[vc_row][vc_column width=”2/3″][vc_column_text]
วันเสาร์นี้ศึกตูร์ เดอ ฟรองซ์ สนามแข่งที่ดุเดือดที่สุดในรอบปีก็จะเริ่มขึ้นแล้วครับ และที่สำคัญ สเตจแรกที่สตาร์ทในเมืองยอร์คเชียร์ก็เป็นสเตจทางราบสำหรับเหล่าสปรินเตอร์เสียด้วย หมายความว่าผู้ชนะสเตจ 1 นั้นจะได้สวมเสื้อเหลืองเป็นคนแรก ซึ่งไม่ใช่รางวัลที่สปรินเตอร์จะได้เห็นกันบ่อยๆ
ในปีนี้สปรินเตอร์ตัวแรงก็มาลงสนามกันครบทุกคน DT พาไปวิเคราะห์ฟอร์มขาแรงชื่อดังทั้ง 7 มาดูกันว่าใครจะได้เสื้อเขียวจ้าวความเร็วไปครอง
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/3″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_single_image image=”12508″ border_color=”grey” img_link_target=”_self” img_size=”full”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/6″][/vc_column][vc_column width=”2/3″][vc_column_text][title subtitle=””]1. Mark Cavendish (OPQS)[/title]
เจ้าของผลงาน 25 สเตจในตูร์เดอฟรองซ์และแชมป์เสื้อจ้าวความเร็ว 1 สมัย ถือว่าเป็นสปรินเตอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในบรรดาผู้เข้าแข่งขันปีนี้ สิ่งที่คาเวนดิชมีเหนือกว่าคู่แข่งก็คือทักษะการอ่านเกมและการเลือกไลน์ที่เขาได้มาจากประสบการณ์การแข่งในเวโลโดรม บวกกับท่าไม้ตายการสปรินต์แบบคางชิดสเต็มสุดแอโรที่ทำให้เขาเอาชนะคู่แข่งด้วยระยะไม่กี่มิลลิเมตรมาหลายต่อหลายครั้ง คาเวนดิชสปรินต์ได้หลายสไตล์ทั้งยิงยาว 400 เมตรหน้าเส้นชัยไปจนถึงระยะสั้น 200 เมตร เรียกได้ว่ามีทั้งลูกบู๊และลูกบุ๋น
คาเวนดิชมากับหนึ่งในทีมลีดเอาท์ที่เร็วท่ีสุดใน peloton ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นมาร์ค เรนชอว์, อเลซานโดร เพทัคคี, แมททีโอ เทรนทิน, โทนี มาร์ตินและมิแฮล เควียททอฟสกี ปีนี้คาเวนดิชน่าจะหวังแก้เกมคิทเทลเต็มที่หลังจากพ่ายไปตัวต่อตัวถึง 4 ครั้งในปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี คาเวนดิชไม่ได้ลงป้องกันแชมป์จักรยานถนนอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ก่อนเพราะอาการเจ็บป่วย ตูร์ก็ใกล้เข้ามาแล้วเขาจะหายทันและฟื้นตัวมาลุยสเตจ 1 ได้หรือเปล่า? แฟนๆ ต้องติดตามครับ
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/6″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_single_image image=”10456″ border_color=”grey” img_link_target=”_self” img_size=”full”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/6″][/vc_column][vc_column width=”2/3″][vc_column_text][title subtitle=””]2. Marcel Kittel (Giant-Shimano)[/title]
ว่ากันว่าชั่วโมงนี้คิทเทลคือสปรินเตอร์ที่ “แรง” ที่สุดและเขาก็แสดงให้เห็นหลายต่อหลายครั้งตลอดฤดูกาล จากผลงานแชมป์ 3 สเตจใน Tour of Dubai, Ster ZLM และ Giro d’Italia ที่ถึงแม้เขาจะถอนตัวกลางคัน แต่ผลงานแชมป์ในไอร์แลนด์ทั้งสองสเตจนั้นแสดงให้เห็นถึงเลเวลการสปรินต์ที่เหนือคู่แข่งแบบหาตัวเปรียบเทียบไม่ได้เลย คาเวนดิชอาจจะเป็นสปรินเตอร์สายกลยุทธ์ที่ลูกเล่นเยอะ แต่สิ่งที่คิทเทลมีเหนือกว่าคาเวนดิชก็คือพละกำลังมหาศาลครับ
OPQS อาจจะมีทีมลีดเอาท์ที่เร็วที่สุด แต่ทีมของ Giant นั้นน่าจะขึ้นชื่อว่าพร้อมและสามัคคีที่สุดก็ว่าได้ Giant ส่งทีมมาเก็บสเตจวินโดยเฉพาะ ไม่เหลือพื้นที่ให้นักไต่เขาหรือนักปั่น GC เลยแม้แต่คนเดียว เป็นทีมสำหรับเพียวสปรินเตอร์ แถม! ทีมส่งจอห์น เดเกโคลบ์ สปรินเตอร์สายพาวเวอร์อีกหนึ่งคนมาพร้อมเก็บสเตจที่อาจจะมีเนินชันเล็กน้อยซึ่งคิทเทลไม่ถนัด เรียได้ว่าพร้อมทุกสถานการณ์
