[dropcap letter=”ค”]งไม่ใช่เรื่องแปลกใจสำหรับแฟนๆ เซอร์แบรดลีย์ วิกกินส์ อดีตแชมป์ Tour de France และฮีโร่นักปั่นชาวอังกฤษ ที่เขาทำลายสถิติ Hour Redcord ได้สำเร็จเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำระยะทางได้ทั้งหมด 54.526 กิโลเมตรในเวลาหนึ่งชั่วโมง มากกว่าระยะทางของอเล็กซ์ ดาวเซ็ตต์ อดีตเจ้าของสถิติคนล่าสุดถึง 1.589 กิโลเมตร
วิกกินส์และทีมงานตัดสินใจเลือกอัตราทด (58×14) ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มทำสถิติ พยากรณ์อากาศไม่เป็นใจมากนักเมื่อกรุงลอนดอนเจอคลื่นความกดอากาศสูงกว่าปกติ ซึ่งโค้ชของวิกกินส์ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะทำให้เขาเสียระยะทางไปร่วม 700 เมตร พลาดเป้า 55.250 กิโลเมตรอย่างที่วิกกินส์หวังไว้ทีแรก
แต่ถึงแรงกดอากาศจะไม่เข้าข้าง เพียงแค่ไม่กี่นาทีแรก วิกกินส์ก็เริ่มสตาร์ทด้วยความเร็วเฉลี่ยต่อรอบสูงกว่าอเล็กซ์ ดาวเซ็ตต์
ผ่านไปร่วม 100 รอบ (รอบละ 250 เมตร) วิกกินส์ทำความเร็วเฉลี่ย 54.612 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พอครบ 30 นาที วิกกินส์เร็วกว่าดาวเซ็ตต์ร่วม 1 นาที 13 วินาที
ในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย เขาก็ยังคงรักษาความเร็วได้ต่อเนื่อง จนไปตกลงเล็กน้อยที่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย ความเร็วเฉลี่ยตกลงมาอยู่ที่ราวๆ 54.3.54.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเริ่มเห็นชัดว่าเขาไม่น่าจะปั่นได้ถึงเป่า 55 กิโลเมตร
แต่ถึงจะไม่ได้ตามเป้า ท่วงท่าการปั่นของวิกกินส์ก็ยังคงนิ่ง ไม่แสดงออกถึงอาการเมื่อยล้า ช่วง 10 นาทีสุดท้ายศีรษะเขาตกลง พยายามหายใจรับอากาศมากขึ้นเพื่อรีดเค้นกำลังออกมาให้ได้มากที่สุด วิกกินส์ทำระยะทางได้เกินของดาวเซ็ตต์ที่นาทีที่ 58 และรักษาความเร็วไว้ได้คงที่จนถึงวินาทีสุดท้าย จบการปั่นด้วยระยะทาง 54.526 กิโลเมตร กลายเป็นเจ้าของสถิติโลก Hour Record คนล่าสุด
และนั่นหมายความว่าเขาเป็นแชมป์ Tour de France คนที่ห้าของโลกที่ทำลายสถิติ Hour Record ได้สำเร็จ
* * *
Wiggins’ Reaction
“ผมดีใจที่ปั่นได้จนจบ ถ้าจะให้บอกว่ารู้สึกยังไง มันคงเป็นความรู้สึก (ทรมาน) ระดับเดียวกับที่ผู้หญิงคลอดลูก มันทรมานมากครับ คุณคอยดูนาฬิกาตลอดเวลา นับถอยหลังหลักวินาที ผมดีใจที่ทำมันสำเร็จสักที เพราะโปรเจ็คนี้เราเตรียมกันมานานมาก ตั้งแต่จบ Paris-Roubaix (เมษายน) ป่านนี้คนรอบข้างและครอบครัวผมน่าจะเข้าใจฟิสิกส์เรื่องแรงกดอากาศและแอโรไดนามิกดียิ่งกว่าผมเสียอีก จบแล้วก็สบายใจครับ”
