
บทสรุปจากข้อมูลข้างต้นคือ เห็นได้ชัดว่าคาเวนดิชสปรินต์น้อยครั้งลงกว่าตอนเด็กๆ และเขาฝีเท้าเขาไม่ได้ตกลงมากนัก แค่มีโอกาสชนะสเตจในแกรนด์ทัวร์น้อยลง
ประโยคสุดท้ายนี่สำคัญครับ เพราะว่าแกรนด์ทัวร์เดี๋ยวนี้ เห็นได้ชัดว่ามีสเตจทางราบน้อยลงมาก จากแต่ก่อนที่มี 6-7 สเตจที่การันตีได้เลยว่าต้องจบด้วยการสปรินต์ เดี๋ยวนี้ผู้จัดกลับมองว่าสเตจทางราบนั้นน่าเบื่อ เลยพยายามเพิ่มกิมมิคเล็กๆ น้อยให้สเตจน่าสนใจ เช่นเนินเขาหน้าเส้นชัย เขาสูงชันระหว่างสเตจ หรือสเตจที่กระแสลมแรง เป็นทางวิบาก ทั้งหมดนี้ตัดลดทอนโอกาสสปรินเตอร์ลงไปเยอะ ทำให้สปรินเตอร์หลายคนเลือกลงแกรนด์ทัวร์แค่รายการเดียวต่อปี
แต่ก่อนคาเวนดิชและไกรเปิลลงทั้ง Giro และ TDF ส่วนใหญ่จะแข่ง Giro ไม่จบเพื่อเก็บฟอร์มไว้ลง TDF แต่ก็มักจะชนะสเตจกันคนละ 2-3 สเตจ เดี๋ยวนี้ทั้งคู่ต้องเลือกว่าจะลงอะไร เพราะอายุมากขึ้น ความสด ความทนก็ไม่มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว คำถามคือ ปี 2016 กับทีม Dimension Data นี้เขาจะเป็นยังไงบ้าง ?
Will be nice to race with this man again in the @revolutionuk Madison. @officialWIGGINS https://t.co/f7244QbnrE pic.twitter.com/1v5n69sDHL
— Mark Cavendish (@MarkCavendish) August 16, 2015
2016 ปีชงหรือปีรุ่ง?
- พูดถึงคู่แข่งก่อน ว่ากันตามสถิติแบบปีต่อปีแล้ว เมื่อคาเวนดิชต้องสปรินต์สู้กับคิทเทล เขาแพ้เกือบทุกครั้ง ใช่ครับ เกือบทุกครั้ง! ลองดูรูปข้างล่างนี้ เป็นการเปรียบเทียบเวลาที่คาเวนดิชต้องเจอคิทเทลในการสปรินต์แบบตัวต่อตัว จากปี 2012-2014 ใครชนะเยอะกว่ากัน?
- นั่นแปลว่าคิทเทลน่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคาเวนดิช คิทเทลสปรินต์ได้เร็วกว่าแบบไม่ต้องสงสัย แต่ปี 2016 ทั้งคู่อาจจะกลับมาอยู่ในเลเวลใกล้ๆ กัน คิทเทลต้องทำงานกับขบวนลีดเอาท์ใหม่ ในขณะที่คาเวนดิชได้ลีดเอาท์ชุด HTC-Highroad กลับมาอยู่ด้วยกันเกือบครบ (Eisel, Renshaw, EBH, Siutsou) ส่วนไกรเปิล น่าจะสูสีกับคาเวนดิชเรื่องความเร็ว แต่จะได้เปรียบคนอื่นตรงที่มีขบวนลีดเอาท์ที่เป๊ะที่สุดใน peloton ตอนนี้
- อายุอาจจะไม่มีผลมากนักกับคาเวนดิช ปกติสปรินเตอร์จะมีแรงระเบิดพลังน้อยลงตามวัย สปีดปลายจะตกลงแบบเห็นได้ชัด คาเวนดิชยืนยันว่าวัตต์เขายังไม่ตก และเขาได้เปรียบนักปั่นคนอื่นตรงที่ เป็นคนอ่านเกมเก่ง มองไลน์ได้เฉียบคม อัตราเร่งสูง และท่าสปรินต์แอโร่กว่าเพื่อน ถ้าว่ากันวัตต์ต่อวัตต์ คาเวนดิชไม่น่าจะสู้คิทเทลและไกรเปิลได้ แต่เมื่อเอาทักษะทุกอย่างมารวมกันแล้ว อายุที่เพิ่มขึ้นคงไม่มีผลต่อการสปรินต์ของเขาเท่าไร
โดยรวมแล้ว น่าจะเป็นอีกปีที่ดีสำหรับคาเวนดิชครับ แต่มันหมดสมัยที่สปรินเตอร์จะชนะแกรนด์ทัวร์ที่ละ 5-6 สเตจแล้วหละ เป็นความจริงที่ทุกคนต้องยอมรับจากหลายๆ ปัจจัย สมัยก่อนคาเวนดิชทำได้ เพราะว่ากันตามตรงแล้วไม่มีทีมไหนที่ทุ่มเทให้การสปรินต์เหมือนกับ HTC (เป็นทีมที่ไม่มีม GC Rider!) และให้ความสำคัญกับการสร้างขบวนหัวลากชั้นยอดก่อนที่ใครจะทำ ตอนนั้นคิทเทลก็ยังเป็น junior rider อยู่เลย ส่วนไกรเปิลก็ยังไม่แยกวงมาอยู่ Lotto
ถึงกระนั้นคาเวนดิชก็เป็นคนที่ไม่ควรจะพนันลงฝั่งตรงข้ามครับ อายุมากขึ้น แต่ประสบการณ์ก็มากตาม ยังคงเส้นคงวากับยอดชัยชนะทุกปี ถึงแม้คุณภาพชัยชนะจะดรอปลงบ้าง ปัญหาใหญ่ของเขาคือคิทเทล ส่วนไกรเปิลนั้นเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่น่าจะชนะกันได้ไม่ยาก สิ่งที่น่าจับตาดูคือ เขาจะฟิตอินกับ Dimension Data ได้ดีแค่ไหน และอดีตผู้ช่วยของเขาจะยังมีใครที่พร้อมจะถวายหัวลีดเอาท์ให้เขาในวันที่ทุกคนอายุมากขึ้นและอยากมีผลงานส่วนตัวกันมากขึ้นด้วย?
* * *