แบรนด์: Bont
รุ่น: Vaypor Plus
ราคา: 13,000
สี: ขาว / ดำ / custom
ตัวแทนจำหน่าย: Bont Shoes Thailand
สรุปสั้นๆ เหอะ ขี้เกียจอ่าน: รองเท้าปั่นที่โคตรสติฟ เบา วัสดุทนทาน พื้นอบให้เข้ากับเท้าได้ แต่ต้องลองก่อนซื้อ และอาจจะไม่เข้ากับรูปเท้าทุกคน ราคาสูงกว่าคู่แข่ง
1. รูปทรง
สำหรับรองเท้าปั่น รูปทรงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะผิดกับรองเท้าหนัง หรือรองเท้าผ้าใบที่เราใส่เล่นใส่ทำงานที่จะใส่ไซส์ใหญ่กว่าปกติได้นิดหน่อย รองเท้าปั่นคุณต้องใส่ให้พอดีไม่เหลือไม่ขาดไม่งั้นจะปั่นไม่สบาย และมีปัญหาอย่างอาการเท้าชา ปวดเท้า ตามมาได้ครับ
แต่ละแบรนด์รองเท้าก็จะมีรูปทรง (last) ที่ต่างกันไป สำหรับ Bont โดยเฉพาะรุ่น Vaypor Plus มีทรงที่ป้าน อ้วน และรี มากกว่ารองเท้าปั่นส่วนใหญ่ที่มีในตลาด และมีรูปทรงเหมือนกับเท้าคนมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ ถ้าคุณสังเกตรองเท้าปั่นส่วนใหญ่จะมีจุดที่ยาวที่สุดตรงกลางรองเท้าพอดี (ผ่าครึ่งแนวยาว) แต่ส่วนที่ยาวที่สุดของ Vaypor Plus จะอยู่ใกล้ๆ นิ้วหัวแม่โป้ง เพราะเท้าคนส่วนใหญ่ก็มีจุดยาวที่สุดตรงนี้ จะเป็นทรงที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
รองเท้า Bont ทุกรุ่นมีไซส์ให้เลือกตามปกติ มีครึ่งไซส์ และมีเวอร์ชันหน้าเท้ากว้าง Asian Fitสำหรับคนเอเชียที่มักมีหน้าเท้ากว้างกว่าคนยุโรป
สำหรับ Vaypor Plus ทรงรองเท้าจะมีความกว้างด้านขว้างมากกว่ารุ่น Riot ที่ DT เคยลอง มีพื้นที่ให้เราขยับนิ้วเท้านิดหน่อยไม่แน่นอึดอัดจนเกินไป น่าจะเหมาะกับคนที่เท้ากว้างและใส่รองเท้าหน้าแคบอย่าง Sidi ไม่ได้
การที่ทรงมันกว้างกว่ารองเท้าทั่วไปเล็กน้อยมีประโยชน์อีกอย่าง นั่นคือพื้นรองเท้าจะรองรับคลีทได้เต็มความกว้างของคลีทพอดี พื้น Vaypor เลยทำหน้าที่เป็นฐานการถ่ายกำลังกดลูกบันไดได้เต็มที่ โดยเฉพาะกับคลีทใหญ่ๆ อย่าง Shimano SPD-SL และ Look รองเท้าที่พื้นไม่กว้างมากบางคู่ โดยเฉพาะไซส์เล็ก บางทีเวลาตั้งคลีทแล้ว คลีทล้นออกจากพื้นรองเท้าเล็กน้อย
2. สเป็ค
จุดเด่นของรองเท้า Bont ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ในรุ่น Vaypor Plus ก็คือพื้นและโครงรองเท้าที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์แบบ Unidirectional ขึ้นรูปแบบ monocoque
โครงรองเท้าจะมีลักษณะคล้ายๆ เรือ นั่นคือพื้นรองเท้าที่ทำจากคาร์บอนจะเป็นโครงสูงขึ้นมาห่อรอบๆ เท้าเราด้วย ด้วยความแข็งแรงจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และโครงสร้างแบบเรือหุ้มเท้า ทำให้ Bont สามารถทำพื้นรองเท้าได้บางกว่ายี่ห้ออื่น
