ไม่ใช่ทุกวันที่ผู้ช่วยทีมจะกลายมาเป็นผู้ชนะเอง และไม่ใช่ทุกวันแน่ๆ ที่ผู้ช่วยทีมจะได้สวมเสื้อเหลืองใน Tour de France ตั้งแต่วันแรก แต่มันก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นในสเตจ 1 เมื่อวานนี้
ไมค์ ทิวนิสเซ็น นักปั่นชาวดัทช์จากทีม Jumbo-Visma พลิกสถานการณ์ให้กับทีมได้สำเร็จในช่วง 1.5 กิโลเมตรสุดท้ายเมื่อดีแลน โกรนเวเก็น สปรินเตอร์ตัวเต็งของทีมล้มเจ็บ แต่ทิวนิสเซ็นรักษาตำแหน่งในกลุ่มหน้าสุดของเปโลตองและไล่สปรินต์บี้คู่แข่งจนขึ้นมาเฉือนเอาชนะปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) ได้สำเร็จที่หน้าเส้นชัยพอดี คว้าเสื้อเหลืองให้ชาวดัทช์เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี
คาเล็บ ยวน (Lotto-Soudal) คว้าอันดับสาม
วิดีโอไฮไลท์
จากจุดที่โกรนเวเก็นล้ม ทีม Deceuninck-QuickStep ของเอเลีย วิวิอานีขึ้นมาคุมสถานการณ์แทนโดยที่สปรินเตอร์ตัวเต็งจากทีมอื่นยังคงอยู่กันเกือบครบ ช่วงห้าร้อยเมตรสุดท้ายเป็นเนินขึ้นไปจนถึงเส้นชัย ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb) เปิดสปรินต์ยาวเป็นคนแรก แต่ซากานและซันนี โคลเบรลลี (Bahrain-Merida) ขึ้นมาทับ
คาเล็บ ยวน (Lotto-Soudal) พยายามตีตื้นขึ้นมาจากตรงกลางกลุ่ม แต่ทิวนิสเซ็นอ้อมโคลเบรลลีขึ้นมาเอาชนะซากานได้แบบฉิวเฉียดที่หน้าเส้นชัยในที่สุด
ทิวนิสเซ็นกล่าวหลังแข่ง: “ผมไม่อยากเชื่อ เราซ้อมกันหนักมากเพื่อดีแลน เพื่อให้เขาได้เสื้อเหลือง แต่เป้าหมายที่เราเตรียมมาเป็นเดือนพังหายไปที่ไม่กี่นาทีสุดท้ายก่อนจบเสตจ”
“จากนั้นผมคิดว่า โอเคผมยังสดอยู่ แล้วผมเห็นคู่แข่งหลายคนเริ่มแรงตกแล้วเพราะเขาสปรินต์กันยาว ซากานก็ด้วย ผมทันเขาหน้าเส้นพอดี ตอนท้ายผมยังมีเวาท์ (แวน อาร์ท) อยู่ด้วย เขาช่วยเปิดทางให้ผม แล้วมันก็มากพอที่จะทำให้เราชนะสเตจ”
ผลการแข่งขัน
สิ่งที่คุณอาจจะพลาดในสเตจ 1
1) แชมป์สเตจนี่ใครนะ?
