Katusha ปัญหาโลกแตก

UCI ประกาศขยายจำนวนโปรทีมในการแข่งระดับ World Tour เป็น 19 ทีม อนุญาติให้ Katusha ได้สิทธิ์เข้ากลับแข่งในดิวิชันสูงสุดได้อีกครั้ง แต่ปัญหาที่ตามมามีมากกว่าที่คิด…

Katusha

ในที่สุดศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS- Court of Arbitation for Sport) ได้ตัดสินเข้าข้างคำอุทรณ์ของทีม Katusha ให้เข้าแข่งขันในดิวิชันสูงสุด UCI World Tour หลังจากถูกคณะกรรมการพิจารณาใบอนุญาติ (License Comittee) ของ UCI ปฏิเสธการต่ออายุ license ของทีมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ UCI ออกประกาศอนุญาติให้ทีม Katusha เข้าแข่งขันในดิวิชันสูงสุดได้อีกครั้ง และเพิ่มให้จำนวนโปรทีมเป็น 19 ทีมจากแต่ก่อน 18 ทีม

“The decision comes further to the Court of Arbitration for Sport (CAS) ruling of February 15, 2013, which upheld the application of Katusha Management SA to be registered as a UCI ProTeam for the season 2013,” the UCI said in the release. The decision to have 19 as opposed to 18 Teams was taken by the Professional Cycling Council today.”

ตามกฏของ UCI จำนวนทีมในดิวิชัน World Tour กำหนดให้มีได้แค่ 18 ทีมเท่านั้น การแข่งระดับ World Tour ด้วยปรกติจะมีทีมเข้าแข่งขันทั้งหมด 22 ทีมในทุกรายการ แบ่งเป็น ProTeam (ทีมในดิวิชัน 1) 18 ทีมและทีมรับเชิญอื่นๆ (Wild Card invitation) อีก 4 ทีมขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้จัดแข่ง กฏของ UCI จำกัดจำนวนทีมที่ 22 ทีมเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้มีนักแข่งในสนามเกิน 200 คน[divider] [/divider]

ปัญหาที่ตามมา

การที่ UCI เพิ่มจำนวนทีมเป็น 19 ทีมถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้ครับ คำตัดสินของ CAS ถือเป็นคำตัดสินสูงสุดที่ UCI ต้องทำตาม ถ้า UCI ยืนยันจะยึดกฏเดิม จำกัดจำนวนไว้ที่ 18 ทีม ก็หมายความว่าทีมอื่นอาจจะต้องโดนเด้ง ลดดิวิชันลงไปแทน Katusha ซึ่งแน่นอนว่าทีมที่โดนเด้งต้องอุทรณ์คำตัดสินของ UCI (ใครจะไปยอม) ถ้า CAS ตัดสินเข้าข้างทีมที่โดนเด้ง UCI ก็ต้องไปไล่ทีมอื่นอีก วนเวียนไปไม่รู้จบ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมอื่นๆ ที่อยู่ในดิวิชันนี้ต่างก็เริ่มแข่งในสนาม World Tour มาเกือบสองเดือนเต็มแล้ว ไม่มีใครอยากวุ่นวายมาจัดผังการแข่งของทีมใหม่ทั้งปีแน่ๆ

แต่ว่าเมื่อมีทีมมากขึ้นหนึ่งทีมในสนามแข่งเช่นใน Giro d’Italia, Tour de France ไม่ได้สร้างแค่ปัญหานักแข่งล้นสนาม และเสี่ยงต่ออุบัติเหตที่อาจจะเกิดขึ้น (ลองนึกดูว่าใน Tour de France ปีที่นักปั่นเกี่ยวกันล้มกี่ครั้ง) เพราะในการแข่งแต่ละทีมก็ต้องขนมาทั้งสตาฟ ผู้จัดการทีม รถเซอร์วิสหลายคัน รถบัสทีมคันใหญ่ และไหนทางผู้จัดแข่งจะต้องจัดการเรื่องที่พักของนักแข่งและสตาฟ

นอกจากนี้การที่ UCI ไม่เปิดเผยกระบวนการพิจารณาว่าทีมใดจะได้อยู่ดิวิชันไหนอาจจะทำให้สปอนเซอร์ผู้สนับสนุนทีมต่างๆ เริ่มตั้งคำถาม เพราะหากทีมที่ตนจ่ายเงินให้ปีละหลายล้านไม่ได้รับการการันตีว่าจะได้ร่วมการแข่งระดับสูงสุด (ซึ่งก็หมายถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของแบรนด์สปอนเซอร์เอง) ก็ไม่รู้ว่าจะจ่ายเงินสนับสนุนต่อไปทำไม อาจจะทำให้สปอนเซอร์เลิกจ่ายเงิน ทำให้ทีมต้องยุบตัวไปก็เป็นได้ ถือเป็นเรื่องแย่ต่อวงการจักรยานครับ[divider] [/divider]

Rodriguez vs. Katusha

Joaquim Rodriguez หัวหน้าทีม Katusha คงไม่ย้ายทีมไปไหนแล้ว เพราะการันตีแน่นอนว่าทีม Katusha จะได้เข้าแข่ง Tour de France ก่อนหน้านี้ก่อนผลการตัดสินจะออกมา Rodriguez ยืนยันว่าถ้าทีมของตนไม่ได้เข้าแข่ง TDF เขาก็จะย้ายทีม แฟนๆ ก็คงจะสบายใจได้เพราะเราน่าจะได้เห็นศึกนักไต่เขาระหว่าง Chris Froome vs. Contador vs. Cadel Evans vs Rodriguez ถือเป็นโชคดีของผู้ชมไปครับ [divider] [/divider]

สรุป

UCI มีปัญหาการบริหารและการจัดการให้เราเห็นตลอดทั้งปี ตั้งแต่เรื่องควบคุมการโด้ปได้หละหลวม จนเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อเมื่อ USADA ออกมาเปิดโปงเรื่องการโด้ปในกลุ่มนักปั่น ครั้งนี้ UCI ก็ต้องละเมิดกฏที่ตัวเองเขียนเองเพราะไม่ยอมสะสางปัญหาจัดการเรื่อง license ทีมให้เสร็จสิ้นเสียแต่เนิ่นๆ สร้างความไม่แน่นอนให้ทั้งทีม นักแข่ง และสปอนเซอร์ หวังว่าในปีนี้การจัดการจะดีขึ้นเพราะเราคงไม่อยากเห็นทีมถูกยุบไปเหมือนสมัย HTC-Highroad เพียงเพราะสปอนเซอร์ขาดความมั่นใจในวงการจักรยานครับ