โปรทัวร์ใน 5 นาที: วาวเวอเด้แชมป์ Abu Dhabi

โปรทัวร์ในห้านาที: 26 กุมภา 2018

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีการแข่งขันจบไปอีกหลายสนามครับ ไม่ว่าจะเป็น Abu Dhabi Tour, สนามคลาสสิคสองรายการในเบลเยียม Omloop Hetnieuwsblad และ Kuurne-Brussel-Kuurne ซึ่งผู้ชนะทั้งสามสนามนี้ก็น่าจะเหนือความคาดหมายของหลายๆ คน มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

1. Abu dhabi Tour

แชมป์รายการ/ สเตจ 5: อเลฮานโดร วาวเวอเด้ (Movistar)

ตั้งแต่ทำข่าวและบทวิเคราะห์โปรทัวร์มา นักแข่งคนหนึ่งที่ทำให้เราประหลาดใจได้ครั้งแล้วครั้งเล่าคงไม่พ้นอเลฮานโดร วาวเวอเด้ (Movistar) ที่ยิ่งแก่ยิ่งมีผลงานมากขึ้นเรื่อยๆ เอาชนะคู่แข่งอายุน้อยแรงดีได้เป็นว่าเล่น

ในอาบูดาบีทัวร์ก็เช่นกันครับ กับสนามที่นักปั่นอย่างโรฮาน เดนนิส (BMC) และทอม ดูโมลาน (Sunweb) ดูจะมีลุ้นมากกว่า แต่วาวเวอเด้กลับมาพลิกเอาชนะในสเตจสุดท้าย ที่เป็นเส้นชัยบนยอดเขา ชิงทำเวลาหนีทุกคน ขึ้นคว้าแชมป์รายการได้สำเร็จ เป็นแชมป์สเตจเรซครั้งที่สองในปีนี้ของเขาแล้ว

ภูเขาลูกสุดท้าย Jebel Hafeet ในสเตจ 5 ยาว 10.8 กิโลเมตร และเป็นวาวเวอเด้กับมิกูเอล โลเปซ (Astana) ที่เบรคอเวย์รอดมาจากกลุ่มเปโลตองที่ช่วงท้ายของสเตจ แต่เป็นวาวเวอเด้ที่เก๋าเกมกว่าสปรินต์เอาชนะบนหน้าเส้นชัย จูเลียน อลาฟิลลิป (Quickstep) ตามเข้ามาเป็นอันดับสามที่ +15 วินาที

แชมป์สเตจ 4: โรฮาน เดนนิส (BMC)

สเตจ 4 เป็นการแข่งจับเวลาบุคคลหรือ Individual Time Trial คนที่ทำเวลาได้ดีที่สุดคือโรฮาน เดนนิส (BMC) เอาชนะโจนาธาน คาสโตรวิเอโฆ่ (Sky) +14 วินาที แต่ไปหลุดบนทางขึ้นเขาในสเตจ 5 จนเสียเวลารวมไปร่วม 1:38 นาที

ขณะเดียวกัน ทอม ดูโมลาน ตัวเต็งรายการมีปัญหาจักรยานตีนผีไม่ทำงาน ทำให้เสียเวลา 31 วินาทีในสเตจ Time Trial แถมยังซวยซ้ำซวยซ้อนในสเตจสุดท้าย เสียที่จักรยานพังอีกครั้งที่ช่วง 3 กิโลเมตรสุดท้าย เข้าเส้นชัยหลังแชมป์รายการร่วม 5:38 นาที

แชมป์สเตจ 3: ฟิว บาวเฮาส์ (Sunweb)

ย้อนกลับไปสเตจ 3 ที่เป็นเส้นทางราบ ฟิล บาวเฮาส์ (Sunweb) สปรินเตอร์ตัวแรงวัย 23 ปีเฉือนเอาชนะรุ่นพี่มาร์เซล คิทเทล (Katusha) ที่หน้าเส้นชัย ทำผลงานใหญ่ที่สุดในชีวิต และกลายเป็นสปรินเตอร์รุ่นอายุต่ำกว่า 25 ที่น่าจับตามองในปีนี้อีกหนึ่งคนครับ

วาวเวอเด้กล่าวหลังแข่ง: “ปีนี้ผลงานโอเคเลยนะ ผมเริ่มแข่งที่มายอร์ก้า แล้วก็ชนะในสเปนสนาม Valenciana แล้วฟอร์มก็ดีขึ้นตลอด ผมพอใจกับผลงานตอนนี้นะ พอใจกับทีมและทิศทางของเรา ผมรู้ตัวว่าเป็นคนที่มีโอกาสชนะรายการใหญ่ๆ ตลอดฤดูกาล และปีนี้ก็คงไม่ต่างกันกับปีก่อนๆ ครับ”

DT Comment

ปกติวาวเวอเด้ไม่ใช่คนที่นิยมมาลงแข่งสนามตะวันออกกลางเท่าไร แต่พอมาแล้วก็ยังทำผลงานได้ไม่ต่างกับสนามในยุโรป เป็นบทพิสูจน์ว่าอายุไม่ได้มีผลกับผลงานจริงๆ ครับ ปีนี้วาวเวอเด้อายุจะ 38 ปีแล้ว แต่ดูหุ่น ดูฟอร์มการแข่งของเขาแล้วดูพร้อมลงแกรนด์ทัวร์ด้วยซ้ำ

ถ้าปีนี้ Movistar จะส่งวาวเวอเด้ แลนด้า และคินทานาลง Tour de France จริงพร้อมกันทั้งสามคนก็คงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เพราะเป็นแผนที่ทีมอื่นไม่กล้าเดิมพัน ปกติก็จะมีผู้นำแค่คนเดียว หรืออย่างดีก็มีแผนสอง แต่ไม่มีใครส่งเอซนักไต่เขาลงพร้อมกันสามคนแบบนี้ ไม่ต้องดราม่าว่าใครจะนำ เพราะถึงเวลาแข่งจริงก็ให้หัวหน้าทีมตัดสินกันเอาด้วยเวลาและพละกำลังในสนาม เป็นแผนที่ปวดหัวน้อยที่สุด มีโอกาสเวิร์ก แต่ก็มีโอกาสเจ๊งไม่แพ้กัน ถ้าวาวเวอเด้ยังคงฟอร์มแบบนี้ น่าจะช่วยทีมได้ไม่น้อยครับ

วิดีโอไฮไลท์ สเตจ 3-4-5

2. ไมเคิล วาลเกรน ชนะ Omloop Het Nieuwsblad

ปีนี้ Astana มาแรงจริงๆ นอกจากจะได้แชมป์ นอกจากจะได้แชมป์ Tour of Oman พร้อมแชมป์อีก 2 สเตจจากนักปั่น 3 คนแล้ว ในสนามคลาสสิครายการแรกของปี Omloop Het Nieuwsblad เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็คว้าแชมป์รายการได้สำเร็จโดยไมเคิล วาลเกรน ม้ามืดวัย 26 ปีจากเดนมาร์ค

วาลเกรนหนีมากับกลุ่มตัวเต็ง 9 คนในช่วงยี่สิบกิโลเมตรสุดท้ายของการแข่งขัน ซึ่งในกลุ่มนั้นมีนักปั่นจาก Astana ถึง 3 คน และทีมก็ใช้จำนวนกดดันคู่แข่งทีมอื่น กระชากตัดแรงบ้าง ไล่ปิดการโจมตีทีอื่นบ้าง จน 2 กิโลเมตรสุดท้าย ที่เซป ฟานมาร์ค (EF Education First) พยายามจะหนี วาลเกรนออกตามแล้วแซงจนหลุดยาวถึงเส้นชัยเป็นคนแรก ลูกคาส วิสเนียวสกี้ (Sky) คว้าอันดับสอง และฟานมาร์ค อันดับสาม

DT Comment:

วาลเกรนเทิร์นโปรกับทีม Saxo Bank และรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยในทีมมาตลอด จนปีที่แล้วเริ่มมีผลงานติด Top 20 ในสนามคลาสสิคอย่าง E3 Harelbeke และ Tour of Flanders จนมาคว้าผลงานใหญ่ได้ในปีนี้ ขณะเดียวกันทีม Astana ก็ออกข่าวว่าทางสปอนเซอร์หลักของทีม รัฐบาลคาซัคสถานไม่ยอมจ่ายเงินค่าสปอนเซอร์ ผู้จัดการทีมถึงกับบอกว่าทีมอาจจะยุบได้ แต่ก็ดูจะไม่เป็นปัญหาต่อนักปั่นในทีมที่ปีนี้คว้าแชมป์รายการใหญ่ได้สองสนามครับ

ด้วยรูปเกมที่เบรอคเวย์หนีกันมาชุดใหญ่ในช่วงท้าย นักปั่นตัวเต็งหลายคนเช่น GVA (BMC), ฟานมาร์ค (EF) และเนเซ็น (AG2R) ดูจะขยับไม่ออก จากที่ถูกหมายหัวโดยทีมอื่นๆ หรืออาจจะเป็นเพราะฟอร์มยังไม่เต็มที่ก็เป็นได้เหมือนกัน จริงอย่างที่ GVA พูดไว้ว่า พอซากานไม่ลงแข่งมันทำให้เกมของเขายากขึ้น เพราะปกติคนจะเล็งจับซากานมากกว่าจับเขา พอไม่มีซากาน เขากลายเป็นคนที่ทุกคนเล็งไม่ปล่อยให้หนีรอด เกมแบบนี้เปิดโอกาสให้นักปั่นม้ามืดทำผลงานได้สำเร็จเหมือนที่เราเห็นกัน

ทางฝั่ง Quickstep ก็ดูฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐาน มีชเน็ค สตีบาร์ที่ดูเหมือนจะเปิดเกมหนีได้ดี แต่หนีไม่รอดเช่นกัน

3. ดีแลน โกรนเวเก็นคว้าแชมป์ Kuurne-Brussel-Kuurne

KBK จบด้วยการสปรินต์ตามคาด น่าเสียดายแทนเบรคอเวย์จูเลียน เวอร์โมท (Dimension Data) ที่ถูกรวบจับที่ 100 เมตรสุดท้ายหน้าเส้นชัย สุดท้ายเป็นกลุ่มเปโลตองที่ไล่มาทัน และดีแลน โกรนเวเก็น สปรินเตอร์ตัวเต็งจาก LottoNL-Jumbo) ขึ้นแซงคู่แข่งทุกคนแบบขาดลอย

อานอร์ เดอมาร์ (FDJ) คว้าอันดับสอง ซันนี โคลเบรลลี (Bahrain-Merida)รั้งอันดับสาม

“ถึงผมจะสปรินต์ชนะได้ง่ายๆ แต่ร้อยกิโลเมตรก่อนหน้านี้มันไม่ง่ายเลยครับ มันทั้งหนาว ทั้งลมแรง แล้วกลุ่มก็ความเร็วสูงมาก ผมหลุดไปอยู่กลุ่มสามหลังเนิน Oude Kwaremont แต่ทีมช่วยพากลับเข้ากลุ่มนำได้ตอนสุดท้าย”

4. เควียทคอฟสกี้: “ผมยังไม่อยากนำแกรนด์ทัวร์ตอนนี้”

ผิดกับนักปั่นแทบจะทุกคนที่เข้าไปอยู่กับทีม Sky มิฮาล เควียทคอฟสกี้ยังคงแน่วแน่กับการล่าแชมป์สนามแข่งคลาสสิค ไม่สนใจที่จะขึ้นนำทีมในแกรนด์ทัวร์ เขาให้สัมภาษณ์ Cyclingnews:

“ปีนี้ผมจะลง Tour de France และ Vuelta แต่ผมไม่ได้ขึ้นนำทีมใน Vuelta แน่นอน ผมมั่นใจว่าเป็นหน้าที่ของเกอเรนท์ โทมัส สำหรับผมมันเหมือนเป็นการทดลองมากกว่า เพราะยังไม่เคยลงแข่งแกรนด์ทัวร์สองรายการในปีเดียวกัน แล้ว Vuelta ก็ช่วยเตรียมฟอร์มลงแข่งชิงแชมป์โลกได้ดีด้วย”

“โดยรวมแล้วโปรแกรมแข่งผมก็ไม่มีอะไรต่างจากเดิมนักครับ เพิ่่มมาแค่ Tour of Flanders และ Vuelta คือผมยังมีเป้าหมายอีกหลายอย่างที่อยากทำให้ได้ในรายการคลาสสิคช่วงต้นปี แน่นอนก็ยังต้องซ้อมการไต่เขาหรือการปั่น Time Trial อยู่ แต่สำหรับทีม Sky การจะได้นำทีมในสเตจเรซหรือแกรนด์ทัวร์นั้นมันต้องเป็นเพราะคุณสมควรจะได้นำทีมครับ ไม่ใช่ใครๆ ก็จะนำได้”

“ผมยังไม่อยากเปลี่ยนแผนการแข่งเท่าไร ผมไม่อยากทำพลาด สนามคลาสสิคบางรายการผมก็ยังไม่ชนะ อย่าง Liege-Bastogne-Liege เป็นต้น ถ้าจะล่าสนามสเตจเรซ ผมก็ต้องเปลี่ยนแผนการซ้อม เป้าหมายปีนี้คือแชมป์ในสนาม Ardennes, ช่วยทีมใน Tour de France และทำผลงานให้ดีในสนามชิงแชมป์โลก”

ที่มา: Cyclingnews

5. นิบาลี: “Tour de France คือเป้าหมายหลัก”

นักปั่นอีกคนที่ให้ความสำคัญมากกว่าแค่แกรนด์ทัวร์คือวินเชนโซ นิบาลี (Bahrain-Merida) ที่ปีนี้มีแผนจะลงแข่งสนามคลาสสิคอย่าง Tour of Flanders ด้วย เขาให้สัมภาษณ์ Velonews:

“Tour de France ยังเป็นเป้าหมายหลักครับ แต่ผมก็อยากชนะรายการอื่นด้วย โดยเฉพาะ Liege-Bastogne-Liege และสนามชิงแชมป์โลกใน Innsbruck”

“Tour of Flanders นี่ผมอยากลองมานานแล้ว มันเป็นสนามที่ดังเป็นอันดับต้นๆ ผมเพิ่งเคยแข่งเป็นครั้งแรก คงยังไม่หวังอะไรมาก ผมอยากเข้าใจมันมากกว่านี้ แล้วในอนาคตค่อยเล็งทำผลงาน”

“ทุกๆ ปีผมได้โพเดี้ยมในแกรนด์ทัวร์ ปีที่แล้วผมยืนถึงสองโพเดี้ยม แพ้ให้ดูโมลานหนึ่งรายการ (Giro) และฟรูมอีกหนึ่งรายการ (Vuelta) แต่ถ้าคุณดูผลงานผม ผมไม่เคยไม่ติดโพเดี้ยมในแกรนด์ทัวร์ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา”

ที่มา: Velonews

คิทเทล: “นี่แค่เดือนกุมภา ถ้ายังไม่ชนะผมก็ไม่กังวล”

ปีนี้สปรินเตอร์ชื่อดังคนเดียวที่ยังไม่มีผลงานชนะสนามไหนๆ คือมาร์เซล คิทเทลที่เพิ่งย้ายทีมจาก Quickstep ไป Katushaในขณะที่คนอื่นๆ อย่างคาเวนดิช ไกรเปิล ยวน กาวิเรีย โกรนเวเก็น และวิวิอานีเก็บผลงานให้ทีมได้หลายสนามแล้ว

กระนั้น คิทเทลยังไม่กังวล เขาให้สัมภาษณ์:

“ผมดูปฏิทินเมื่อวานนี้ นี่ยังเดือนกุมภาอยู่เลยครับ ฤดูกาลนี้ยังเหลืออีก 7 เดือน และวันแข่งของผมอีกเกือบ 70 วัน ยังมีโอกาสชนะอีกมาก”

“ตอนนี้มันคือการปรับจูนครับ เราใช้เวลาทำความเข้าใจในสไตล์ของลีดเอาท์แต่ละคน ก็จริงว่าเวลาแพ้มันน่าผิดหวัง แต่การทำงานสร้างทีมลีดเอาท์ระดับโลกมันต้องใช้เวลาพัฒนา”

“ใครๆ ก็บอกว่ามันง่ายเหมือนสูตรสำเร็จ เอาสปรินเตอร์เก่งๆ มารวมกับทีมลีดเอาท์แล้วคุณก็เตรียมนับรางวัล มันไม่ง่ายอย่างนั้นครับ ทีมเราทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่มันยังไม่ถึงจุดที่สมบูรณ์แบบ ถ้าวันนี้แพ้ พรุ่งนี้คุณก็ต้องลองใหม่สิ ทำให้มันดีขึ้นสิ ผมไม่กังวลหรอก”