กล้องแอ็คชันแคมแทบจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับนักปั่นหลายๆ คนไปแล้ว กับความสะดวกในการพกพาและติดตั้งบนจักรยานที่เราสามารถบันทึกภาพระหว่างปั่นหรือแข่งขันได้อย่างชัดเจนและสมจริง
สัปดาห์นี้ 4 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพถ่ายและวิดีโอได้เปิดตัวกล้องแอ็คชันแคมเจเนอเรชันใหม่ ซึ่งก็อัปเดตสเป็คจากรุ่นปีก่อนๆ ขึ้นพอสมควรครับ โพสต์นี้เราจะมาดูแบบรวบยอด 4 กล้องใหม่จาก GoPro, Garmin, Sony และ Nikon กัน
1. GoPro Hero 5 Black
- GoPro Hero 5 เป็นกล้องแอ็คชันแคมรุ่นล่าสุดจากเจ้าตลาด รุ่นนี้รวมเอาฟีเจอร์ที่ดีที่สุดจาก Hero 4 Silver และ Black ไว้ในตัวเดียวกัน มีหน้าจอสัมผัส, ถ่ายวิดีโอระดับ 4k30fps, ถ่ายไฟล์ภาพนิ่งอแบบ RAW และ Wide Dynamic Range เพื่อเก็บดีเทล์จุดที่มืดและสว่างได้ดีกว่าเดิม
- เสียงดีกว่าเดิม: Hero 5 มากับไมค์โครโฟนใหม่ที่ช่วยลดเสียงลมปะทะ เพิ่มไมค์ในตัวเครื่องเป็น 3 จุด และจะเลือกใช้ 2 ตัวที่มีเสียงลมรบกวนน้อยที่สุดระหว่างการใช้งาน
- กันน้ำในตัว: ไม่ต้องใส่เคส Hero 5 ก็กันน้ำได้ลึก 10 เมตร และใช้เมาท์เดียวกับ GoPro รุ่นก่อนได้ทั้งหมด
- สั่งงานด้วยเสียง: รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 7 ภาษา (อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาเลียน, สเปน, เยอรมัน, จีน, ญี่ปุ่น) เช่นอยากถ่ายรูปก็พูดว่า “GoPro take a Photo” เป็นต้น
- Electronic Image Stabilization: ระบบกันภาพสั่นโดยใช้ซอฟต์แวร์ (ใช้ได้กับความละเอียด 1080p หรือน้อยกว่า)
- Built in GPS: สามารถ geotag ภาพและวิดีโอได้อัตโนมัติ อนาคตอาจจะทำ overlay ข้อมูลความเร็วและระยะทางในวิดีโอได้เหมือน Garmin Virb
- Built in Wifi: รองรับ WiFi เชื่อมต่อผ่านแอปของ GoPro เพื่อปรับตั้งค่าต่างๆ ของกล้อง, อัปโหลดรูปและวิดีโอ
- ราคาถูกกว่าเดิม: GoPro Hero 5 ราคา 399 USD (Hero 4 Black ราคา 499 USD ตอนเปิดตัว) เริ่มวางจำหน่ายในต่าวประเทศ 2 ตุลาคมนี้
- Via: GoPro.com
GoPro Hero 5 Session
- Hero 5 Session อัปเดต Hero 4 Session ด้วยความละเอียดภาพที่มากขึ้นระดับ 4k30fps และรองรับการใช้งานด้วยเสียงเหมือนใน Hero 5 Black
- กันน้ำได้ 10 เมตรโดยไม่ต้องใส่เคส
- มีระบบกันภาพสั่น Electronic Image Stabilization เหมือนใน Hero 5 Black
- ราคา 299 USD วางจำหน่าย 2 ตุลมคมนี้
2. Nikon KeyMission 360, 170 และ 80
ค่าย Nikon เองอาจจะไม่เคยทำแอ็คชันแคมมาก่อนแต่ก็ดูจะไม่อยากปล่อยส่วนแบ่งตลาดไปง่ายๆ เช่นกัน ปีนี้เลยออกตัวแรงทีเดียวกับการเปิดตัวกล้องแอ็คชันแคมถึง 3 รุ่นกับโมเดล KeyMission 360, 170 และ 80
Nikon KeyMission 360
- รุ่นท็อปของ Nikon ที่ถ่ายภาพกว้าง 360 องศา ใช้ชิป CMOS ความละเอียด 20 megapixel สองตัว
- ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4k/24fps หรือภาพนิ่ง 360 องศาความละเอียด 30 megapixel
- มีไมโครโฟนในตัวและมีระบบกันสั่น
- กันน้ำโดยไม่ต้องใส่เคสได้ 30 เมตร กันกระแทกจากความสูงไม่เกิน 2 เมตร
- ราคา 495 USD เริ่มวางจำหน่ายตุลาคมนี้
- Via: Nikon.com
Nikon KeyMission 170
- รุ่นกลางของ Nikon ที่ถ่ายภาพมุมกว้างได้ 170 องศา ที่ความละเอียด 4k/30fps หรือ 1080p/60fps และ 720p/240fps
