ดิสก์เบรคจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของจักรยานเสือหมอบในอนาคตหรือเปล่า? เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเพราะช่วงปีที่ผ่านมาเราเห็นผู้ผลิตจักรยานแบรนด์ต่างๆ ได้เริ่มผลิตเสือหมอบติดดิสก์เบรควางจำหน่ายมาพักหนึ่งแล้วครับ
แต่สาเหตุที่มันยังไม่กลายเป็นมาตรฐานเสียทีนั้นก็เพราะว่า ตลาดจักรยานเสือหมอบยังคงเดินตามเทคโนโลยีที่ใช้ในการแข่งขันจักรยานอาชีพเป็นหลัก ถ้าสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) ไม่อนุญาตให้ใช้ มันก็จะยังไม่แพร่หลายและไม่มีมาตรฐานชัดเจนเหมือนที่เราเห็น
อย่างไรก็ดี ประโยชน์ของดิสก์เบรคนั้นก็มีมากอย่างปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแรงเบรคที่ดีกว่า ฟีลลิงการเลียเบรคก็เหนือกว่าริมเบรค ทั้งช่วยลดปัญหาอาการขอบล้อคาร์บอนบวมเพราะความร้อน จนทาง UCI เริ่มให้โปรทีมได้ “ทดลอง” ใช้ในสนามแข่งขันต่างๆ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุด UCI ให้โปรทีม Trek Factory Racing ใช้ดิสก์เบรคได้ในการแข่งขันระดับสูงสุดอย่างสนามแกรนด์ทัวร์ Vuelta a Espana ที่เพิ่งจบลงไป
นักปั่นที่ทดลองใช้เป็นเมอร์เคล อิริซาร์ และเขาได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Eurosport และในเว็บไซต์ Trek Factory Racing เองเกี่ยวกับการใช้งานดิสก์เบรคในสนามแข่งจริง บวกกับคอมเมนต์จากแมท ชริเวอร์ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคของทีม ซึ่งมีใจความสำคัญประมาณนี้ครับ
ข้อดี
- อิริซาร์รายงานว่า “ประสิทธิภาพดิสก์เบรคดีกว่าริมเบรคมาก นอกจากจะมีแรงเบรคดีมากแล้ว แรงเบรคยังสมูทต่อเนื่องตลอดระยะการกำเบรค ต่างจากริมเบรคบางรุ่นที่แรงเบรคจะมาเยอะในช่วงที่กำเบรคลึกจริงๆ”
- เบรคไม่ล็อค: “ถึงผมจะกำเบรคแน่นมากๆ แต่ล้อก็ไม่ล็อค มันคล้ายกับเบรครถยนต์ครับ ฟีลลิ่งการเลียเบรคทำได้ดีมาก”
- “ระหว่างแข่ง มีสเตจนึงที่ผมประสบอุบัติเหตุร่วมกับนักปั่นกลุ่มใหญ่ ทีม Trek เรามีนักปั่น 4 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ สามคนแรกล้มเจ็บทุกคน แต่ผมเป็นคนเดียวที่เบรคจักรยานทัน ซึ่งการเบรคฉุกเฉินแบบนี้เป็นการทดสอบที่ดีมากครับ ตอนแรกผมคิดว่าถ้าเบรคฉุกเฉินแบบรุนแรงแบบนี้ล้อมันจะล็อคแล้วผมต้องลอยข้ามแฮนด์กลิ้งแน่ๆ แต่มันก็หยุดได้พอดี ไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น”
คงไม่มีใครสงสัยเรื่องประสิทธิภาพดิสก์เบรค เพราะเป็นมาตรฐานที่เราใช้กันมานานแล้วในวงการเสือภูเขาและ Cyclocross แต่ถึงจะเบรคได้ดี มันก็มีปัญหาอีกหลายอย่างที่ต้องแก้ไขเช่นกัน ชริเวอร์และอิริซาร์อธิบายเพิ่มเติม:
ปัญหา 1: มาตรฐานดิสก์เบรคยังไม่ลงตัว
เมื่อผู้ผลิตจักรยานเสือหมอบเริ่มใช้ดิสก์เบรค ส่วนใหญ่จะใช้มาตรฐานดิสก์เบรคที่หยิบมาจากเสือภูเขาหรือ Cyclocross อีกที ซึ่งก็มีหลายมาตรฐานไม่ว่าจะเป็นขนาดใบโรเตอร์ดิสก์ หรือระบบแกนปลด ที่มีทั้ง quick release และ Thru Axel และดูจะยังไม่มีมาตรฐานกลางสำหรับทุกแบรนด์
จักรยาน Trek Domane ที่อิริซาร์ใช้ ล้อหลังใช้ดุมล้อกว้างขนาด 142 กับแกน Thru Axle 12mm ส่วนล้อหน้าใช้แกน Thru Axle 15mm แต่ในตลาดเสือหมอบติดดิสก์เบรคตอนนี้มีจานหลายขนาดให้เลือกแล้วแต่สเป็คของผู้ผลิตล้อและเฟรม เช่น 135mm หรือ 140mm อย่างที่ทีม Sky ใช้ทดสอบในสนาม Eneco Tour ในเดือนสิงหาคม
ตราบใดที่ยังไม่มีมาตรฐานขนาดแกนปลด, ขนาดใบโรเตอร์ และมาตรฐาน mount ที่ใช้ยึดดิสก์เข้ากับเฟรม ดิสก์เบรคก็ยากที่จะแพร่หลาย เพราะจะสร้างความสับสนต่อผู้บริโภคไม่น้อยครับ
ปัญหา 2: ดิสก์ร้อนๆ อันตราย?