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/6″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_single_image image=”8321″ border_color=”grey” img_link_target=”_self” img_size=”full”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/6″][/vc_column][vc_column width=”2/3″][vc_column_text][title subtitle=””]3. Peter Sagan (Cannondale)[/title]
ปีเตอร์ ซากานพึ่งจะเคยลงแข่งตูร์แค่สองครั้งเท่านั้นแต่เขาก็กลับบ้านไปพร้อมกับเสื้อเขียวจ้าวความเร็วทั้งสองครั้งเช่นกัน ด้วยความสามารถในการปีนเขาที่เหนือกว่าสปรินเตอร์คนอื่นๆ ทำให้ซากานขึ้นไปตัดคะแนนตามจุดสปรินต์กลางสเตจ ได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่ซากานจะลงตูร์นั้น ปกติแล้วสปรินเตอร์ที่ชนะสเตจเยอะที่สุดจะได้เสื้อจ้าวความเร็วไปครอง พอซากานเข้าวงการมากลยุทธ์การชิงเสื้อเขียวก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิงครับ ถึงเขาจะไม่ชนะแชมป์สเตจเหมือนคาเวนดิชและคิทเทล แต่การไล่เก็บแต้มสปรินต์ระหว่างเนินต่อเนื่องบวกกับผลงาน Top 5 จากแทบทุกสเตจทางราบ ช่วยให้ซากานเก็บคะแนนห่างแบบไม่ต้องนับแต้มอันดับสอง
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/6″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_separator color=”grey”][vc_single_image image=”10546″ border_color=”grey” img_link_target=”_self” img_size=”full”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/6″][/vc_column][vc_column width=”2/3″][vc_column_text][title subtitle=””]4. Andre Griepel (Lotto-Belisol)[/title]
อาห์ ไกรเพิล…กอริลลายักษ์จากเยอรมัน สปรินเตอร์คนนี้อาจจะไม่มีแฟนลับเยอะเหมือนซากานและคาเวนดิช และถึงจะได้แชมป์สเตจในตูร์ไม่กี่ครั้ง แต่เขาคือสปรินเตอร์ที่คงเส้นคงวาที่สุดในปีนี้ด้วยผลงานแชมป์สเตจ 10 รายการ ไกรเพิลมากับขบวนลีดเอาท์มากประสบการณ์ไม่แพ้ Giant และ OPQS ครับ
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/6″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_separator color=”grey”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/6″][/vc_column][vc_column width=”2/3″][vc_column_text]
[title subtitle=””]ม้ามืด[/title]
พ้นจาก 4 คนที่กล่าวมาแล้วเราก็ยังมีสปรินเตอร์อีกหลายคนที่น่าจะมีสิทธิลุ้นแชมป์สเตจเมื่อขาใหญ่เขาพลาดกันครับ ม้ามืดพวกนี้อาจจะไม่ใช่สปรินเตอร์ที่มีผลงานระดับแกรนด์ทัวร์มากมายแต่ประสบการณ์ที่มากขึ้นทุกๆ ปีก็หมายความว่าพวกรุ่นพี่นั้นจะเผลอไม่ได้ทีเดียว
[/vc_column_text][vc_column_text]
5. Arnaud Demare (FDJ)
แชมป์ road race ฝรั่งเศสคนล่าสุด ลงตูร์ในฐานะหัวหน้าทีมและมาพร้อมกับชุดขบวนลีดเอาท์จาก FDJ ที่ดูฟอร์มแล้วปีนี้ทำงานได้ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ
6. Michale Matthews (OGE)
สปรินเตอร์ดาวรุ่งจาก Orica-GreenEdge ที่แอบไปคว้าเสื้อชมพูในจิโรมาเมื่อต้นปีก่อน แมธธิวส์ไม่ใช่ “หน้าใหม่” ในวงการเพราะเขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วในรายการแกรนด์ทัวร์ทั้งวูเอลต้าและจิโร เป็นคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของซากานเพราะว่าเป็นนักปั่นสไตล์เดียวกัน สปรินต์ได้ ขึ้นเขาก็ได้ ศึกชิงเสื้อเขียวปี้นี้คงระอุขึ้นอีกดีกรี!