“การทำ Hour Record เป็นเรื่องของความกล้าครับ การที่คุณจะยอมออกมาทำอะไรแบบนี้ ไม่ใช่ใครคิดอยากจะทำก็ทำได้ มันเป็นเรื่องความแกร่งของใจมากกว่าร่างกาย”
“12 นาทีแรกไม่ยากเลย คุณพยายามปั่นให้ได้ความเร็วที่คุณพอจะทนไหวตลอด 1 ชั่วโมง ถ้าคุณพ้น 12 นาทีแรกได้ก็น่าจะปั่นได้จนจบ แต่ 12 นาทีสุดท้ายนี่สิ มันจะเป็นอะไรที่ยากที่สุดที่คุณเคยทำในชีวิตแน่นอน”
“เหมือนเป็นผลงานส่งท้ายครับ ถ้าชีวิตนี้ผมไม่ใช่นักปั่นเหมือนที่ผมเป็น ผมแค่มาทำ Hour record อย่างเดียวคงไม่มีใครสนใจ แต่งานนี้มันเหมือนงานอำลาส่งท้าย จากทุกอย่างในชีวิตที่ผ่านมา โอลิมปิก…ทีมเปอร์ซูต์, Tour de France, Paris-Roubaix….ผมโตมากับสนามลู่ ผมยังจำได้อยู่เลยว่าหัวโค้งหน้าเวโลโดรมนี้มันเป็นยังไงเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่ผมยังเป็นเด็ก มันเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมโดยเฉพาะเมื่อคุณกลับมาทำในสิ่งที่เคยฝันไว้ได้สำเร็จ”
“ผมไม่มีโอกาสได้แข่งโอลิมปิกที่นี่กับเพื่อนๆ วันนี้มันเลยพิเศษมากครับ พิเศษจริงๆ” (วิกกินส์ลงแข่งแค่ Time Trial ในโอลิมปิก 2012 ไม่ได้เป็นสมาชิก Team Pursuit ของทีมชาติอังกฤษ)
โค้ชส่วนตัวของวิกกินส์ — ไฮโกะ ซาลส์เวเดล ยอมรับว่าสภาพอากาศวันนี้ไม่เข้าข้างเหมือนที่คำนวนไว้ ซึ่งก็น่าจะทำให้ผู้ท้าชิงคนต่อไปมีโอกาสทำลายสถิติได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะถ้าเขาเลือกไปทำบนที่สูงอย่างเม็กซิโก เหมือนเอ็ดดี้ เมิร์กซ์ และโทมัส เด็กเกอร์ “วันนี้ความกดอากาศสูงมากครับ ตัวเหนียวกันทั้งเวโลโดรม…วิกกินส์ตั้งสถิติไว้สูงมาก แต่ยังไม่สูงพอ”
* * *
“ไม่กลับมาทำสถิติซ้ำอีกรอบ”
วิกกินส์ให้สัมภาษณ์ต่อว่า “มันคงเป็นการปั่นที่ดีที่สุดของผมแล้ว มันยากที่จะคุมอากาศในแต่ละวัน ในทุกๆ 20mb ที่เพิ่มขึ้น (หน่วยความกดอากาศ) คุณเสียเวลาไปรอบละอย่างน้อย 0.1 วินาที”
“ผมคงไม่ทำอีกแล้วครับ จบรายการนี้ถือว่าผมปิดฤดูกาลปีนี้แล้ว ต่อไปคือเตรียมตัวเข้าค่ายเก็บตัวสำหรับโอลิมปิก 2016 ที่ริโอ เรามีรเวลาซ้อมอีกไม่ถึงปีเต็ม ถ้าผมไม่รีบทำ Hour Record ในตอนนี้ก็คงไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว”
* * *
อากาศมีผลแค่ไหนกับสถิติของวิกกินส์?