อีกหนึ่งปัญหาที่หลายๆ ทีมยังคงกังวล (และน่าจะรวมถึงผู้บริโภคด้วย) นั่นก็คือดิสก์เบรคอาจจะเป็นอันตรายมากเวลาที่เกิดอุบัติเหตุชนกันในกลุ่มนักปั่น
จักรยานเสือหมอบเป็นกีฬาที่แข่งขันกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เป็นหลัก การล้มเกี่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา นักปั่นอาชีพหลายคนเกรงว่าความคมของดิสก์เบรค บวกกับความร้อนที่สะสมในใบโรเตอร์จะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่นแผลฉีกขาดเหวอะหวะ หากร่างกายไปโดนดิสก์โดนตรงที่ความเร็วสูง…ในมุมนี้อิริซาร์กล่าวว่า
- “ในอนาคต Shimano และผู้ผลิตดิสก์เบรคสำหรับเสือหมอบรายอื่นคงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น เราอาจจะลองใช้อะไรมาปิดขอบใบโรเตอร์ (disc cover) หรือหาทางระบายความร้อนไม่ให้ดิสก์สะสมความร้อนเกินไป ถ้าเราจัดการปัญหานี้ได้แล้วทุกคนรู้สึกปลอดภัย มันคงกลายเป็นมาตรฐานใหม่ได้เร็วขึ้นครับ ปัญหาคือตอนนี้เราไม่สามารถใช้ดิสก์คู่กับริมเบรคในสนามเดียวกันได้ โดยเฉพาะเวลาลงเขาหรือฝนตก เพราะประสิทธิภาพการเบรคที่ไม่เท่ากันจะทำให้นักปั่นชนกันได้ง่ายมากๆ”
อนาคต
- อิริซาร์บอกชัดเจนว่าเขาชอบดิสก์เบรคมากกว่าริมเบรค แต่ขยายความต่อว่า “มันเหมือนตอนที่เกียร์ไฟฟ้าเริ่มเข้าสู่ตลาดครับ หลายคนต่อต้าน แต่ตอนนี้ทุกคนชื่นชอบ ไม่มีใครไม่อยากใช้เกียร์ไฟฟ้า ผมว่าอีกไม่กี่ปีนักปั่นคงหันมาใช้ดิสก์เบรคกันทุกคน”
- “การทดลองครั้งนี้มันก็เป็นแค่จุดเริ่มต้น เรายังต้องปรับปรุงอีกหลายอย่าง เป้าหมายของ Shimano คือการเก็บข้อมูลจากการแข่งขันสนามจริงเพื่อปรับปรุงเวอร์ชันต่อไปในอนาคตให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น และดูว่ามันเหมาะสมกับการใช้แข่งขันจริงหรือเปล่า”
- “ถึงผมจะไม่ได้ทดสอบตอนฝนตก แต่แค่ใช้ดิสก์ผมก็รู้สึกเลยว่าคุมความเร็วรถลงเขาได้ดีกว่าเดิม ทำให้ผมมั่นใจและลงเขาได้ไวกว่าคู่แข่งหลายคน ยิ่งถ้านักปั่นคนไหนลงเขาเก่งๆ แล้วมีเบรคที่เขามั่นใจได้มากกว่าเดิม มันจะเปลี่ยนพลวัตรการแข่งได้เลย
- “บทสรุปในตอนนี้ก็คือเราต้องทดสอบกันอีกมากครับ หลายๆ ทีมเริ่มถามสปอนเซอร์อุปกรณ์ให้เริ่มมองดิสก์เบรคอย่างจริงจัง เทคโนโลยีใหม่ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยใช้งานแบบนี้เราต้องระวังให้มาก เพราะถ้าเร่งรีบผลิตออกมาใช้โดยไม่ได้ทดลองกันก่อนมันอาจจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี”
Source: Trek Factory Racing Blog, Cyclingweekly, Cyclingtips