จ้าวความเร็วจากวันวาน: อเลซานโดร เพทัคคี

ทุกงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา แต่สำหรับบางคนแล้วเมื่ออายุโรยราไม่ไม่ได้แปลว่าการลาจากเสมอไป ก่อนที่จะมีสปรินเตอร์ร้อนแรงอย่างมาร์ค คาเวนดิชและมาร์เซล คิทเทลที่ยกสองแขนฉลองชัยชนะหน้าเส้นชัยในแทบทุกการแข่งขัน เราเคยมีอเลซานโดร เพทัคคี สปรินเตอร์เท้าทองชาวอิตาเลียนวัย 40 ปีที่เป็นจ้าวความเร็วยากจะหาตัวจับได้

สัปดาห์ก่อนผมพูดถึงเดวิด มองคูตีเอ นักไต่เขาชาวฝรั่งเศสจากทีม Cofidis วันนี้ก็ขอพูดถึงเสือเฒ่าเพทัคคีสักหน่อยเพราะเป็นอีกคนที่ชีวิตน่าสนใจทีเดียวครับ ว่ากันตรงๆ แล้วเพทัคคีนั้นมีบุคลิกผิดแปลกไปจากสปรินเตอร์แทบทุกคนที่มีลูกบ้า ห้าวและเดือดอย่างมาริโอ ซิปโพลินีในสมัยก่อนและมาร์ก คาเวนดิชในสมัยนี้ เพทัคคีได้ชื่อว่าเป็นสปรินเตอร์ที่สุภาพที่สุดในประวัติการณ์

ถึงจะไม่ใช่คนที่กราดเกรี้ยวแต่อย่าดูถูกฝีมือของเขาเชียว ด้วยชัยชนะ 27 สเตจในจิโรดิตาเลีย, 6 สเตจในตูร์ เดอ ฟรองซ์, 20 สเตจในวูเอลต้า (ทัวร์ออฟสเปน) พร้อมกับครองแชมป์จ้าวความเร็วจากทั้งสามรายการ แถมด้วยแชมป์คลาสสิคสุดโหอย่างมิลาน-ซานเรโม เพทัคคีคือหนึ่งในสปรินเตอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก รวมยอดแชมป์สเตจในแกรนด์ทัวร์เป็นรองอยู่แค่เอ็ดดี้ เมิร์กซ์ (65 สเตจ), และมาริโอ ซิปโปลินี (57 สเตจ)

เช่นเดียวกับสปรินเตอร์หลายๆ คน เพทัคคีไต่เต้าขึ้นมาจากการเป็นนักแข่งจักรยานลู่ก่อนที่จะเทิร์นโปรกับทีมอาชีพในปี 1996 ในปี 2004 เพทัคคีโชว์แศนยานุภาพของขบวนลีดเอาท์ของทีม Fassa-Bortolo ด้วยผลงานแชมป์ 9 สเตจใน จิโรและ 4 สเตจในวูเอลต้าปี 2005 เพทัคคีคว้าแชมป์สนามคลาสสิคมิลาน-ซานเรโม ได้เป็นครั้งแรก

แต่ชีวิตของนักกีฬา มีจังหวะขึ้นก็ย่อมมีจังหวะลง ฤดูกาลต่อมาเพทัคคีต้องถอนตัวจากการแข่งจิโรเพราะอาการบาดเจ็บหัวเข่า กว่าจะมาฟื้นตัวได้ก็ในรายการวูเอลต้า ทว่าที่หน้าเส้นชัยในสเตจ 15 ก่อนที่เพทัคคีจะได้ท้าชิงสปรินต์ เขาโดนนักปั่นทีมอื่นบังไลน์จนหมดสิทธิลุ้นแชมป์สเตจ เป็นที่รู้กันว่าหลังสปรินเตอร์แพ้ คุณไม่ควรเข้าไปคุยด้วย เพทัคคีโกรธที่โดนบังไลน์จนขว้างหมัดกระแทกรถบัสทีม กระดูกข้อมือแตก ต้องถอนตัวจากทุกรายการตลอดทั้งฤดูกาล

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดในจิโรปี 2007 เพทัคคีโดนสั่งระงับการแข่ง 12 เดือนเต็มและถูกยกเลิกสัญญาจ้างเพราะการใช้สาร Sabutamol (แก้ภูมิแพ้ ขยายหลอดลม) มากเกินขนาด แต่ไฟของสปรินเตอร์ไม่มอดดับง่ายๆ ครับ เพทัคคีไต่เต้ากลับเข้าสู่วงการกับทีมระดับดิวิชัน 2 LPR Brakes คว้าชัยชนะแทบทุกรายการที่ลงแข่งจนปี 2010 ได้เข้ามาอยู่กับ Lampre ทีมยักษ์จากอิตาเลียน เพทัคคีขึ้นเหยียบโพเดียมมิลาน ซานเรโมซ้ำอีกหนึ่งรอบก่อนจะคว้าเสื้อเขียวจ้าวความเร็วในตูร์ เดอ ฟรองซ์ปีเดียวกัน

เพทัคคีตัดสินใจอำลาวงการในปี 2013 เพราะเมื่อ Lampre มีสปรินเตอร์ดาวรุ่งอย่างโรเบอร์โต เฟอร์รารี และยอดโพเดียมรายการใหญ่ถูกมาร์ค คาเวนดิชและอังเดร ไกลเพิลกวาดเรียบ เพทัคคีก็หมดกำลังใจที่จะแข่งขันต่อไป แต่อย่างว่าครับ คนดีไม่เคยไร้ที่อยู่ แพททริค เลอเฟอร์เวียร์บอสใหญ่ของทีม Omega Pharma-Quickstep กำลังเดือดร้อนเพราะเมื่อคาเวนดิชเก็บชัยชนะได้แค่สองสเตจในตูร์ปี 2013 เขารู้ดีว่าคาเวนดิชต้องการลีดเอาท์แมนมากประสบการณ์ ปีเดียวกันเลอเฟอร์เวียร์ซื้อตัวมาร์ค เรนชอว์อดีตคู่หูคาเวนดิชและเพทัคคีเข้ามาอยู่ใต้สังกัด OPQS จนปัจจุบันเป็นทีมที่มีหัวลากสปรินเตอร์แกร่งไม่แพ้ใครใน peloton

เพทัคคีให้สัมภาณ์ทิ้งท้ายว่าถึงเขาจะหมดไฟที่จะคว้าชัยชนะเหมือนสมัยหนุ่มๆ แล้วแต่เขากลับได้แรงบันดาลใจจากสปรินเตอร์หนุ่ม (และอดีตคู่แข่ง) อย่างคาเวนดิชและคิดว่าประสบการณ์ตะลุมบอนหน้าเส้นชัยด้วยความเร็วสูงของเขา ((เพทัคคีคือหนึ่งในนักปั่นที่เลือกไลน์สปรินต์เก่งที่สุด)) น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทีมและคาเวนดิชแน่นอน

ล่าสุด OPQS ประกาศโผชื่อนักปั่นที่จะลงตูร์ เดอ ฟรองซ์ เพทัคคีก็เป็นหนึ่งใน 9 คนของทีม OPQS จะแก้มือที่เป็นรองให้ Giant-Shimano ในปีก่อนได้หรือเปล่า? อีกไม่ถึงสองสัปดาห์เดี๋ยวคงรู้กันครับ ☺