สเตจ 1 เปิดตัวการแข่งขันจิโรดิตาเลียจบลงไปอย่างงดงามและก็เป็น Orica-GreenEdge ที่ทำเวลาได้ดีที่สุดคว้าแชมป์สเตจไปครองตามความคาดหมาย (DT เก็งถูกไปอีกหนึ่งสเตจละนะ ^^) และคนที่ได้เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกก็เป็นสเวน ทัฟต์ (Svein Tuft) เอซนักปั่น Time Trial จากทีมในวันครบรอบวันเกิด 37 ปีของเขาพอดี และน่าจะเป็นผลงานที่ดีที่สุดของโดเมสติกสัญชาติแคนาเดียนคนนี้ครับ
เป็นความต้องใจของทีม OGE ที่จะมอบเสื้อชมพูให้กับทัฟต์ซึ่งเป็นเรี่ยวแรงหลักของทีมในหลายๆ การแข่งขันก่อนที่ทัฟต์จะรีไทร์ในอีกไม่กี่ฤดูกาลข้างหน้านี้ครับ
“The team gave me the gift. It was really a birthday present. This team is really selfless in that way and I am just really fortunate to be given that gift on my birthday.”
เกิดอะไรขึ้นในสเตจ 1?
จากทั้งหมด 22 ทีม GreenEdge ออกตัวเป็นทีมลำดับที่สองตามทีม Colombia และทำเวลาดีที่สุดตั้งแต่เริ่มการแข่งขันบนคอร์ส 27.1 กิโลเมตรด้วยความเร็วเฉลี่ย 52.713 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (!!) ทำเวลาได้ 24.42 นาที ทว่าเมื่อ GreenEdge เริ่มเข้าเส้นชัยสายฝนก็เริ่มเทตกลงมาทำให้ทีมอื่นๆ ต้องลดความเร็วลงพอสมควร OPQS เข้ามาเป็นอันดับ 2 ที่ +5 วินาที และ BMC ที่ +7 วินาที เป็นทีมอันดับสองและสามตามลำดับ ตัวเต็งคนอื่นๆ ก็ทำเวลาได้ไม่เลว
นิโคลาส โรช (Nicolas Roche) จาก Tinkoff-Saxo ตามมาที่ +23 วินาที
มิเคลิ สคาร์โพนี (Michele Scarponi) จาก Astana ที่ +38 วินาที
อิวาน บาซโซ (Ivan Basso) จาก Cannondale ที่ +53
และไนโร ควินทานา (Movistar) ที่ +55 วินาที
Dan Martin ผู้อับโชค
Photo: Sirotti captured the dramatic #giro crash as it happened: pic.twitter.com/UTrF0kSbHb
— Pete Geyer (@cyclingfans) May 9, 2014
ถนนเปียกกับจักรยาน Time Trial ความเร็วสูงไม่ใช่ของคู่กันและก็มีผู้ประสบเคราะห์จริงๆ ครับนั่นก็คือทีม Garmin-Sharp และหัวหน้าทีมแดนมาร์ติน ( Darn Martin) ที่ลื่นล้มกลางทางจนกระดูกไหปลาร้าหัก ต้องถอนตัวจากการแข่งขันทันที ในขณะที่ ไรเดอร์ เฮซเชดาล (Ryder Hesjedal) แชมป์เก่าปี 2012 ก็น่าจะหมดโอกาสท้าชิงแชมป์รายการเพราะทีม Garmin เข้ามาเป็นอันดับสุดท้ายด้วยเวลา +3.26 นาที DT เชื่อว่าคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นทีม Garmin ในการแข่งขันเพราะทีมนี้ขึ้นชื่อเรื่องความแกร่งและน่าจะเปลี่ยนแผนกลับมาท้าชิงสเตจวินแทนเวลารวม
ผลการแข่ง
วิดีโอไฮไลท์