หลายคนทราบว่า สถิติโลก Hour Record หรือการปั่นจักรยานให้ได้ระยะทางไกลที่สุดภายในหนึ่งชั่วโมงตอนนี้เป็นของเซอร์แบรดลีย์ วิกกินส์ที่ทำระยะทางไว้ 54.526 กิโลเมตร แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะทำลายสถิติโลกเสมอไป
บางที การทำลายสถิติของประเทศได้สำเร็จก็เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการในใจแล้ว
และนั่นคือเป้าหมายของทอม เซอร์เบล นักปั่นชาวอเมริกันที่ทำลายสถิติ Hour Record ของสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน เซอร์เบล (Rally Cycling) ปั่นได้ระยะทาง 53.037 กิโลเมตร เร็วกว่าสถิติเก่าของนอร์ม อัลวิส ที่ทำไว้ในปี 1997 ที่ 51.505 กิโลเมตร และที่สำคัญมันเป็นสถิติ Hour Record ชายที่เป็นอันดับสองของโลก เป็นรองเพียงสถิติของเซอร์วิกกินส์เท่านั้น
วิกกินส์ทำสถิติไว้ในเดือนมิถุนายนปี 2015 ในกรุงลอนดอน ซึ่งตอนนั้นวิกกินส์ทำลายสถิติของอเล็กซ์ ดาวเซ็ตต์ เพื่อนร่วมชาติสังกัดทีม Movistar ที่ตั้งไว้ 52.973 กิโลเมตรในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน
สำหรับเซอร์เบล เขาไม่ได้หวังจะทำลายสถิติของวิกกินส์ หากแต่เป็นเป้าหมายสุดท้ายก่อนที่จะอำลาวงการจักรยานอาชีพ
“มันเป็นการอำลาวงการที่สมบูรณ์แบบครับ ผมอยากขอบคุณทีม Rally Cycling ที่ช่วยสนับสนุนการทำลายสถิติ เป้าหมายของผมคือทำลายสถิติ Hour Record ของอเมริกาให้ได้ แต่การปั่นเต็มที่เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมไม่มั่นใจหรอกว่าจะทำสำเร็จ ช่วงแรกผมเลยเริ่มอย่างช้าๆ แต่พอผ่าน 15 นาทีไป ผมเลยเพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิด เพราะเป้าหมายที่สองของผมคือปั่นให้ได้ระยะทางอย่างน้อย 53 กิโลเมตร ซึ่งก็ทำได้สำเร็จ” เซอร์เบลกล่าว
Diamondback Serio
เซอร์เบลและทีม Rally Cycling เลือกเมือง Aguascalientes ในเม็กซิโกเป็นสถานที่ทำลายสถิติ จากตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,887 เมตร ซึ่งช่วยลดแรงกดอากาศและทำให้ปั่นได้ไวขึ้นเล็กน้อย เวโลโดรมในเมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเวโลโดรมที่เร็วที่สุดในโลก
เซอร์เบลเองปัจจุบันอายุ 37 ปีและเริ่มแข่งระดับอาชีพตั้งแต่ปี 2006 ในระดับ Continental (ดิวิชัน 3) มาตลอด ความถนัดของเขาคือการปั่น Time Trial หรือการปั่นจับเวลาซึ่งที่ผ่านมาก็มีผลงานในสนามอเมริกาหลายรายการ
จักรยานที่ใช้เป็นเฟรม Diamondback Serio คู่กับล้อ HED Velo Disc หน้าหลัง, แอโรบาร์ HED Corsair E Flat, บันได Speedplay Zero Aero, เบาะ ISM Adamo Podium, ชุดสกินสูทจาก Borah Teamwear และหมวกแอโร LAzer WASP










Photo Via: RallyCycling.com