ไมค์ ทิวนิสเซ็นเป็นนักปั่นชาวดัทช์วัย 26 ปี มาจากแคว้นลิมเบิร์ก (หรือเมืองเดียวในเนเธอร์แลนด์ที่มีภูเขา!) โดยพื้นฐานแล้วเป็นนักปั่นสายคลาสสิค ที่สปรินต์ดีคล้ายๆ ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb) และปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) แต่ก่อนแข่งไซโคลครอสมาก่อน และเคยเป็นแชมป์โลก CX ในระดับ U23 ด้วย ช่วงเยาวชนเขาเคยได้แชมป์ U23 Paris-Roubaix และ Paris Tours ซึ่งเป็นรายการคลาสสิคอันดับต้นๆ ของนักปั่นเยาวชน
พอขึ้นมาอยู่ระดับโปรทัวร์ ทิวนิสเซ็นไม่มีโอกาสได้นำทีมมากนัก และเพิ่งมามีผลงานในฤดูกาลที่แล้วที่เขาได้อันดับ 7 ใน Paris-Roubaix และปีนี้ฟอร์มดีที่สุดชนะทั้ง 4 Days of Dunkirk และ ZLM Tour – สเตจเรซที่เส้นทางการแข่งขันเป็นแบบรายการคลาสสิค (ที่เราอาจจะไม่คุ้นหูเท่าไร เพราะไม่ดังเท่า Tour of Flanders และ Roubaix)
นอกจากนี้เขายังเป็นชาวดัทช์คนแรกในรอบ 30 ปีที่ได้ใส่เสื้อเหลือง ผู้นำเวลารวม Tour de France ด้วย
2) โทมัสและฟูลก์แซงเจ็บตั้งแต่วันแรก
ถึงจะเป็นสเตจทางราบ แต่พวกตัวเต็งรายการที่ชิงเวลากันบนสเตจภูเขาเป็นหลักก็ต้องเอาตัวรอดในวันที่เป็นสเตจทางราบให้ได้เช่นกัน แทบทุกครั้งในสัปดาห์แรกของ Tour de France ต้องมีเหตุให้นักปั่นเบียดล้มกันได้เสมอ สเตจวันนี้ก็เช่นกันที่มีอุบัติเหตุกลุ่มล้มที่ 18.5 กิโลเมตรสุดท้าย
จาค็อบ ฟูลก์แซงกัปตันทีม Astana เป็นคนที่เจ็บหนักที่สุด เข่ากระแทกและมีเลือดไหลจากศีรษะ แต่ผล x-ray พบว่าไม่มีอะไรแตกหักและน่าจะเริ่มสเตจ 2 ได้
ปีนี้เป็นปีที่ฟูลก์แซงฟอร์มดีที่สุด เขาได้แชมป์สเตจเรซรายการใหญ่อย่าง Vuelta a Andalucia และ Criterium du Dauphine ซึ่งก็น่าเสียดายถ้าจะต้องถอนตัวไปตั้งแต่สเตจแรก ทีม Astana พาฟูลก์แซงกลับเข้ากลุ่มเปโลตองทันที่ 10 กิโลเมตรสุดท้าย ไม่เสียเวลารวมให้คู่แข่ง
อีกคนที่โชคไม่ดีก็เป็นแชมป์เก่าปีที่แล้ว เกอเรนท์ โทมัสที่ล้มในช่วง 1.5 กิโลเมตรสุดท้าย (แต่คนที่เสียหายหนักกว่าคือโกรนเวเก็นที่ไม่สามารถขึ้นไปท้าชิงสปรินต์ได้) ทีมกล่าวภายหลังว่าโทมัสไม่เจ็บมากและแข่งต่อได้เช่นกัน
3) แวน เอเวอร์มาร์ทได้เสื้อลายจุดเป็นคนแรก
สเตจแรกไม่ใช่ทางราบเรียบสนิทเสียทีเดียวแต่มีเนินชันสองจุดที่ใช้แข่งใน Tour of Flanders ให้ชิงแต้มเจ้าภูเขาด้วย และคนที่ได้ไปก็คือเกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (CCC Team) แชมป์โอลิมปิกคนปัจจุบันและนักปั่นเจ้าถิ่นจากเบลเยียม ที่หนีเข้ากลุ่มเบรกอเวย์ไปไล่เก็บแต้มบนเนิน
จบสเตจ แวน เอเวอร์มาร์ทมีคะแนนในประเภทเจ้าภูเขา 2 คะแนน เท่ากับ ซานโด มิวเรซ (Wanty Group Gobert) แต่เขาจบสเตจด้วยอันดับ 11 ซึ่งเมื่อคะแนนในเสื้อผู้นำเท่ากัน คนที่ได้เสื้อจะมาจากคนที่อันดับตอนจบสเตจสูงกว่า
ทิวนิสเซ็นเป็นเจ้าของเสื้อเหลือง เสื้อเขียว (คะแนนรวม) แต่พรุ่งนี้ปีเตอร์ ซากาน จะเป็นคนใส่เสื้อเขียวแทน (เพราะนักปั่นใส่เสื้อผู้นำได้คนเดียว กรณีนี้ก็จะให้คนที่ได้คะแนนเป็นอันดับสองในประเภทเสื้อที่รองลงมา เป็นคนใส่แทน) และคาเล็บ ยวน ได้เสื้อขาว Best Young Rider เพราะจบสเตจเป็นอันดับสาม