stack height ของ Vaypor Plus สูงพียง 3.6mm เท่านั้น ถ้าคุณซื้อคู่นี้ต้องอย่าลืมลดความสูงเบาะลงด้วยเล็กน้อย stack height ต่ำก็หมายความว่าเท้าคุณอยู่ใกล้ลูกบันไดมากขึ้น Bont โฆษณาว่าทำให้ปั่นได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า พื้นรองเท้าบาง รองเท้าก็เบาขึ้น และเมื่อคุณต้องลดความสูงหลักอานก็ทำให้จุดศูนย์ถ่วง (Center of Gravity) ต่ำลงเล็กน้อย บังคับ ควบคุมรถได้มั่นคงขึ้น…
ส่วนตัวผมไม่ค่อยฟีลเรื่องความบางของพื้นเท่าไร แต่ถ้าเป็นนักกีฬาที่ชอบเค้นประสิทธิภาพอาจจะได้ประโยชน์จากตรงนี้ไม่มากก็น้อย แบรดลีย์ วิกกินส์ใส่ Bont ตอนเขาคว้าแชมป์ Tour de France 2012 ด้วยความต้องการที่จะรีดประสิทธิภาพการปั่นให้ได้ทุกเม็ดทุกวัตต์ แต่พอได้แชมป์แล้วเขาก็กลับไปใส่รองเท้าที่สบายไม่ได้แข็งสติฟแบบสุดยอด อย่าง Giro Empire
หนังด้านบนเป็นหนังเทียมทำจากวัสดุ Durolite ซึ่งทนทานและสวยงาม ทำความสะอาดง่าย งานละเอียดกว่าหนังไมโครไฟเบอร์ที่ใช้ใน Riot อย่างเห็นได้ชัด หนังด้านบนมีช่องระบายอากาศที่หัวแม่เท้าและบนลิ้นรองเท้านิดหน่อย
บุรองเท้าด้านในทำจาก Memory Foam ซึ่งจะปรับรูปทรงเข้ากับทรงเท้าเราโดยอัตโนมัติ Memory Foam ไม่ดูดน้ำและเหงื่อเวลาที่เปียก ทำให้รองเท้าไม่หนักมากเวลาที่ต้องปั่นตากฝนหรือเหงื่อออกเยอะๆ
น้ำหนักจัดว่าเบา สำหรับไซส์ 43 เวอร์ชัน asian fit ของผมหนัก 233 กรัม ไม่ได้เบาที่สุดในตลาดเพราะใช้ระบบรัดแบบ rachet หัวบิดหมุน BOA ซึ่งปรับความกระชับได้ง่าย แต่ก็จะมีน้ำหนักมากกว่าระบบรัดง่ายๆ แบบตีนตุ๊กแก
พื้นรองเท้าเป็นคาร์บอนลายทอแบบเปลือย สวยมาก แต่ก็เป็นรอยง่ายเช่นกัน เวลาใส่อาจจะต้องระวังนิดนึง แต่ไม่แย่เหมือน Bont Riot ที่เป็นไฟเบอร์กลาสแบบเงา รุ่นนั้นขูดพื้นนิดเดียวเป็นรอยลึกเลย ถ้าอยากถนอมรองเท้าก็อย่าใส่เดินมากครับ
3. ฟิต
ตารางไซส์ของ Bont ค่อนข้างใกล้เคียงไซส์รองเท้าปกติที่ผมใส่ ปกติใส่รองเท้าเบอร์ 43 กับ Bont ก็เบอร์ 43 ตรง แต่ด้วยรูปทรงที่ไม่เหมือนรองเท้ายี่ห้ออื่นๆ แนะนำให้คุณต้องไปลองใส่เองก่อนจะซื้อ เพราะมีหลายคนที่ได้ไซส์ผิดจากการสั่งซื้อออนไลน์หรือไปรษณีย์มาแล้ว เสียเวลา เสียเงินเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ
หลายๆ คนอาจจะใส่ได้พอดีตั้งแต่ซื้อ แต่รองเท้า Bont สามารถอบในเตาอบเพื่อให้พื้นรองเท้ากระชับเข้ารูปทรงเท้าเราได้มากขึ้น ถ้าไม่อบก็น่าเสียดายครับ (จะจ่ายแพงกว่าทำไมจริงมั้ย)
วิธีการอบไม่ยากอะไร ที่เพจ Bont Shoes Thailand มีวิธีการอบเขียนบอกไว้ แต่แนะนำให้ไปอบกับร้านที่ซื้อเพราะถึงคุณจะอบเองที่บ้านได้ ให้คนขายที่เทรนเรื่องการอบ การจับรองเท้าให้เข้ากระชับกับเท้าทำให้น่าจะได้ผลดีกว่า และสบายใจกว่าไม่ต้องกลัวอบผิดวิธีจนเสียของครับ
วิธีการอบของ Bont คือ อบรองเท้าในเตาอบ (เตาธรรมดา อย่างเตาอบขนม) ที่อุณหภูมิ 70 องศา เป็นเวลา 20 นาที ซึ่งเรซิ่นที่พื้นรองเท้าจะเริ่มคลายตัว จากนั้นให้เราใส่ถุงเท้าหนาๆ แล้วใส่รองเท้า ยืนกดไว้
ถ้าอบที่ร้าน ช่างจะจับปรับรองเท้าให้เข้ากับรูปเท้า ถ้าหน้าเท้าแคบไป เราก็หาวัสดุแข็งๆ ไปง้างไว้ตอนรองเท้าร้อนอยู่ให้มันกว้างขึ้นได้ จนเรซิ่นเย็นลง แข็งเข้ารูปกับเท้าเรา สำหรับรองเท้า Bont คุณจะอบกี่ครั้งก็ได้จนได้ฟิตที่พอใจที่สุด
Bont ที่ผมลอง อบ 2 ครั้งถึงได้ฟิตที่ใส่สบายเป็นที่น่าพอใจ แน่นอนว่าคุณไม่สามารถอบขยายเบอร์ 43 ให้เป็นเบอร์ 44 ได้ แต่ก็พอจะช่วยปรับจุดเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะรัดไปหรือหลวมไปให้พอดีได้ครับ
อ่านวิธีการอบที่ถูกต้องและดูวิดีโอของ Bont ประกอบได้ที่ ลิงก์นี้
4. หลังปั่น
เราเทสต์ Vaypor Plus อยู่ประมาณสองเดือน โดยรวมแล้วใช้งานดีกว่า Bont Riot ทุกด้าน Memory Foam ที่บุด้านในและลิ้นรองเท้าไม่ได้นิ่มมากเหมือนบุรองเท้ายี่ห้ออื่นแต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบาย วัสดุดีกว่ารุ่น Riot, Blitz และ Vaypor
Bont Vaypor Plus ยังคงเอกลักษณ์ของ Bont ที่เวลาเราใส่แล้วจะรู้สึกได้ชัดว่ารองเท้ามันแข็ง สติฟเป็นชิ้นเดียวกันหมด ตั้งแต่พื้นรองเท้ายันหนังด้านบน
สำหรับรองเท้าปั่นส่วนใหญ่ หนังด้านบนจะนิ่ม เวลาคุณกดบันไดหนักๆ เร่งสปรินต์ ดึกลูกบันได (ในลูป กด-ไส-ลาก-ดึง) และกระชากขึ้นเขา จะรู้สึกได้เลยว่าหนังด้านบนมันให้ตัว flex ออกข้างบ้าง หรือยืดมาตามแรงดึงเท้าเราบ้าง ข้อดีคือมันก็ใส่สบายดีนะครับ แต่อาจจะรู้สึกออกแรงได้ไม่เต็มที่? แต่สำหรับ Bont ความรู้สึกตอนปั่นคือมันเหมือนเท้าและขาเราเป็นชิ้นเดียวกันทั้งหมด ไม่มีอาการ flex ให้เห็น ส่งแรงได้เต็มตั้งแต่จังหวะเกร็งขากดถ่ายแรงลงไปถึงแกนบันได โดยที่ไม่เจ็บไม่รัดมากเกินไป
ต้องยกความดีความชอบให้หนัง Durolite ที่นิ่มพอประมาณ แต่ไม่ flex จนเกินไป ให้ฟีลสบายกว่าหนังไฟเบอร์ของ Riot (รุ่นนั้นหนังด้านบนก็ไม่ flex แต่สัมผัสไม่หรูหราสบายเท่า Vaypor Plus)
