เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีงานจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นชื่อ Cycle Mode International จัดขึ้นที่ มาคุฮาริ เมสเซ จังหวัดจิบะ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแสดงสินค้า คอนเสิร์ต และงานจับมือต่าง ๆ ไม่ต่างจากอิมแพคอารีน่าบ้านเราแม้แต่น้อย คืออยู่นอกเมือง มีฮอลล์ขนาดยักษ์อยู่ติด ๆ กัน และพื้นที่มหาศาล ยกเว้นอย่างเดียวคือนั่งรถไฟฟ้าไปได้ ทำให้ไม่ต้องเจอปัญหารถติด และไม่ต้องวนหาที่จอดครับ
งาน Cycle Mode International นี้ เน้นกลุ่มผู้บริโภค (B2C) มากกว่าผู้ประกอบการ (B2B) แบบ Eurobike หรือ Taipei Bicycle Show ครับ ใครสนใจก็เข้างานได้หมด ค่าเข้างานถ้าจองล่วงหน้า 1,200 เยน (~340 บาท) ถ้าซื้อบัตรหน้างาน 1,500 เยน (~420 บาท)
บทความนี้จะแบ่งออกเป็นสามตอน โดยตอนแรกจะเน้นที่เอกลักษณ์ที่ผมชอบมาก ๆ นั่นคือมีรถเดโม่ให้ลองมหาศาล มีสินค้าตัวอย่างให้ลอง และมีมุมสำหรับเด็ก ๆ ครับ
ว่าแล้วก็ไปชมกันเลย อยากแนะนำว่าถ้าใช้จอใหญ่ ๆ จะได้อรรถรสกว่าครับ
เข้ามาในงานจะอยู่บนชั้นสองก่อน ได้เห็นบรรยากาศรอบงาน แล้วค่อยเดินลงบันไดไปบริเวณงานอีกที พื้นที่จัดงานกว้างขวางมาก ๆ บริเวณรอบนอกของพื้นที่จัดแสดง เปิดประตูให้ออกไปทดลองปั่นจักรยานเดโม่ได้ เทสต์รูตก็ให้ปั่นรอบฮอลล์นั่นล่ะครับ ข้างนอกบ้าง ตัดเข้ามาข้างใน (ที่กั้นรั้วไว้) บ้าง Canyon ขนจักรยานเดโม่มา 35 คัน !! มีทั้งเสือหมอบ เสือภูเขา ไซโคลครอส กราเวล และรุ่น WMN สำหรับผู้หญิง ไม่ต้องกลัวไม่มีไซส์ครับ ขอแค่มีความอดทนที่จะต่อคิวเท่านั้น… Pinarello ก็ไม่น้อยหน้า ขน Dogma F12 มาให้ลองปั่นเช่นกัน เอาจริง ๆ ผมสงสัยการขายจักรยานบ้านเรามาสักพักแล้วว่า ยานคันเป็นแสน ๆ ไม่ได้ลองปั่นจะรู้ได้อย่างไรว่าชอบไหม เหมือนซื้อรถยนต์สักคัน ก็ต้องลองขับก่อนถูกไหมครับ จะได้รู้ว่าห้องโดยสารกว้างพอไหม สมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร… Wahoo ที่เพิ่งเปิดตัว Smart Trainer เต็มรูปแบบก็เอามาให้ได้ลองกันในงาน ต่อกับ Zwift ขึ้นจอเลย คนสนใจกันมากทีเดียว Stages ก็ไม่น้อยหน้า มีมาเดโม่เช่นกัน อ้าว นักแข่งคนนี้ต้องสวมวิญญาณนารุโกะ โชคิจิแน่นอนครับ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ทิ้งไป อานและหลักอานมันหนักเปล่า ๆ ก็ถอดออกไปครับ ตอนนี้ผู้ผลิตหลายเจ้าไม่ว่า Tacx, Wahoo, Elite ก็มีสมาร์ทเทรนเนอร์อย่างที่เราอาจได้เห็นผ่านตากันไปบ้าง แต่ที่เราอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นคือ Minoura ก็เพิ่งออกสมาร์ทเทรนเนอร์เช่นกันครับ ราคาสูสีกับยี่ห้อตะวันตกเสียด้วย Pioneer มาสาธิตพาวเวอร์มิเตอร์ที่สามารถแยกเวคเตอร์ได้ 12 ตำแหน่งตามเข็มนาฬิกา บอกได้หมดว่าเราออกแรงที่ตำแหน่งใดบ้าง แรงแค่ไหน ทั้งข้างซ้ายและขวา สมดุลซ้ายขวาเป็นอย่างไร และจังหวะการควงบันไดเนียนแค่ไหน ไมล์ตัวใหม่ของ Pioneer SGX-CA600 พาร์ทเนอร์กับ Wahoo โดยให้ Wahoo ทำฮาร์ดแวร์ให้ (เดาไม่ยากจากปุ่มสามปุ่มด้านล่างอันเป็นเอกลักษณ์) ฐานยึดก็เป็นของ Wahoo แต่ซอฟต์แวร์ด้านในเป็นของ Pioneer ทั้งร้อยเปอร์เซนต์ แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คู่กับพาวเวอร์ของ Pioneer เพราะเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ด้วย ANT+ และ BTLE เหมือนไมล์อื่น ๆ บูธ Giro เอา Empire, Empire SLX, และ Imperial มาให้ลองทุกไซส์ ไม่ว่าจะเท้าจิ๋วไปจนเท้ายักษ์ ต้องใส่ได้สักเบอร์ล่ะน่ะ Northwave รุ่นท็อปปีล่าสุดกลับมาใช้ลูกบิด 2 หัวเหมือนเดิมแล้ว จากที่พยายามลดเหลือ 1 หัวแล้วลูกค้าหลายท่านบ่นว่าปรับไม่ได้อย่างใจ หน้าเท้าสบายข้อเท้าหลุด ข้อเท้าแน่นหน้าเท้าปวด พอมาใช้สองหัวเหมือนเดิม คู่กับดีไซน์แบบห่อรอบเท้า ไม่มีลิ้นตรงกลาง น่าจะปรับได้ละเอียดขึ้น Northwave Extreme Pro สี Astana Pro Team สังเกตว่าเจาะรูระบายอากาศมากกว่าสีมาตรฐาน Revolution 2 สีพ๊อพมาก ๆ แน่นอนว่ามีให้ลองใส่ทุกรุ่นทุกไซส์ รุ่นบน ๆ จะมีครึ่งไซส์ด้วยสำหรับขนาดกลาง ๆ เช่น 39.5, 40.5, 41.5, 42.5 เป็นต้น fi’zi:k ก็ขนมาทั้งแคตาล็อกเช่นกันครับ แต่ว่านอกจากรองเท้าแล้ว ไฮไลท์ปีนี้ของ fi’zi:k คงต้องยกให้การที่เขาพาร์ทเนอร์กับ Carbon เพื่อผลิตอานด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติชื่อเท่ ๆ ว่า Digital Light Synthesis ครับ อีกเจ้าที่พาร์ทเนอร์กับบริษัท Carbon ก็คือ Specialized ลองกดไปนี่มันเฟิร์มกว่าที่เห็นโปร่ง ๆ เยอะเลย ตอนนี้อานสั้น กว้าง และเจาะกลางใหญ่ ๆ กำลังอินเทรนด์ ใครไม่มีขายถือว่าเอาท์ นับเป็นการปฏิวัติวงการโดย Specialized Power โดยแท้ ปีนี้ fi’zi:k ก็ไม่พลาดขบวนด้วยการออกรุ่น Argo มาพร้อมสองรุ่นย่อย คือ Tempo Argo และ Vento Argo อานสั้นไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็เน้น “อุ้ม” เชิงกรานเราไว้เหมือนกัน นั่งได้แค่ตำแหน่งเดียวไม่เน้นขยับหน้าหลังเหมือนอานยาวและเรียบแบน บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ครับ ความแตกต่างก็คือ Vento Argo นั้นเน้นใช้เพื่อการแข่งครับ โฟมบุอานจะเฟิร์มกว่า และความกว้างปีกท้ายจะแคบกว่า (140 & 150mm) สะท้อนการใช้งานที่ก้มมุดลมมากกว่า ส่วน Tempo Argo เน้นการปั่นนาน ๆ สายออแดกซ์+ไบค์แพ็กกิ้ง โฟมนุ่มกว่า และความกว้างปีกท้ายมากกว่า (150 & 160mm) สอดคล้องไปกับท่านั่งที่ไม่ก้มเท่า แต่ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ Handmade