- ถ่าย Timelapse, Slowmotion, Looprecording ได้ในตัว
- กันน้ำลึก 10 เมตรโดยไม่ต้องใส่เคส, บอดี้กันกระแทกจากความสูงไม่เกิน 2 เมตร ถ้าใส่เคสจะกันน้ำได้ลึก 50 เมตร
- หนัก 135 กรัม ใช้ระบบเมาท์ของตัวเอง
- ราคา 370 USD เริ่มวางจำหน่ายตุลาคมนี้
Nikon KeyMission 80
- รุ่นล่างสุดจาก Nikon ที่บางและเบาเป็นพิเศษออกแบบมาสำหรับการพกพาไปใช้ทุกที่ทุกสถานการณ์
- มีกล้องหน้าและกล้องหลังใช้เลนส์ NIKKOR และ CMOS ความละเอียด 12 megapixel
- ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p/3ofps
- หน้าจอสัมผัส / กันน้ำ 1 เมตรโดยไม่ต้องใส่เคส
- ราคา 277 USD วางจำหน่ายตุลาคมนี้
- (DT Comment: จริงๆ เป็นกล้องที่ไม่รู้ว่าจะมีไว้เพื่ออะไร เพราะสมาร์ทโฟนสมัยนี้บาง เบา และถ่ายวิดีโอได้ละเอียดกว่ากล้องตัวนี้พอสมควร และราคาก็ถูกกว่าด้วย)
3. Garmin Virb Ultra 30
- กล้องแอ็คชันแคมรุ่นล่าสุดจาก Garmin เปิดตัวในงาน Eurobike เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
- เซนเซอร์ความละเอียด 12 megapixel, ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4k/30fps, 1080p / 2.7k 30&60fps หรือโหมดสโลว์โมชันที่ 1080p/12ofps หรือ 720p/240fps
- Burst Mode สำหรับภาพนิ่งที่ถ่ายได้มากถึง 60 ภาพใน 2 วินาที
- ระบบกันสั่น 3 แกน Electronic Image Stabilization
- Built in GPS สำหรับเก็บข้อมูลความเร็ว ระยะทาง เวลา และแทรกข้อมูลเป็น overlay ได้ในวิดีโอ
- Touchscreen ด้านหลังกล้องซึ่งใช้งานได้แม้จะใส่เคสกันน้ำ
- รอบรับการสั่งงานผ่านเสียง
- ราคา 399 USD (เท่า GoPro Hero 5 Black) มาพร้อมเคสกันน้ำในตัว
- Via: virb.garmin.com
4. Sony FDR-X300
- Sony เป็นค่ายที่ผลิตแอ็คชันแคมออกมาหลายรุ่นแต่ดูจะยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก ล่าสุดเปิดตัวกล้องออกมาอีกสองรุ่น FDR-X300 4k และ HDR-AS300R ซึ่งทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ที่เด็ดกว่ากล้องคู่แข่งทุกรุ่นที่กล่าวมา นั่นคือมีระบบกันสั่นแบบ Optical Image Stabilisation ที่ทำงานได้ดีกว่าแบบ Electronic Image Stabilisation พอสมควร เพราะไม่ได้กันสั่นด้วยการใช้ซอฟต์แวร์ แต่ใช้ตัวเลนส์และเซนเซอร์ให้ขยับรับการสั่นสะเทือน ได้ภาพที่สมูทกว่าระบบ Electronic
- ใช้เลนส์ Zeiss Tessar และเซนเซอร์ Exmor R CMOS ใช้ processor BionZ
- FDR-X300R ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุด 4k/30fps โหมดสโลว์โมชันละเอียดสูงสุด 1080p/120 fps
- FDR-AS3ooR รุ่นรองถ่ายวิดีโอละเอียดสูงสุด 1080p/60fps หรือสโลว์โมชันที่ 720p/100fps
- ทั้งสองรุ่นปรับพรีเซ็ตความกว้างเลนส์ได้ 3 ระดับ – กว้าง, กลาง, และแคบ
- ไมโครโฟนในตัว ลดเสียงลมอัตโนมัติ
- ใช้คู่กับรีโมทคอนโทรลที่ใส่เป็นนาฬิกาหรือที่หลังกล้องได้
- Built in GPS ข้อมูลความเร็ว ระยะทาง เวลา สามารถทำ overlay ในวิดีโอที่ถ่ายไว้ได้
- ปรับ white balance, exporesure ได้แบบ manual
- บอดี้ไม่กันน้ำ แต่ถ้าใส่เคสกันน้ำจะใช้งานได้ลึก 60 เมตร
- FDR X-300 ราคา 550 USD (พร้อมรีโมท) หรือ 400 USD (ไม่มีรีโมท) จำหน่ายกันยายนนี้
- HDR-AS3ooR ราคา 450 USD (พร้อมรีโมท) หรือ 300 USD (ไม่มีรีโมท) จำหน่ายกันยายนนี้เช่นกัน
* * *