ตรงนี้ก็ช่วยลดจุดอ่อนของ Riot ด้วยที่ใส่นานไม่สบายนัก สำหรับ Riot ผมไม่ชอบใส่ปั่นเกิน 2-3 ชั่วโมง เพราะจะเริ่มรู้สึกว่ารองเท้าแข็งไปหน่อย ไม่สบายเท้า Vaypor Plus นี่จะใส่สบายกว่า แต่กระนั้นก็ยังไม่สบายชิลล์ๆ นิ่มๆ แบบ Rapha, Specialized, Shimano ที่เคยใส่
ระบบหัวรัดปรับความกระชับของ BOA ทำงานได้ดี ปรับง่าย และถ้าเสียก็มีอะไหล่เปลี่ยน ใครเป็นสายแฟชั่นจะซื้อหัว BOA สีต่างๆ มาแต่งรองเท้าก็ได้
ถ้าใครไม่ชอบระบบ BOA Bont มีเวอร์ชัน Vaypor Classic ซึ่งมีโครงสร้างรองเท้าเหมือน Vaypor Plus ทุกอย่าง ยกเว้นระบบรัดกระชับเปลี่ยนจาก BOA เป็นเชือกรัด
5. สรุป
Bont Vaypor Plus เป็นรองเท้าสาย performance อย่างแท้จริง เหมาะกับคนที่อยากจะรีดกำลังการปั่นออกมาทุกหยด efficiency สูงสุด ไม่มีการสูญเสียพลัง คุณจะเห็นประสิทธิภาพของมันได้ชัดมากเวลาที่ต้องปั่นแบบเค้น เช่นการสปรินต์หรือขึ้นเขา เป็นรองเท้าที่ให้ performance ที่ดีที่สุดที่ DT เคยลอง ยิ่งถ้าใส่แข่งในเกมเร็วๆ ระยะทางสั้นๆ จะกดเค้นพลังได้สะใจมาก
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่มันเน้นประสิทธิภาพ คนที่ชอบฟีลรองเท้าสบายๆ อาจจะไม่ชอบนักครับ บอกตามตรงว่าผมยังชอบใส่ Rapha Climbers Shoes มากกว่า เพราะส่วนตัวไม่ใช่คนที่จะคอยรีดพลังหรือไปแข่งขันอะไรกับใคร ชอบใส่สบายๆ ปั่นได้เรื่อย ถึงจะ flex บ้างเสียแรงบ้างก็ไม่ได้ซีเรียส (ผมชอบรองเท้านิ่มๆ)
อีกอย่าง Bont เป็นรองเท้าที่คุณต้องใส่ใจนิดนึง ไม่ใช่รองเท้าแบบ buy and forget ซื้อมาแล้วก็ต้องดูว่าใส่ได้พอดีถูกใจไหม ถ้าไม่พอดีเต็มที่ก็ต้องเอาไปอบ ซึ่งอาจจะไม่ใช่การอบครั้งเดียว
คุ้มหรือไม่ต้องถามว่าคุณให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพรองเท้าและที่มันอบปรับกระชับได้ขนาดไหน ราคา Vaypor Plus สูงกว่าคู่แข่งที่ประสิทธิภาพใกล้เคียงกันนิดหน่อย
ด้านความสวยงาม พื้นรองเท้าเป็นรอยง่าย แต่หนังด้านบนทนทาน ไม่เลอะ และทำความสะอาดง่ายไม่ต้องระมัดระวังมากนัก ที่ด้านหน้ารองเท้ามีกันชนยางที่สามารถซื้อเปลี่ยนได้เมื่อเสื่อมสภาพ เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูใส่ใจกับดีเทล์สินค้าดี เพราะรองเท้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริเวณปลายเท่านี่แหละครับที่เลอะ ลอก เป็นรอยก่อน
ถ้าไม่ชอบสีสต็อก Bont มีตัวเลือกให้คุณทำสีแบบ custom ได้ตามต้องการด้วย อย่างตัวอย่างที่เห็นข้างล่างนี้ สีทอง-เงิน (ต้องเพิ่มเงิน)
* * *
