Tour de France 2018 จะสนุกที่สุดในรอบหลายปี

เมื่อคืนนี้ทาง ASO ผู้จัดแข่ง Tour de France เปิดตัวเส้นทาง Tour de France ปี 2018 และมีเส้นทางที่หลากหลายจนดูแล้วอาจจะเป็นตูร์ที่สนุกที่สุดในรอบหลายปีเลยครับ ลองมาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง

  • เริ่มแข่งวันที่ 7-29 กรกฏาคม 2018 จะเป็นการแข่งตูร์ครั้งที่ 105
  • ระยะทางรวม 3,329 กิโลเมตร
  • Team Time Trial 1 สเตจ ระยะทาง 35 กิโลเมตร
  • ช่วงถนนหินจาก Paris-Roubaix 15 ช่วง รวมระยะทางวิบาก 21.7 กิโลเมตร
  • สัปดาห์แรกในแคว้นบริตานีเนินชันและทางราบสำหรับสายคลาสสิคและสปรินเตอร์
  • 6 สเตจภูเขาสูงชัน 3 สเตจเป็นเส้นชัยบนยอดเขา
  • 8 สเตจทางราบ
  • มีสเตจภูเขาที่ยาวแค่ 65 กิโลเมตร
  • เส้นทางถนนลูกรังบนยอดเขาสไตล์ Gravel Racing
  • สเตจรองสุดท้ายจบด้วย Time Trial เดี่ยว 31 กิโลเมตร

เป้าหมายของผู้จัดคือสร้างเส้นทางที่มีความหลากหลายและทดสอบทักษะการปั่นของผู้เข้าแข่งขันให้ได้มากที่สุด พร้อมกับป้องกันการผูกขาดของทีมใดทีมหนึ่ง (ซึ่งก็คงหมายถึง Sky) ครับ

8 สเตจที่น่าสนใจที่สุดใน Tour de France 2018

Stage 9: ไฮไลท์ของตูร์ 2018 ก็ว่าได้ครับ มันคือสเตจ “Paris-Roubaix” ขนาดย่อม เพราะนักปั่นจะต้องปั่นผ่านเส้นทางถนนหินที่ใช้ใน Paris-Roubaix กว่า 21 กิโลเมตร แบ่งเป็นช่วงถนนหิน (sector) ถึง 15 ช่วง ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว จะล้มคว่ำหรือยางรั่วก็ดี อาจทำให้ตัวเต็งรายการหมดหวังได้เลย

Stage 10: ดูจากโปรไฟล์แล้วดูธรรมดา แต่บนยอดเขาลูกที่สองของวันนั้นเป็นถนนลูกรังครับ มีช่วงทีี่เป็นลูกรังยาว 1.8 กิโลเมตรซึ่งเสี่ยงต่อการลื่นล้มหรือยางแตก และถ้าผ่านอุปสรรคกลางสเตจไปได้แล้ว เส้นทางที่เหลือก็ยังยากอยู่ดี เพราะเขาที่เหลือชันเฉลี่ย 11 และ 12% เต็มไปด้วยโค้ง hairpin ถนนแคบและระดับความชันไม่แน่นิ่ง ทำความเร็วได้ยาก

สเตจ 11: เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ Tour de France “กล้า” ใช้สเตจภูเขาระยะทางสั้นๆ ครับ สเตจ 11 ยาวแค่ 108 กิโลเมตร แต่นักปั่นต้องผ่านเขาถึง 4 ลูกและจบบนยอดสูงชันด้วย และเป็นเขาที่ยังไม่เคยใช้ในการแข่งขันมาก่อน รวมแล้วมีระยะ elevation gain มากถึง 4,200 เมตร

สเตจ 12: ปีนี้ผู้จัดยกเทือกเขาแอลป์มาอยู่สัปดาห์ที่สอง และสเตจนี้เป็น Three Kings of the Alpes เลยก็ว่าได้ เพราะรวมเอาไฮไลท์เด็ดมาอยู่ในนี้หมด ทั้ง Col de la Madeline, Lacets Mont Venier, Croix de Fer และ Alpe d’Huez รวม elevation gain 5,400 เมตร!!!!