in Italy ที่บูธ Smith Optics มีหมวกกันน๊อกมาให้ลองสวมใส่ โดยจุดขายของ Smith Optics คือเสริมชั้น Koroyd เข้าไปบางจุดของหมวก ทำให้ส่วนที่แต่เดิมเป็นช่องระบายลมก็สามารถรับแรงกระแทกได้ และเพราะ Koroyd ลักษณะเหมือนรังผึ้งกลวง ๆ ก็ยังระบายอากาศได้อยู่ ฉลาดดี แน่นอนว่าจะมีวัสดุใหม่ ก็ต้องโฆษณาด้วยว่าดีกว่า EPS หรือโฟมลังน้ำแข็งปรกติอย่างไร เรื่องนี้ Smith Optics ก็บอกว่ารับแรงกระแทกได้มากกว่าโฟมปรกติถึง 48% ข้าง ๆ กันมีชิ้น Koroyd เล็ก ๆ ที่โดนกระแทกแล้วมาให้ดู มันเบาดีนะ และการกระแทกที่จุดตรงกลางก็ไม่ทำให้ส่วนที่เหลือเสียโครงสร้างไปด้วย เมื่อเดือนที่แล้ว Castelli เพิ่งอัพเดตตระกูล Gabba ไปเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว ถ้าใครได้ไป Eurobike ก็จะได้เห็นตอนเปิดตัวเลย แต่ว่าผ่านมาแค่เดือนเดียวก็ได้เห็นของจริงที่ญี่ปุ่นเหมือนกัน อันที่จริง Gabba/Perfetto มันไม่ค่อยเกี่ยวกับคนไทยเท่าไหร่ครับ เพราะมันเป็นเสื้อผ้าสำหรับปั่นกลางฝนที่อุณหภูมิ 5-15 องศา ไม่ใช่ฝนอุ่น ๆ แบบบ้านเรา แต่เพราะตอนนี้ผมอยู่ญี่ปุ่นหนาว ๆ และผมชอบเสื้อตระกูลนี้ ก็เลยอยากให้ทุกคนได้ดูด้วย (บังคับกันชัด ๆ) การอัพเดตครั้งนี้ เสื้อในตระกูล Gabba/Perfetto ได้ชื่อต่อท้ายว่า Rain or Shine (RoS) มาครับ กลายเป็น Gabba RoS และ Perfetto RoS สิ่งที่เปลี่ยนคือ จากเดิมเป็นเสื้อกันน้ำดี สำหรับวันฝนตกเป็นหลัก ครั้งนี้ Castelli อยากให้ใช้วันฝนไม่ตกได้ด้วย โดยใช้ผ้า Gore Infinium WINDSTOPPER รุ่นใหม่ เอกสิทธิ์เฉพาะ Castelli เลย ซึ่งเคลมว่าระบายความร้อนได้ดีขึ้น โดยกันน้ำได้ดีเหมือนเดิม ส่วนตรงเอวสามารถเปิดซิปเพื่อช่วยระบายเหงื่อได้ ด้านในเป็นผ้าฟลีซอุ่น ๆ เดินไปที่อีกมุมของฮอลล์ พบว่ามีสอนเด็กน้อยปั่นจักรยาน มีวิทยากรด้วยนะ คนตรงกลาง คอยสอนและมีแบบฝึกหัดให้เด็ก ๆ ทำตาม บรรดาคุณแม่ก็มายืนดูด้วยความปลาบปลื้ม ปล่อยคุณพ่อตัวดีวิ่งเล่นหาแก็ดเจ็ตใหม่ ๆ ไปตามใจชอบ พอมาดูดี ๆ พบว่าบูธนี้เป็นของ Wielerschool Japan ครับ เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่นำเอาวิธีการสอนมาจากเขต Flanders ในเบลเยี่ยม (ถึงได้ชื่อ Wielerschool ซึ่งเป็นภาษาเฟลมิช) นอกจากในงาน Cycle Mode เค้าก็ตระเวนไปจัดเวิร์กช็อปตามโรงเรียนประถมต่าง ๆ ทั่วประเทศญี่ปุ่นเพื่อส่งเสริมให้เด็ก ๆ ใช้จักรยานในชีวิตประจำวัน ควบคุมจักรยานได้ไม่ล้มบาดเจ็บง่าย ๆ ข้าง ๆ บูธของ Wielerschool มีผาจำลองให้เจ้าตัวเล็กปีนเล่นครับ !! ผมชอบการออกแบบงานแสดงสินค้าที่คำนึงถึงทุกคนในครอบครัวแบบนี้นะครับ จะมากันทั้งพ่อแม่ลูกก็ไม่เคอะเขินและไม่เบื่อแน่นอน
สำหรับวันนี้ขอจบตรงนี้ก่อนครับ ปวดตาแล้ว ไว้พบกันใหม่ตอนที่ 2 ครับ