[dropcap letter=”เ”]มื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ASO ผู้จัดแข่งรายการ Tour de France เผยเส้นทางการแข่งขันครั้งที่ 102 สำหรับปี 2015 ซึ่งดูแล้วต้องบอกว่าบรรดานักไต่เขาคงกระโดดเป็นลิงโลด เพราะในภาพรวม เป็นเส้นทางสำหรับนักไต่เขาแบบเพียวๆ กับเส้นชันบนยอดเขาถึง 6 ครั้งและ ระยะทางสเตจ Time Trial ปั่นจับเวลาที่น้อยที่สุดในรอบหลายปี
[separator type=”thin”]
เส้นทาง: สมดุล แต่เอื้อแพะภูเขา
ปีหน้าตูร์เดอฟรองซ์จะเริ่มกันที่เมืองอูเทร็คท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไปจบที่ปารีสเหมือนเคย มีทั้งหมด 21 สเตจ แบ่งได้ประมาณนี้ครับ
– 9 สเตจทางราบ
– 3 สเตจโรลลิ่ง
– 7 สเตจภูเขา (6 สเตจมีเส้นชัยบนยอดเขา)
– 1 Individual Time Trial (14km)
– 1 Team Time Trial (28km)
Week 1
เริ่มกันด้วยสเตจจับเวลาบุคคล (ITT) ระยะทางเพียงแค่ 14 กิโลเมตร เป็นโอกาสดีที่สิงห์ TT จะได้ใส่เสื้อเหลืองตั้งแต่วันแรก ตามด้วยสเตจสอง สเตจทางราบเลียบชายฝั่งเนเธอร์แลนด์ เปิดรับกระแสลมแรงอันขึ้นชื่อ สเตจ 3 จบบนยอด Mur de Huy อันโด่งดังจากรายการ Fleche Wallone ซึ่งน่าจะเขาทางนักปั่นสนามคลาสสิครวมถึงตัวเต็ง GC หลายๆคนด้วย

สเตจที่ 4 ผ่านเส้นทางที่ใช้แข่งสนาม Paris-Roubaix ซึ่งหมายความว่านักปั่นจะต้องเจอกับถนนหินโบราณกว่า 13 กิโลเมตร (อีกแล้ว!) ปีนี้วินเชนโซ นิบาลิแชมป์รายการ ทิ้งห่างคู่แข่งได้มากที่สุดก็จากสเตจนี้ เพราะฉะนั้นจะเป็นอะไรที่ตัวเต็งต้องระแวดระวังกันเป็นพิเศษ
ปิดท้ายสัปดาห์แรกด้วยสเตจ 9 Team Time Trial 28 กิโลเมตร ให้ทีม GC ได้ลุ้นชิงเสื้อกันก่อนจะเข้าสู่สัปดาห์ที่สองในเทือกเขาพีรานีส
Week 2
สัปดาห์สองเริ่มด้วยการปีนเทือกเขาพีรานีส 3 วันต่อกัน วันแรกก็หนักเลยเพราะเป็นเส้นชัยบนยอดเขาครั้งแรกของตูร์ปีนี้บนยอดเขา La Piere Saint Martin ซึ่งยาวกว่า 25 กิโลเมตรและชันสูงสุด 15% วันถัดไปในสเตจ 15 ก็ยากยิ่งกว่า เพราะต้องปีนเขา3 ลูกโหดติดๆ ทั้ง Col du Aspin, Col du Tourmalet อันโด่งดัง จบด้วย Col du Cauterets


สเตจ 16 ไปจบบนยอด Plateau de Beille ซึ่งถ้าใครจำได้เป็นสเตจที่คริส ฟรูมออกกระชากหนีแบรดลีย์ วิกกินส์ในปี 2012 นั่นเอง
Week 3
สัปดาห์สุดท้ายเป็นการตะลุยเทือกเขาแอลป์ ซึ่งก็โหดไม่น้อยครับ ในสเตจ 18 มีเขาลูกใหม่ที่ไม่เคยใช้แข่ง Lacet de Montveneir เป็นทางขึ้นช่องเขาที่มีโค้ง 18 พับ (กรุณาดูรูปข้างล่างประกอบ)

ตามมาด้วยสเตจ 19 ที่ยาวเพียง 138 กิโลเมตร และสเตจ 20 ยาว 110 กิโลเมตร ไปจบบนยอด Alpe d’Huez ระยะทางสั้นๆในสเตจภูเขาน่าจะบังคับให้ตัวเต็งทีมต่างๆเดินเกมรุกกันตอลดสเตจไม่ต้องออมแรงมากสนุกคนดูเพราะไม่ต้องรอเขาหวดกันที่ทางขึ้นเขาลูกสุดท้ายเหมือนในสเตจยาวๆ
วันสุดท้ายของตูร์ไปจบที่ฌองเซลิเซ่ในกรุงปารีสเหมือนเดิมเป็นสเตจสำหรับสปรินเตอร์
ใครมีลุ้นแชมป์?
สำหรับรางวัล Overall เสื้อเหลือง สั้นๆ ง่ายเลยมี สองคนครับ – คอนทาดอร์ และ คินทานา
ทั้งคู่น่าจะเป็นนักไต่เขาแบบเพียวๆ ที่น่าจะขึ้นเขาได้ไวที่สุดใน peloton ตอนนี้ ประกอบกับสเตจ Time Trial ที่สั้นจนแทบจะไม่มีผล หมายความว่านักปั่นอย่างคริส ฟรูมและนิบาลิที่ปั่น TT ได้ดีสักหน่อยนั้นอาจจะไม่ชอบ ฟรูมถึงกับบอกว่าเขาอาจจะลงแข่งจิโรและวูเอลต้าแทนตูร์ด้วยซ้ำ!?
อย่างไรก็ดี เหมือนกับตูร์ปีนี้ สัปดาห์แรกถือว่ายากมากครับ โดยเฉพาะสเตจแรกๆ ในเนเธอร์แลนด์ที่เป็นทางเปิดโล่งรอรับลม รับรองว่ามีล้มมีชนเพราะรมแรง ไหนจะสเตจถนนหิน Roubaix อีก จริงๆ แล้วสัปดาห์แรกผมว่ามันให้ความรู้สึกสนาม Spring Classic เลยทีเดียว มีทั้ง Cobbled Classic และ Ardeness Classic ก็น่าจะสนุกดีนะ!
แล้วสปรินเตอร์หละ?
ปีนี้ผู้จัดแข่งเขาจัดน้ำหนักคะแนนเสื้อเขียว Point Classification ใหม่ ผู้ชนะสเตจทางราบจะได้คะแนนค่อนข้างห่างอันดับรอง เช่นที่ 1-2-3 ได้ 50-30-20 แต้ม ตามลำดับซึ่งเอื้อให้ผู้ชนะสเตจ มากกว่านักปั่นที่คอยสอยตัดแต้มกลางสเตจอย่างปีเตอร์ ซากาน ที่ผูกขาดเสื้อเขียวมา 3 ปีเต็มแล้ว เราอาจจะได้เห็นคาเวนดิชและคิทเทลตั้งใจชิงเสื้อเขียวพอๆกับแชมป์สเตจครับ