สเตจ 16: สัปดาห์สุดท้ายกลับเข้ามาที่พีรานีส เข้าสู่สไตล์สเตจที่นักปั่นสายเบรคอเวย์ชื่นชอบคือถึงยอดเขาสูงชันก่อนดิ่งลงสู้เส้นชัยในเมือง Bagneres-de-Luchon

ถ้าใครจำได้นี่คือสเตจ 8 ในปี 2016 ที่คริส ฟรูมนอนขี่ลงเขาจนได้เสื้อเหลืองครับ

สเตจ 17: คือไฮไลท์ที่เด่นที่สุดไม่แพ้สเตจ Roubaix ครับ เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกๆ เลยที่แข่งสเตจภูเขาด้วยระยะทาง 65 กิโลเมตรเท่านั้น! แต่ไม่มีทางราบเลยสักกิโลเมตรเดียว นักปั่นต้องเจอ 3 ราชันย์แห่งเทือกเขาพีรานีส – Col de Peyresourde, Col de Val Louron-Azet และ Col de Portet รวม elevation gain 3,100 เมตร ในระยะทางแค่หกสิบกว่ากิโลเท่านั้น O_O ด้วยระยะทางที่สั้นแบบนี้เกมต้องเร็วและแรงและเดือดแน่นอนครับ

สเตจ 19: อีกวันที่ต้องเจอ 3 ราชันย์แห่งพีรานีส – Tourmalet – Aspin – และ Aubisque ปีนกันอีกหลายพันเมตร และน่าจะเป็นสเตจที่สวยงามตื่นตาจตื่นใจมากครับ

สเตจ 20: Time Trial เดี่ยว 31 กิโลเมตรบนถนนโรลลิง แถมมีเนินชันปรี๊ดอยู่ตรงท้ายสเตจด้วย

 

เส้นทางแบบนี้เหมาะกับใคร?

  • คริส ฟรูม (Sky) มาแน่นอน เพราะต้องการคว้าแชมป์สมัยที่ 5 ให้เทียบเท่ากับนักปั่นในอดีตที่เคยคว้าแชมป์ 5 สมัย
  • ทอม ดูโมลาน (Sunweb) อาจจะมา แต่ก็น่าสนใจว่าเขาคิดจะป้องกันแชมป์ Giro ก่อนหรือเปล่า เพราะถ้าเลือกอย่างแรก การมาเบิ้ลตูร์ด้วยเป็นเรื่องยากครับ แล้วเส้นทาง Time Trial ที่เขาถนัดก็มีไม่เยอะด้วย
  • Movistar จะให้ใครนำ? แลนด้าหรือคินทานา เพราะแลนด้าบอกว่าข้าไม่อยากเป็นลูกน้องใครอีกแล้ว ก็คงไม่ได้ลงสนามเดียวกัน คินทานาเองก็ชวดแชมป์มาหลายปี เส้นทางหลากหลายทั้งถนนหินและทางลูกรังแบบนี้อาจจะไม่เข้าทางกับเขาเท่าไร แต่ด้วยเสตจภูเขาที่ยากและยาวมีเยอะ มีหลายจุดที่เขาจะทำเวลาทิ้งห่างคู่แข่งคนอื่นได้ครับ
  • ฟาบิโอ้ อารู (UAE) ย้ายมาทีมใหม่ แต่ไปอยู่กับแดน มาร์ตินด้วย ก็น่าสนใจว่าอารูจะเลือกลง Giro หรือ Tour ถ้าคนนึงเลือกรายการนึงอีกคนคงต้องไปนำสนามอื่นแทน
  • วินเชนโซ นิบาลี (Bahrain) คงอยากกลับมาลงตูร์อีกครั้งหลังจากที่ไปแพ้ดูโมลานใน Giro ปีที่แล้ว แต่ก็เช่นเดียวกับอารู ผมว่าเขาคงรอดูเส้นทาง Giro ปีหน้าก่อน

 

นักปั่นคิดยังไง

คริส ฟรูม (Sky) ดูกังวลกับสัปดาห์แรกและสเตจถนนหินเป็นพิเศษ

“ผมว่าเป็นเส้นทางที่ยากใช้ได้เลยนะ โดยเฉพาะ 8 สเตจแรก”

“เป็นเส้นทางที่กระแสลมแรงด้วย มันอาจจะทำให้กลุ่มแตกและพวก GC เวลาทิ้งกันเยอะก่อนเราขึ้นเขาเสียอีก แล้วก็มีช่วงถนนหินแถมสเตจที่ขึ้นเขาลูกรัง เราต้องเตรียมตัวให้ดีเลยครับ”

 

ไนโร คินทานา (Movistar) เริ่มให้สัมภาษณ์ด้วยการลบดราม่าทุกอย่างออกทันที ประกาศชัดว่าเขาจะเป็นผู้นำทีมเพียงคนเดียวใน Tour de France

