เกริ่นกันไปหลายครั้งแล้วว่าสนามแกรนด์ทัวร์แห่งสเปนครั้งนี้รวมดาวนักปั่นระดับ VIP มากกว่ารายการอื่นๆ ตลอดทั้งปีทำให้น่าจะเป็นสนามแข่งที่ดุเดือดที่สุดก็ว่าได้ครับ แต่ฉันใดก็ฉันนั้นในหมู่โฉมงามย่อมมีความสวยระดับนางฟ้าไม่กี่คน วันนี้เราจะมาดูกันว่านักปั่นชื่อดังคนไหนฟอร์มดี มีลุ้นคว้าแชมป์ที่สุดกัน
ก่อนจะเข้าเรื่องก็ต้องบอกก่อนว่าเส้นทางปีนี้หลากหลายใช้ได้ทีเดียว แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Tour of Spain ไว้ไม่เปลี่ยนแปลงกับสเตจที่มีเส้นชัยบนยอดเนินและเขามากกว่า 9 สเตจ แถมบางลูกนั้นก็ชันระดับเลข 2 หลัก 10-24% และที่เส้นชัยทุกๆ วันนั้นยังมี Time Bonus ให้ผู้ชนะ การันตีว่านักปั่นที่มีแรงฮึดยอมถีบระเบิดพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อคว้าแชมป์สเตจจะได้รางวัลกลับบ้านมากกว่าแค่รอยจูบจากสาวโพเดี้ยม และเจ้า Time Bonus ตัวนี้อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการพลิกแชมป์รายการเลยทีเดียว
1. Nairo Quintana (Movistar)
ไม่ต้องมองหาใครไกลกับโปรไฟล์ภูเขามากขนาดนี้ต้องเหมาะกับคนนี้แน่นอน ไนโร คินทานา แชมป์จิโรคนปัจจุบันจาก Movistar ที่คว้าแชมป์รายการถึงแม้จะป่วยในช่วงแรกของการแข่งขันกว่าครึ่งหนึ่ง ล่าสุดเพิ่งจะชนะรายการ Vuelta a Burgos โชว์ฟอร์มการไต่เขาแถมยังทำผลงานสเตจ Time Trial ได้เป็นอันดับสอง และยังไม่มีอาการเหนื่อยล้าจากการลงแข่งตูร์ เดอ ฟรองซ์เหมือนคู่แข่งคนอื่นๆ DT ยกให้คนนี้เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งแน่นอน
Sidekick: Alejandro Valverde
Movistar ไม่ได้ส่งเอซมาคนเดียว แต่มาถึงสองคนนั่นก็คืออเลฮานโดร วาวเวอเด้ที่ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไรในตูร์ เดอ ฟรองซ์ มาลงสนามบ้านเกิดครั้งนี้เหมือนเป็นแผนสำรองของทีมมากกว่า ล่าสุดเขาครองเสื้อผู้นำเวลารวมจากการทำเวลาได้ดีในสเตจ 2 ปัญหาของวาวเวอเด้คือเขาอาจจะล้าเกินในช่วงสัปดาห์สุดท้ายและไต่เขาคงไม่สู้คินทานา อย่างไรก็ดีอาวุธลับของวาวเวอเด้คือการระเบิดขึ้นเนินและเขาสั้นๆ ทีทำให้เขาได้ Time Bonus มากกว่าคนอื่นๆ เสมอ และเป็นตัวแปรที่ทำให้เขาได้แชมป์ Vuelta มาแล้วหนึ่งสมัยในปี ก็จะเป็นคนที่ประมาทไม่ได้เหมือนกัน
2. Christopher Froome (Sky)
