เกิดอะไรขึ้นในสเตจ 14
ในวันที่เป็นสเตจภูเขาสูงชันอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Tour de France ปีนี้ ชาวฝรั่งเศสก็มีเรื่องให้น่าดีใจเมื่อทิบอต์ พินอท์ (Groupama-FDJ) คว้าชัยชนะสเตจ เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกบนยอดเขา Col du Tourmalet ท่ามกลางกลุ่มตัวเต็งแชมป์รายการ
จูเลียน อลาฟิลลิป (Deceuninck-QuickStep) ยังโชว์ฟอร์มแข็งแกร่ง คว้าอันดับสองตามหลังพินอท์แค่ 6 วินาที พร้อมคว้า time bonus ทำเวลารวมนำคนอื่นๆ ขึ้นไปได้อีก จนล่าสุดนำเกอเรนท์ โทมัส (Ineos) ซึ่งหลุดกลุ่มไปในช่วงสองกิโลเมตรสุดท้าย สตีเฟน เคราซ์เวก (Jumbo-Visam) ก็ยังรักษาอันดับได้ดี เข้าเส้นชัยที่สาม ตามหลังอลาฟิลลิปมาติดๆ
วิดีโอไฮไลท์
ถึงสเตจ 14 จะมีระยะทางแค่ 117 กิโลเมตร สั้นกว่าสเตจปกติเกือบครึ่ง แต่ก็มีผลกับอันดับเวลารวมแบบที่เรียกได้ว่าตัวเต็งหลายคนหมดสิทธิคว้าแชมป์และขึ้นโพเดียมกันเลยทีเดียว ด้วยการนำกลุ่มด้วยความเร็วสูงจากทีม Movistar ที่ภูเขาลูกรองสุดท้าย Col du Soulour ทำให้โรมัน บาเดต์ (AG2R) และอดัม เยทส์ (Mitchelton-Scott) หลุดกลุ่มไปเกินยี่สิบนาทีทั้งคู่
พอมาถึงตีนเขา Tourmarlet 17 กิโลเมตรก่อนถึงเส้นชัย ตัวเต็งอีกสี่คนที่เหมือนจะโชว์ฟอร์มดีในสเตจก่อนหน้าก็หลุดหายไปจากแถวหน้าเช่นกัน เริ่มจากแดน มาร์ติน (UAE), ไนโร คินทานา (Movistar) ที่ไม่สามารถตามเพซที่ทีมตัวเองเซ็ตอยู่หน้าขบวนได้, เอนริค แมส ที่ตามกัปตันทีมตัวเอง จูเลียน อลาฟิลลิป (Quickstep) ไม่ไหว และริชีย์ พอร์ท (Trek-Segafredo), และท้ายสุดยาค็อบ ฟูลก์แซง (Astana) ก็หลุดกลุ่มกันตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทางขึ้นเขาสุดท้าย
ในช่วงท้ายสเตจ เป็นทีม Jumbo-Visma และ FDJ ที่ขึ้นมารับช่วงต่อจากทีม Ineos ทำความเร็วทอนแรงคู่แข่ง ถึงห้าร้อยเมตรสุดท้ายเป็นทิบอต์ พินอท์ที่เปิดเกมโจมตี สลัดเกอเรนท์ โทมัส แชมป์เก่าจนหลุดกลุ่มไป จนเขาเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก
จูเลียน อลาฟิลลิป (Quickstep) ยังโชว์ฟอร์มแรงเข้าเป็นอันดับสอง ตามด้วยเคราซ์เวก, เอมมานูเอล บุคแมน (Bora-Hansgrohe), อีแกน เบอร์นาล (Ineos), และมิเคล แลนด้า (Movistar) ทั้งหมดเข้าเส้นชัยหลังพินอต์ในระยะ 30 วินาที
พินอท์ให้สัมภาษณ์ “การได้แชมป์บนยอดเขาใน Tour de France มันเป็นสิ่งที่พิเศษอยู่แล้ว แต่ชัยชนะบน Col du Tourmalet ที่เป็นไอคอนของวงการจักรยานแบบนี้มันยิ่งพิเศษครับ ผมอยากขอบคุณเดวิด กอดูว์ (ผู้ช่วยพินอต์ที่พาเขาลากมาจนถึงกิโลเมตรสุดท้าย) ทีมเรารู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เขาทำได้ในตูร์ปีนี้ ผมเชื่อว่าเขาจะขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงคนต่อไปแน่นอน สำหรับผม ตูร์ของผมยังไม่จบ เราจะสู้จนถึงที่สุดครับ”