“ฤดูกาลหน้าผมจะเป็นผู้นำทีมใน Tour de France ครับ เราตกลงกับผู้จัดการทีมแล้ว ผมไม่รู้ว่าแลนด้าจะปั่นรายการเดียวกันมั้ย แต่ผมไม่มีปัญหากับอเลฮานโดร (วาวเวอเด้) เราแข่งด้วยกันหลายครั้งและไม่เคยต้องแย่งผลประโยชน์กัน”

“เส้นทางก็ดูเหมาะกับผมนะ สเตจภูเขาเยอะทีเดียวครับ แล้วก็สเตจ Time Trial ไม่ยาวมาก ผมน่าจะจบรายการด้วยอันดับที่ดีครับ แน่นอนว่าเราต้องระวังสเตจถนนหินเป็นพิเศษ ซึ่งทีมเราก็มีนักปั่นทีี่เชี่ยวชาญทางแบบนี้คอยช่วยอยู่แล้ว”

“สำหรับ ฟรูม ผมว่าเราชนะเขาได้ ถ้าผมคิดว่าชนะเขาไม่ได้ผมคงต้องพิจารณาอาชีพผมใหม่แล้วหละ”

 

สรุป

โดยรวมแล้วเป็น Tour de France สำหรับนักไต่เขาและคนชอบความเสี่ยงครับ ระยะทาง Time Trial มีไม่มากพอที่จะใช้ตัดสินการแข่งขันเหมือนใน Giro 2017 มีหลายสเตจที่ท้าทายมาก ทั้งสเตจถนนหิน เขาลูกรัง สเตจภูเขาที่ปีนกัน 5,100 เมตรในวันเดียว สเตจเขาสั้นๆ แต่ elevation ถึงสามพันกว่าเมตร ยังไม่รวมสเตจทางราบที่ต้องผ่านแคว้นที่กระแสลมแรง พร้อมให้กลุ่ม GC เวลาหลุดกันได้เป็นนาที

โดยรวม เส้นทางปีหน้าจัดได้น่าสนใจมากครับ และคิดว่าคงติดตามกันได้สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ ยิ่งทาง UCI กำหนดให้นักปั่นต่อทีมในแกรนด์ทัวร์เหลือแค่ 8 คนด้วยแล้ว ถ้ามีใครต้องถอนตัวกลางคันกับสเตจยากๆ แบบนี้ ทีมนั้นจะเสียเปรียบทันที และเราอาจจะได้เห็นเกมที่คนกล้าเสี่ยงมากขึ้น เพราะหลายทีมคงคิดว่าทีมแกร่งอย่าง Sky คงคุมเกมไม่ไหวในทุกสถานการณ์แน่นอน

 

กำหนดการ 2018 Tour de France

Stage 1: July 7, Noirmoutier-en-l’Ile to Fontenay-le-Comte, 189km
Stage 2: July 8, Mouilleron-Saint-Germain to La Roche-sur-Yon, 183km
Stage 3: July 9, Cholet, 35km team time trial
Stage 4: July 10, La Baule to Sarzeau, 192km
Stage 5: July 11, Lorient to Quimper, 203km
Stage 6: July 12, Brest to Mûr-de-Bretagne Guerlédan, 181km
Stage 7: July 13, Fougères to Chartres, 231km
Stage 8: July 14, Dreux to Amiens Métropole, 181km
Stage 9: July 15, Arras Citadelle to Roubaix, 154km

July 16: Rest day

Stage 10: July 17, Annecy to Le Grand-Bornand, 159km
Stage 11: July 18, Albertville to La Rosière 1850, 108km
Stage 12: July 19, Bourg-Saint-Maurice to Alpe d’Huez, 175km
Stage 13: July 20, Bourg-d’Oisans to Valence, 169km
Stage 14: July 21, Saint-Paul-Trois-Châteaux to Mende, 187km
Stage 15: July 22, Millau to Carcassonne, 181km

July 23: Rest day

Stage 16: July 24, Carcassonne to Bagnères-de-Luchon, 218km
Stage 17: July 25, Bagnères-de-Luchon to Saint-Lary-Soulan col de Portet,
65km
Stage 18: July 26, Trie-sur-Baïse to Pau, 172km
Stage 19: July 27, Lourdes to Laruns, 200km
Stage 20: July 28, Saint-Pée-sur-Nivelle to Espelette, 31km time trial
Stage 21: July 29, Houilles to Paris Champs-Elysées, 115km

SaveSave

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

1 comment

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *