สนามแข่งรายการใหญ่ลำดับที่สองของปี ทัวร์ออฟการ์ต้า อีกหนึ่งในการแข่งที่น่าติดตาม เพราะเป็นสนามประลองแข้งของเหล่าสปรินเตอร์โดยเฉพาะ เชิญอ่านรายละเอียดครับ
ความเป็นมา
Tour of Qatar เริ่มตั้งแต่ปี 2002 จนถึงปี 2013 นี้ก็มีมาสิบสองปีพอดีครับ รายการนี้จัดโดย ASO หรือผู้จัด Tour de France นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งความพยายามของ ASO ที่จะกระจายการแข่งจักรยานเสือหมอบไปทั่วโลก อย่าลืมว่าการจัดการแข่งขันก็เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง และประเทศที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งของโลก (คิดตามรายได้ต่อหัวประชากร) อย่างการ์ต้าก็พร้อมจะจ่ายเงินก้อนโตเพื่อจัดการแข่งขันกีฬาหลายๆ ประเภทเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศตัวเอง
อย่างไรก็ดี Tour of Qatar ไม่ค่อยเหมือนสนามอื่นๆ ตรงที่มันไม่ค่อยจะมีอะไรให้ดู ไม่มีสาวๆ โพเดียม ไม่มีผู้ชมการแข่งสักเท่าไร เพราะทำเลไม่เอื้ออำนวย วิวทิวทัศน์ก็มีแต่ทะเลทราย แต่ก็เป็นสนามที่สำคัญสำหรับนักแข่งเพราะเป็นการแข่งที่ใช้ฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับสนามคลาสสิคในช่วงต้นปีได้เป็นอย่างดี เพราะสภาพภูมิประเทศที่เป็นทะเลทรายมีลมแรงตลอดเวลา ทั้งลมต้าน ลมสวนข้าง เหมาะแก่การฝึกซ้อมทักษะการควบคุมรถและปั่นบนทางราบระยะทางไกลๆ

รายการนี้อยู่ในระดับ 1.HC มีคะแนนมากรองจากการแข่งระดับ World Tour ซึ่งหมายความว่าทีมที่ต้องการทำแต้มเก็บคะแนนสะสมย่อมไม่พลาดรายการนี้แน่ๆ อีกทั้งสภาพอากาศค่อนข้างจะอบอุ่นกว่าค่ายฝึกของทีมส่วนใหญ่ในยุโรปซึ่งตอนนี้ยังเป็นหน้าหนาวอยู่ครับ นอกจากนี้ผู้จัดงานยังทุนหนา หน้าใหญ่จัดให้นักกีฬาและสตาฟพักในโรงแรมห้าดาว The Ritz Carlton ในเมือง Doha เลยทีเดียว
สนามแข่ง
การแข่งแบ่งออกเป็น 6 เสตจ ระยะทางรวม 732.5 กิโลเมตร เป็นสนามภูมภาคเอเชียจัดอยู่ใน UCI Asia Tour ทั้งหกเสตจเป็นทางราบเรียบ ไม่มีภูเขา ไม่มีเนินแม้แต่น้อย เรียบแบนตามทะเลทรายครับ หมายความว่าทุกเสตจเป็นเสตจสำหรับสปรินเตอร์โดยเฉพาะ ยกเว้นเสตจที่สองที่เป็น Team Time Trial แน่นอนว่าอดีตแชมป์รายการนี้ก็เป็นสปรินเตอร์เกือบทั้งหมด Tom Boonen เป็นแชมป์ถึง 4 สมัย ด้วยการที่มันเป็นทางเรียบทั้งหมด เลยไม่มีเสตจโปรไฟล์ให้ดูครับ

เสื้อผู้นำ
เสื้อทอง – ผู้นำเวลารวม (General Classification)
เสื้อเงิน – ผู้นำคะแนนรวม (Sprint Classification)
เสื้อขาว – ผู้นำเวลารวมเยาวชน (Best Young Rider)
นักแข่ง
ด้วยที่มันเป็นสนามสำหรับสปรินเตอร์ ทีมที่มีสปรินเตอร์ชั้นนำย่อมส่งนักปั่นของตัวเองมาเก็บแต้มตั้งแต่ต้นปี ดารานักสปรินต์และตัวเต็งรายการคลาสสิคมากันมากมาย สภาพภูมิประเทศเป็นทางเรียบ และมีลมแรงตลอดเวลาหมายความว่าอุบัติเหตุเกี่ยวล้มหรือชนกันน่าจะเห็นได้บ่อยมาก สปรินเตอร์บางคนก็อาจจะล้มพลาดโอกาสชิงชัย ซึ่งก็อาจจะเปิดช่องให้นักปั่นคลาสสิคหลายๆ คนได้ประลองกำลังกันครับ มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 18 ทีม มีทีมที่น่าจะเป็นสีสันให้เราดูคือทีมชาติญี่ปุ่น (Japan National Team) และ Champion System จากจีน ครับ นานๆ จะได้เห็นคนเอเชียปั่นกับโปรยุโรป นักปั่นที่น่าจับตามองก็มี
Mark Cavendish (Omega Pharma-Quickstep)
Edvald Boassan Hagen, Geraint Thomas (Team Sky)
Elia Viviani (Cannondale)
John Degenkolb (Argos-Shimano)
Heinrich Haussler (Garmin-Sharp)
Greg Van Avermaet (BMC)
Fabian Cancellara (Radioshack-Leopard-Trek)
Juan Antonio Flecha (Vacansoleil-DCM)

ดูจากรายชื่อแล้วคู่ที่น่าจะซัดกันมันๆ ก็คงจะเป็น Cavendish, Boassan Hagen, Degenkolb, และ Haussler ครับ แต่สนามที่ลมแรงแบบนี้ยากมากที่จะบอกว่าใครจะได้ลุ้นเป็นแชมป์เพราะมีสิทธิล้มกันทุกวัน ปีที่แล้ว Tom Boonen และทีม Omega-Pharma เดินเกมได้ดีมากทุกเสตจ ทีมช่วยป้องกันหัวหน้า และคอยปั่นอยู่หน้ากลุ่มตลอดเพื่อลดความเสี่ยงจากการไปเกี่ยวล้มกับคนอื่นในกลางๆ หรือท้ายๆ กลุ่ม ปีนี้ต้องดูว่าทีมไหนจะสามัคคีช่วยเอซสปรินเตอร์ตัวเองได้ดีที่สุดจนถึงเส้นชัยในแต่ละวัน ทีมนั้นก็น่าจะได้เป็นผู้ชนะไม่ยากครับ แอดมินคงต้องชี้เป้าไปที่ เจ๊ Cavendish ไว้ก่อน เพราะนอกจากจะขาแรงที่สุดใน peloton แล้ว ทีม OPQS ส่งทีมชุดที่เคยพา Boonen คว้าแชมป์ 4 สมัยมาช่วยเจ๊กันครบๆ น่าจะได้เปรียบทีมอื่นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี Team Sky และ Argos Shimano ก็น่าจับตามองครับ โดยเฉพาะ Sky ที่ยกทีมที่แข่ง Down Under มาทั้งก๊วน ดูฟอร์มและทีมเวิร์กแล้วถือว่าใช้ได้เลย