“ผมบอกตัวเองก่อนเริ่มสเตจวันนี้ว่า ผมจะกลับบ้านไปโดยไม่มีชัยชนะให้ทีมไม่ได้ อย่างน้อยต้องได้แชมป์สเตจ สำหรับผม ชัยชนะมันเป็นสิ่งสำคัญ ยิ่งคุณชนะมากเท่าไร คุณก็ยิ่งอยากชนะมากขึ้น มันเป็นแรงกระตุ้นที่ดีที่สุด”
“เป้าหมายต่อไปของผมคือโพเดียมที่ปารีส ผมรู้ว่าผมทำได้ ถึงตอนนี้เวลารวมจะตามอยู่ ผมมีเวลาแปดวันและผมจะทำทุกทางให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้”
สำหรับภาพรวมอันดับเวลารวมตอนนี้ อลาฟิลลิปทำเวลาห่างโทมัสที่อยู่อันดับสองได้อีก 34 วินาที ทำให้ตอนนี้เขานำรายการ 2:02 นาทีพอดี เคราซ์เวกอันดับสามที่ +2:14
ส่วนเสื้อผู้นำประเภทอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทิม เวลเลนส์ (Lotto-Soudal) ยังนำคะแนนเจ้าภูเขาเหนือพินอท์ 42 คะแนน และปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) นำเสื้อเขียว คะแนนนำอันดับสอง ซันนี โคลเบรลลี (Bahrain-Merida) 104 คะแนน
อีแกน เบอร์นาล (Ineos) กลับขึ้นมานำเสื้อขาว Best Young Rider จากที่เอนริค แมส (Quickstep) หลุดกลุ่มไปในสเตจนี้ มีเวลาตามเบอร์นาล 2:38 นาที
ผลการแข่งขัน
DT Race Note
รวมๆ แล้วสเตจเมื่อวานนี้บอกอะไรที่น่าสนใจหลายอย่างครับ
- ทีม Ineos ดูไม่ได้ขี่เหมือนทีม Sky ในปีก่อนๆ ที่มักจะรัดคอเปโลตองด้วยเพซสูงๆ พาคริส ฟรูมคว้าเสื้อเหลืองได้ทุกครั้งตั้งแต่สเตจภูเขาแรก ทีมสั่งให้เบอร์นาลไม่ต้องรอโทมัสที่หลุดกลุ่มไป ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะเบอร์นาลเองเวลา GC ก็ตามคนอื่นอยู่พอสมควรจากที่เสียไปในสเตจ TT ถ้ารอกันมีแต่จะเสียกับเสีย
- โทมัสให้สัมภาษณ์ทีหลังว่าเขาแรงตกในสเตจนี้ และน่าเสียดาย แต่ก็ตบท้ายว่าศึกนี้ยังอีกยาว เขาจะเสียเวลาให้อลาฟิลลิปอีก 36 วินาที (ไม่น้อย) และอันดับเวลารวมตอนนี้เขาไม่ได้นำคนอื่นเยอะเท่าไร นั่นคือโทมัสต้อง perform จะหลุดอีกไม่ได้แล้ว เพราะคู่แข่งอย่างเคราซ์เวก, พินอท์, และเอมมานูเอล บุคแมน ม้ามืดจาก (Bora-Hansgrohe) เวลาตามหลังเขาไม่ถึงนาทีแล้ว
- อลาฟิลลิปถึงจะไม่มีเพื่อนร่วมทีม แต่ตอนนี้เขาอยู่ในจุดที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าจะยืนระยะได้ขนาดไหน เราน่าจะรู้คำตอบกันในสเตจภูเขาชันต่อจากนี้ครับ ต้องยอมรับว่ามีเวลานำอยู่เยอะทีเดียว แต่ถ้าเครื่องพังก็อาจจะเสียเวลาได้ทั้งหมดในสเตจเดียวเช่นกัน เหมือนที่เกิดกับไซมอน เยทส์ (Mitcehlton-Scott) ใน Giro 2018