7. Alexander Kristoff (Katusha)
แชมป์มิลาน ซานเรโมปีนี้ ไม่ใช่คนที่ไวที่สุดหน้าเส้นชัย แต่เป็นขาแรงที่อึดที่สุดก็ว่าได้ครับ ออกจะเป็นนักปั่นสไตล์สนามคลาสสิคมากกว่าเพียวสปรินเตอร์ คล้ายๆ เดเกนโคลบ์ ไม่มีทีมลีดเอาท์ช่วยแต่ก็น่าจะพอติด Top 10 สเตจทางราบได้ไม่ยากเย็นนัก
ส่วนทีมอื่นๆ นั้นหน่วยก้านสปรินเตอร์อาจจะไม่เด็ดขาดอย่างตัวเต็งที่กล่าวมา Trek มีแดนนี แวน พ๊อพเพล, Movistar มีเจเจ โรฮาส, Europcar มีไบรอัน โคคอร์ด และ IAM มีไฮน์ริช เฮาซ์เลอร์
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/6″][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”1/1″][vc_video link=”http://www.youtube.com/watch?v=9C9yq03TdUc”][/vc_column][/vc_row][vc_row][vc_column width=”5/6″][vc_column_text]
สรุป
ผมเชื่อว่าตูร์ปีนี้จะเป็นปีที่การแย่งชิงเสื้อจ้าวความเร็วและแชมป์สเตจดุเดือดที่สุดก็ว่าได้ ในปีที่ผ่านๆ มานั้นมาร์ค คาเวนดิชผูกขาดรางวัลแชมป์สเตจทางราบด้วยทักษะการสปรินต์ที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งคนอื่นและทีมลีดเอาท์ที่คู่แข่งสู้ไม่ได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนก่อนแล้วครับ เพราะทีมอย่าง Lotto, Giant, OGE และแม้แต่ FDJ เองก็พัฒนาขบวนลีดเอาท์ออกมาได้ดีเทียบเท่าหรือบางครั้งอาจจะเหนือกว่า OPQS เสียด้วยซ้ำ
สปรินเตอร์ของทีมเหล่านี้อย่างคิทเทล ไกรเพิลก็แกร่งพอจะท้าสู่คาเวนดิชได้แบบตัวต่อตัว ไม่ห่างกันขาดๆ แบบปีก่อนๆ นั่นหมายความว่าแชมป์สเตจในตูร์อาจจะกระจายกันไประหว่างทีมต่างๆ ไม่มีทีมใดทีมหนึ่งที่ผูกขาดแชมป์ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด
คาเวนดิชเคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาแทบไม่ต้องซ้อมสปรินต์เลยเพราะความแรงของเขามันเหนือกว่าคนอื่นๆ จริงๆ แต่หลังจากที่พ่ายให้คิทเทลในปีที่แล้วเขาบอกว่าต้องกลับไปทำการบ้านใหม่ เพราะคู่แข่งเริ่มไล่เขาทันแล้วครับ ส่วนซากานเองก็งานหนักเพราะต้องเจอกับไอ้หนูแมธธิวส์ที่ขึ้นเขาไล่ตัดแต้มจ้าวความเร็วได้ไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ดีการวิเคราะห์ฟอร์มทายตัวเต็งนั้นถึงจะมีความเป็นไปได้ขนาดไหนแต่อย่าลืมว่าแค่อุบัติเหตเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ดาวดังต้องถอนตัวได้ครับ
ส่วนตัวผมคิดว่า ยอดแชมป์สเตจน่าจะเป็นการชิงกันระหว่างคาเวนดิชและคิทเทล ส่วนเสื้อเขียวน่าจะตกเป็นของซากานเหมือนเดิม แล้วคุณคิดว่าไง? อย่าลืมคอมเมนต์ไว้ข้างล่างครับ ☺
[/vc_column_text][/vc_column][vc_column width=”1/6″][/vc_column][/vc_row]
คาเวนดิชคงมีแรงจูงใจมากเป็นพิเศษ เพราะพ่ายให้กับคิทเทลแบบราบคาบในปีที่แล้ว
ผมว่าคาเวนดิชน่าจะได้สักสองสเตจนะ อาจจะเป็นสเตจแรกกับสุดท้ายซึ่งพี่แกคงอยากจะชนะสองสเตจนี้เป็นพิเศษ
ซากานเสื้อเขียวชัวร์ๆ นอกเหนือจากนี้ขอแอบเชียร์ขาแจมพวกที่มาคนเดียวหาหนทางเอาเอง > วาน พ๊อบเพล
ผมว่า จ้าวสปรินซ์แย่งกันระหว่าง คาเวนดิชกับคิทเทล แต่คงสู้คิทเทลไม่ได้อีกแน่ ได้เปรียบหัวลากเยอะกว่า
ส่วนเสื้อเขียวแน่นอนเห็นด้วย ต้องซากานเท่านั้น และอาจเป็นม้ามืดดสปรินท์สเตจด้วยอีกต่างหาก
ซากานแน่นอนครับ ชอบตอนแกยกล้อหน้ามันส์ดีครับ
คิทเทลโชว์ให้เห็นแล้วว่าเค้าคือ “ของจริง” ขาแรงตัวต่อไปจากคาเวนดิชคือนี่แหละครับ
คาเวนดิสอะนะ
แอบมาเชียร์ ซานกาน ^^
อยากดูฟอร์มของคิตตี้ ครับเพราะช่วงหลังนี้เค้าพยายามพัฒนาตัวเองให้รอบด้านมากขึ้น ช่วงหลังๆเห็นเค้าไต่เขาตาม peloton ได้ดี แล้ว การปั่นจับเวลาก็ทำได้ดีขึ้นมากเลยครับ
Michale Matthews ^^