วูเอลต้าเป็นสนามที่เปลี่ยนชีวิตฟรูม เพราะในปี 2011 ที่เขาคว้าอันดับสองนั้นทีม Sky เกือบจะไม่จ้างเขาต่อเพราะไม่มีผลงานเลยตั้งแต่เข้าทีมมา ฟรูมบาดเจ็บกระดูกข้อมือร้าวจากตูร์ เดอ ฟรองซ์และยังไม่ได้ลงแข่งสนามไหนๆ เลยก่อนวูเอลต้า รักษาตัวและฝึกซ้อมอย่างเดียว ถ้าฟอร์มมา เพราะยังไม่ได้ล้าจากตูร์ก็จะเป็นหนึ่งในนักปั่นที่น่ากลัวที่สุดในรายการครับ ดีกรีการไต่เขาของฟรูมนั้นชัดเจนว่าไม่แพ้คินทานา หรือดีกว่าด้วยซ้ำในตูร์ 2013 ที่เขาได้แชมป์ และยังได้เปรียบเรื่องการปั่น Time Trial อีกกว่า 40 กิโลเมตร (ระยะทางรวม) ซึ่งฟรูมมีภาษีดีที่สุดในบรรดาตัวเต็งทุกคน ปัญหาเดียวของฟรูมคือลูกทีมที่อาจจะไม่แกร่งและเริ่มล้าจากการแข่งตลอดทั้งปีโดยเฉพาะมิเคล เนียเว และวาซิลิ คิริเยนกาที่ลงตูร์จนจบ ริชีย์ พอร์ทคู่หูไม่ได้มาลงด้วย คนที่พึ่งได้ในสเตจภูเขาคงเป็นพีท เคนย์นอทและเนียเว
3. Joaquim Rodriguez (Katusha)
ไม่ใช่ฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับ “เพียวริโต้” เพราะป่วยจนไม่ได้ลงจิโร และในตูร์ก็เสียเสื้อจ้าวภูเขา ฟอร์มตกกว่าปีที่แล้วที่เขาคว้าอันดับ 3 อย่างเห็นได้ชัด เพราะงั้นวูเอลต้าเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับนักไต่เขาชาวสเปนคนนี้ ปัญหาคืออายุไม่น้อยกับวัยเกือบจะ 30 กลางๆ แถมยังเจอคู่แข่งที่โหดที่สุดในรอบปีเสียด้วย เป็นคนที่น่าจับตามอง แต่คงไม่อาจยกให้เป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆ ได้ครับ โรดริเกรซมีแดนนี โมเรโน คู่หูนักไต่เขาสไตล์เดียวกันมาเป็นแบ๊คอัปและกำลังฟอร์มดีทีเดียว
4. Rigoberto Uran (OPQS)
ที่ 2 จิโรปีนี้ และล่าสุดที่ 4 สเตจ TT ในรายการ Tour de’lAin OPQS ไม่ได้ส่งผู้ช่วยอูรานมามากเท่าไร เป็นชุดเดียวกับที่ลงจิโรเมื่อต้นปี แต่อูรานเองก็ปั่นสไตล์ไร้ผู้ช่วยมานานตั้งแต่ไหนแต่ไรเพราะเป็นไม้รองให้กับทีม Sky มาตลอด อาจจะไม่แกร่งระดับแชมป์รายการแต่ถ้าติดโพเดี้ยมรับรองว่าเชียร์ขึ้น จุดอ่อนอาจจะยังเป็นสเตจ TT ที่คู่แข่งระดับฟรูมน่าจะกินได้เป็นนาทีครับ
5. Alberto Contador (Tinkoff-Saxo)
อาการกระดูกสะบ้าร้าวจากตูร์ เดอ ฟรองซ์ไม่ใช่บาดแผลที่จะหาย 100% ได้ในเวลาไม่ถึง 5 สัปดาห์ แต่คอนทาดอร์กับจิตใจนักสู้ตลอดกาลของเขาก็พาแชมป์แกรนด์ทัวร์ระดับพระกาฬคนนี้มาลงสนามบ้านเกิดอีกครั้ง คอนทาดอร์บอกว่าอยากได้แชมป์สเตจในสัปดาห์สุดท้ายที่ภูเขาเยอะๆ แต่เดี๋ยวเราก็รู้ว่าเขาหลอกบลัฟหรือยังเจ็บไม่หายจริงๆ
6. Chris Horner: แชมป์เก่าของเราไม่สบายและทีมสั่งไม่ให้ลงแข่ง ก็คงไม่ได้เห็น “ลุง” ป้องกันแชมป์ในสไตล์เนิบๆ เนียนๆ ของแกเป็นที่น่าเสียดายครับ
7. Andrew Talansky (Garmin)
อีกหนึ่งคนที่ต้องการจะล้างตาหลังจากที่ล้มบาดเจ็บจนต้องถอนตัวอย่างน่าเสียดายในตูร์ เดอ ฟรองซ์ปีนี้ แต่เป็นตัวเต็งที่ผมว่าเรายังไม่เห็นฟอร์มชัดเจนเท่าไร ตั้งแต่ได้แชมป์ Criterium du Dauphine เขาก็เงียบไปเลย อย่างไรก็ดี Garmin ไม่ได้ปล่อยทาลานสกีมาคนเดียว ทีม “จัดเต็ม” ขนมาทั้งแดน มาร์ติน และไรเดอร์ เฮซเชดาลที่น่าจะช่วยทำเกมสับขาหลอกคู่แข่งหรือกระทั่งคว้าเสตจวิน ทั้งคู่ก็ฟอร์มกำลังดีทีเดียวหลังจากที่เก็บตัวซ้อมเตรียมลงแข่งสนามชิงแชมป์โลกหลังจบรายการนี้
8. Wilco Kelderman (Belkin)
ดาวรุ่งอีกหนึ่งคนที่ฟอร์มกำลังดีแบบหาตัวจับยากด้วยผลงานอันดับ 7 ในจิโรปีนี้ที่เป็นแกรนด์ทัวร์ครั้งที่สองของเขาเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่ายังขาดประสบการณ์เพราะเป็นคนที่ออกยิงคู่แข่งเยอะที่สุดในรายการแต่จังหวะและรูปเกมที่เขาพยายามชงนั้นยังไม่ค่อยจะสมบูรณ์สักเท่าไร เคลเดอร์แมนน่าจะเล็ง Top 10 แต่ก็มีลุ้น Top 5 เหมือนกัน อาจจะไม่ใช่ระดับคินทานาแต่คิดว่าคงไม่เสียเวลาให้คู่แข่งในเลเวลเดียวกับเขามากครับ ปั่น TT ได้ดีซะด้วย ล่าสุดทำได้ถึงอันดับ 5 ใน Tour of Utah และมาคราวนี้มีนักไต่เขาฝีเท้าดีอย่าง โรเบิร์ท เฮซิงค์และลอเรนส์ เทน แดมมาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ
9. Cadel Evans (BMC)
เอวานส์ประกาศว่าเขาไม่ได้ลงแข่งในฐานะหัวหน้าทีม (ซึ่งเป็นหน้าที่ของซามูเอล แซนเชซ) แต่กับผบงานสองแชมป์สเตจใน Tour of Utah และประสบการณ์การแข่งบวกกับกลยุทธ์ระดับพระกาฬ ทีมอื่นต้องคอยระวัง “น้า” คาเดลให้ดีทีเดียว คาเดลอาจจะรีไทร์ในฤดูกาลหน้าเพราะฉะนั้นสนามนี้เขาอาจจะส่งท้ายด้วยการคว้าแชมป์สเตจวินก็เป็นได้
10. Warren Baguil (Giant-Shimano)
เจ้าของผลงาน 2 แชมป์สเตจจากจิโรปีที่แล้ว วาร์เรน บากิลคือนักปั่นสไตล์ GC เพียงคนเดียวของ Giant-Shimano เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียและพร้อมจะโจมตีคู่แข่งตลอดเวลา หลังจากวูเอลต้าปีที่แล้วผลงานเขาก็เงียบๆ ไป ปีนี้คงได้เห็นกันว่าชัยชนะของเขาในปีก่อนจะเป็นแค่ “โชค” หรือเปล่า
11. Fabio Aru (Astana)
ดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในจิโรปีนี้ อารูเดินเกมเดียวกับคินทานาและอเรดอนโดที่พักยาวหลังจากแข่งจิโรเสร็จ อารูไต่เขาได้ไม่แพ้คู่แข่ง (แต่ไม่ใช่ทุกวัน) ยังขาดประสบการณ์และแทคติคเล็กน้อยแต่พรสวรรค์นั้นมีแน่ๆ ปัญหาคือดูเหมือนฟอร์มจะไม่เต็มที่เท่าไรหลังได้อันดับ 64 ใน Tour of Poland ก็ต้องดูกันว่าจะเป็นยังไงครับกับหนุ่มซิซิเลียนคนนี้
นอกจาก Top 10 ที่กล่าวถึงแล้วยังมีอีกหลายคนที่น่าจับตามองครับ นักปั่นกลุ่มนี้ไม่ได้หวังแชมป์รายการแต่อย่างน้อยๆ ขออันดับ Top 10 ก็ยังดี จับตามองทีบอท์ พินอท์ (FDJ), คาร์ลอส เบทันเคอร์ (AG2R), เยอร์เกน แวนเดน โบรก (Lotto) เอสเตบาน ซาเชซ และอดัม เยทส์ (OGE) ปิดท้ายด้วยไฮมาร์ ซูเบลเดียจาก Trek Factory Racing
สปรินเตอร์
เส้นทางในปีนี้มีสเตจทางราบแบบจริงๆ ไม่มีลูกเล่นอย่างเนินดักคอที่กิโลเมตรสุดท้ายหรือเส้นชัยบนเนินแค่ 4 สเตจ เท่านั้นเทียบกับ 9 สเตจในตูร์ เดอ ฟรองซ์ทำให้สปรินเตอร์ชื่อดังหลายๆ คนไม่มาลง อย่างไรก็ดียังมีอีกหลายคนที่คอยจะปิดท้ายสเตจทางราบให้เราดูแบบสนุกๆ ครับ
เนเซอร์ บูฮานี (FDJ) คว้าชัยไปแล้วหนึ่งสเตจและมีโอกาสที่จะได้อีกหลายเสตจเพราะว่ากันตามหน่วยก้านเขาเป็นเพียวสปรินเตอร์ที่เร็วที่สุดในรายการ เป็นเจ้าของเสื้อจ้าวความเร็วในจิโร และมากับทีมลีดเอาท์ที่ค่อนข้างพร้อม ถ้าไม่ใช่ทางสปรินต์ขึ้นเนินชันๆ ก็น่าจะหาตัวจับยากพอสมควร
รองลงมาเรามีปีเตอร์ ซากาน (Cannondale), จอห์น เดเกนโคลบ์ (Giant), ไมเคิล แมธธิวส์ (OGE), โมเรโน ฮอฟแลนด์ (Belkin), เจอรัลด์ ซิโอเลค (MTN) และฟิลลิป จิลแบร์ (BMC) ที่สามารถเล่นเกมรุกในสเตจสปรินต์บนเนินได้ดีกว่าใคร คู่ที่น่าสนใจคือซากานปะทะแมธธิวส์ เพราะเป็นนักปั่นสไตล์เดียวกันเลย ปัญหาคือซากานดูจะกรอบๆ ไปแล้วเพราะแข่งมาตลอดทั้งปีแทบไม่ได้พัก
ที่เหลือก็ยังมีขาแรงจากทีมอื่นที่อาจจะไม่ท๊อปฟอร์มเหมือนนักปั่นข้างต้น แต่ลองดู ทอม โบเนน (OPQS), ยูเฮนี ฮูทาโรวิช (AG2R), แอนเดรีย กอร์ดีนี (Astana), โรเบอร์โต เฟอร์รารี (Lampre), ฟาบิโอ เฟลลิน (Trek) และแดนิเอลลี เบนาตตี (Tinkoff)
DT แจกดาว
แชมป์รายการ (GC)
☠☠☠☠☠ – Nairo Quintana
☠☠☠☠ – Chris Froome
☠☠☠ – Joquim Rodriguez, Alejandro Valverde, Rigoberto Uran, Fabio Aru
☠☠ – Julien Aredondo, Alberto Contador, Dani Moreno, Samuel Sanchez, Andrew Talansky
สปรินเตอร์ (จ้าวความเร็ว)
☠☠☠☠☠ – Nacer Bouhani
☠☠☠☠ – John Degenkolb
☠☠☠ – Michale Matthews, Moreno Hofland
☠☠ – Roberto Ferrari, Tom Boonen, Andrea Guaradini