เกิดอะไรขึ้นในสเตจ 4
อาร์โนด์ เดอมาร์ (FDJ) สปรินต์คว้าแชมป์สเตจ 4 ที่จบแบบอลหม่านเมื่อสปรินเตอร์หน้ากลุ่มเบี่ยงไลน์เกือบจะเกียวกันหลายครั้ง เดอมาร์แซงแชมป์โลกปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe) ที่ได้อันดับสอง อเล็กซานเดอร์ คริสทอฟ (Katusha-Alpecin) ได้อันดับสาม
แต่ก่อนเข้าเส้นชัยมาร์ค คาเวนดิช (Dimension Data) เข้าปะทะกับซากานและถูกเบียดจนติดบาริเออร์ กระดูกไหปลาร้าหัก ต้องออกจากการแข่งขัน และกรรมการก็ตัดสินให้ปีเตอร์ ซากานออกจากการแข่งขันด้วยเช่นกัน
สเตจ 4 เมื่อคืนนี้ระยะทาง 207.5 กิโลเมตรและเป็นกิลเลียม แวน เคียส์บุค (Wanty Group Gobert) ที่เบรคอเวย์ออกไปคนเดียวตั้งแต่กิโลเมตรแรก จนเกือบถึงเส้นชัย ระยะทางร่วมสองร้อยกิโลเมตรกับความเร็วเฉลี่ยคนเดียวร่วม 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
แวน เคียส์บุคโดนกลุ่มจับได้ที่ 15 กิโลเมตรสุดท้าย ซึ่งก็เป็นทีมสปรินเตอร์อย่าง Dimension Data และ Cofidis สลับกับทีม GC เช่น Astana และ Sky ช่วยกันขึ้นมาคุมเกม แต่โชคไม่ดีสำหรับทีม Quickstep ที่ขบวนลีดเอาท์ของทีมล้มเกี่ยวกันสามคน และพาเกอเรนท์ โทมัส (Sky) เจ้าของเสื้อผู้นำเวลารวมล้มลงไปด้วย แต่ไม่บาดเจ็บและเข้าเส้นชัยโดยไม่เสียเวลาให้คู่แข่ง
จังหวะอลหม่าน
อย่างไรก็ดีเมื่อ Quickstep ล้มทำให้เกิดระยะห่างระหว่างกลุ่มหน้าที่เร่งความเร็วออกไป ถึงหน้าเส้นชัยที่ราว 275 เมตรสุดท้าย เยอเก็น โรแลนท์ (Lotto-Soudal) เปิดสปรินต์ให้ไกรเปิล อเล็กซานเดอร์ คริสทอฟ (Katusha) อยู่หน้าสุดของกลุ่มและเร่งสปรินต์เป็นคนแรก ไกรเปิลเบี่ยงขวาเข้าตามล้อคริสทอฟ บูฮานีที่โดนไกรเปิลเบียดขวาเข้ามาโดนเดอมาร์ปาดหน้าออกทางซ้ายอีกที ซากานพยายามออกจากล้อบูฮานีเพื่อตามล้อเดอมาร์ คาเวนดิชที่ตามล้อเดอมาร์อยู่ก่อนแล้วเลยโดนซากานเบียดเข้ากับบาริเออร์และล้มลง
ด้านหลังเบ็น สวิฟต์ (Emirates) และจอห์น เดเกนโคลบ์ (Trek-Segafredo) เจอคาเวนดิชที่ล้มแต่หลบไม่ได้ล้มลงทั้งคู่
บูฮานีที่ตามล้อคริสทอฟอยู่ถูกเดอแมค์ตัดหน้าต้องแตะเบรคทำให้จบที่อันดับสี่ ความอลหม่านทั้งหมดทำให้เดอมาร์รอดออกมาด้วยจังหวะที่ดีที่สุด คว้าแชมป์สเตจแรกในสนามบ้านเกิดไปครอง ซากานผ่อนความเร็วเล็กน้อยเข้าอันดับสอง และคริสทอฟที่เปิดสปรินต์เป็นคนแรกแรงตกทำได้เพียงอันดับสาม
หลังจบการแข่งขัน ซากานรีบรุดหน้าไปที่รถของทีม Dimension Data เพื่อดูอาการของคาเวนดิช และอีกไม่นานต่อจากนั้นกรรมการตัดสินให้ปรับซากานไปอยู่อันดับสุดท้ายของสเตจ, ตัดเวลารวม 30 วินาที, และตัดแต้มเสื้อเจ้าความเร็วรวม 80 แต้ม แต่อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา คณะกรรมการการแข่งขันจาก UCI สรุปว่าซากานทำให้นักปั่นในการแข่งขันได้รับอันตรายร้ายแรง ปรับให้ออกจากการแข่งขันโดยมีผลทันที
ผลการแข่งขัน
DT วิเคราะห์
เรื่องว่าใครผิดหรือที่ซากานโดนปรับให้ออกจากการแข่งนั้น DT ขอยกไว้อธิบายในอีกหนึ่งโพสต์ครับ เพราะงั้นโพสต์นี้ขอพูดถึงผู้ชนะและเบรคอเวย์ก่อน
- เดอมาร์ได้ครองเสื้อเขียวและเก็บแต้มไปเยอะมาก ตอนนี้เขาเป็นอันดับหนึ่งคะแนนรวมที่ 124 แต้ม คิทเทลอันดับสองตามที่ 81 แต้ม แมธธิวส์อันดับสามตามที่ 66 แต้ม แต่เมื่อซากานออกจากการแข่งขันแล้วก็หมายความว่าศึกชิงเสื้อเขียวคงจะเข้มข้นขึ้นโดยบรราดาสปรินเตอร์ที่มีโอกาสสูสีกันครับ
- นาธาน บราวน์ (Cannondale) ยังคงเป็นเจ้าของเสื้อลายจุด และปิแอร์ ลาทัวร์ (AG2R) ยังนำหมวด Best Young Rider
- เกมเบรคอเวย์วันนี้จืดชืดสนิทเมื่อแวน เคียส์บุคหนีออกไปคนเดียวโดยไม่มีคนอื่นตามเลย เกมลักษณะนี้เป็นการ “ประหยัดแรง” ของเปโลตองที่เมื่อกลุ่มหนีมีปริมาณน้อยและไม่น่ากลัว ก็เลือกที่จะ “ปั่นช้า” ตลอดทั้งสเตจ เพื่อเซฟแรงไว้ทำเกมในช่วงท้าย เพราะยังไงก็จับเบรคอเวย์ได้อยู่แล้ว บางจุดแวน เคียส์บุคนำเปโลตองร่วม 13 นาที แต่เมื่อทีมสปรินเตอร์เริ่มเร่งความเร็ว ระยะห่างก็ลดลงจนอยู่ในระยะที่จับได้
- แวน เคียส์บุค กล่าวหลังแข่ง “ตอนที่ผมหนีไปผมไม่เห็นมีใครตามมา ตอนแรกก็ไม่แน่จว่าจะไปต่อมั้ย แต่มันคงดูโง่พิลึกถ้าจะต้องถอยกลับเข้ากลุ่มเพราะไม่มีคนจามมา แต่ผมชอบนะ ไม่บ่อยที่เราจะได้ลงแข่งตูร์ครับ ผู้ชมข้างทางก็ดูสนุกกันมาก มันเลยไม่ใช่วันที่น่าเบื่อเลย ผมมาจากครอบครัวนักปั่น ญาติๆ ผมก็มาชมรายการนี้ ผมเลยอยากทำให้พวกเขามีความสุข”
วาทะนักปั่น
เดอมาร์: “ทุกๆ คนฝันอยากได้แชมป์สเตจในตูร์ครับ สำหรับผม ผมคิดว่ามันเป็นผลงานที่เทียบเท่ากับตอนที่ผมชนะมิลาน ซานเรโมเลยนะ มันช่วยทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นเลยครับ และน่าจะช่วยให้ทีมสนใจอยากหาสปรินเตอร์คนอื่นมาช่วยเป็นลีดเอาท์ให้ผมด้วยในอนาคต ต้องขอบคุณทีมเพราะช่วง 10-3 กิโลเมตรสุดท้ายลีดเอาท์ของเราทำงานได้สมบูรณ์แบบ ผมไม่ต้องคิดเลยว่าจะปั่นตามใคร ผมรู้ว่าวันนี้จะเป็นการสปรินต์ที่วุ่นแน่ๆ เพราะทุกคนยังสดและปั่นกันช้าตั้งแต่เริ่ม ผมเร็วกว่าคริสทอฟ และผมไม่เห็นเลยว่าข้างหลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ซากาน: “มันเป็นการสปรินต์ครับ ผมไม่รู้ว่ามาร์คอยู่ข้างหลัง เขามาจากทางขวา เหมือนจะขึ้นตามล้อเดอมาร์ ผมเองก็ตามล้อเดอมาร์ แล้วมาร์คมาข้างหลังเร็วมาก ผมไม่เหลือเวลาเบี่ยงออกซ้าย แล้วเขาก็เข้าไปติดรั้ว ผมต้องไปขอโทษเขาเพราะมันไม่ดีเลยที่ล้มแบบนั้น”
คาเวนดิช: “ผมสนิทกับปีเตอร์นะ ผมดีใจที่เขารีบมาขอโทษ การล้มมันเป็นส่วนหนึ่งของการสปรินต์ ล้มก็คือล้มผมไม่ติดใจอะไร ที่เขาเบี่ยงมาขวาผมก็อย่างนึง แต่ศอกของเขานี่ก็อีกอย่างนะ ผมไม่โอเคที่เขาตั้งศอกขึ้น ผมแค่อยากคุยกับเขาเรื่องศอก แต่จะให้คอมเมนต์อะไรตอนนี้คงไม่ดี เพราะสิ่งที่ผมพูดคนก็ชอบเอาไปตีความต่างๆ นาๆ”
เบ็น สวิฟต์: “ในสปรินต์แบบนี้เราทำได้แค่ตามล้อข้างหน้าครับ แล้วผมเห็นเดเกนโคลบ์เบี่ยงรถกะทันหันเพื่อจะหลบคาเวนดิช จังหวะนั้นผมทำอะไรไม่ได้แล้ว เราก็กลิ้งทั้งคู่ จังหวะนั้นเราเร่งออกมาจากกลุ่ม Quickstep ที่ล้ม แค่ตอนนั้นก็หมดแรงแล้วครับ ไม่เหลือพลังให้หลบ”