มีกราฟวิเคราะห์การปั่นของวิกกินส์จาก @XavierDisley ผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศผลศาสตร์ที่พล็อตกราฟมาให้เราดูกันครับ อันดับแรก กราฟความเร็วของวิกกินส์
วิกกินส์ปั่นได้นิ่งมากตั้งแต่เริ่ม ออกตัวเร็ว แต่ไม่เร็วเกินไป และประคองความเร็วได้จนถึงสิบห้านาทีสุดท้าย พลังตกลงไปประมาณสิบวัตต์เท่านั้นจากความเมื่อยล้าและอุณหภูมิในเวโลโดรมที่ค่อนข้างสูง (ประมาณ 29 องกศาเซลเซียส) แต่ลองดูเทียบกับเส้นความเร็วของดาวเซ็ตต์ เห็นชัดว่าวิกกินส์ปั่นเร็วกกว่าดาวเซ็ตต์ตลอดทั้งชั่วโมงตั้งแต่ต้นจนจบ เร็วกกว่าเกือบ 2kph!
เทียบกับคนอื่นๆ ที่ทำสถิติมา กราฟความเร็วจะกระจัดกระจายกว่านี้มากครับ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเตรียมตัวของวิกกินส์และความมั่นใจในการประคองความเร็วระดับ 54kph ตลอดชั่วโมงเต็ม!
กราฟที่สามเป็นกราฟแรงกดอากาศย้อนหลัง แรงกดอากาศเป็นตัวแปรสำคัญมากในการทำสถิติ Hour Record ยิ่งแรงกดอากาศต่ำ นักปั่นก็ยิ่งแหวกอากาศได้เร็วขึ้น เราเลยเห็นคนที่อยากทุบสถิติหลายๆ คนไปทำสถิติกันบนเขาสูง ถึงจะมีข้อเสียเปรียบที่หายใจรับอ๊อกซิเจนได้น้อย แต่โดยรวมแล้วความได้เปรียบจากแรงกดอากาศต่ำก็คุ้มกว่า
ซาเวียร์วิเคราะห์ว่าถ้าวิกกินส์ทำสถิติ 20 วันก่อนนี้ (18 พฤษภาคม) ซึ่งเป็นวันที่ความกดอากาศต่ำที่สุดในรอบ 20 วัน ในกรุงลอนดอน เขาจะทำระยะทางได้มากกว่าเมื่อวานประมาณ 490–500 เมตร ด้วยแรงเท่าๆ กัน น่าเสียดายครับ เวโลโดรมที่วิกกินส์ใช้ทำสถิตินั้นคุมอุณภูมิให้คงที่ได้ (อากาศร้อน ไปได้เร็วกว่า) แต่ไม่สามารถควบคุมแรงกดอากาศได้ครับ
* * *
แล้วใครจะเป็นผู้ท้าชิงคนต่อไป?
ที่แน่ๆ เลยคือไม่มีโดเมสติกใจกล้าอย่างเยนส์ โว้กหรือแมทธิอัส แบรนเดิ้ล มาลองของอีกแน่ๆ ทั้งโว้ก และแบรนเดิลฉวยโอกาสได้ถูกจังหวะ ชิงทำสถิติสร้างชื่อเสียงก่อนที่จะเจอขาใหญ่อย่างวิกกินส์หรือดาวเซ็ตต์มาตั้งระยะทางที่เอื้อมไม่ถึง แต่ระยะทาง 54.5 กิโลเมตรของวิกกินส์นี่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ Time Trial จริงๆ ถึงจะทุบได้ครับ
อย่างไรก็ดีผมว่าสถิติของวิกกินส์ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อมโดยเฉพาะถ้าผู้ท้าชิงเป็นขาโหดแบบดาวเซ็ตต์ (ที่ได้ข่าวว่าวันที่เขาทำลายสถิติของเดนนิส ยังเหลือแรงอีกเพียบ) ไปทำสถิติบนที่สูงก็น่าจะมีโอกาสล้มวิกกินส์ เดาว่าสัก 2–3 ปีคงมีสถิติใหม่ให้เห็นถ้าตั้งใจจะทุบกันจริงๆ
นอกจากนั้นก็มี
- ทอม ดูโมลาน (Giant-Alpecin)
- อาดรีอาโน มาลอรี (Movistar)
- โทนี มาร์ติน (Etixx-Quickstep)
- อเล็กซ์ ดาวเซ็ตต์ (Movistar)
- โรฮาน เดนนิส (BMC)
- เฟเบียน แคนเชอลารา (Trek Factory Racing)
ที่น่าจะมีลุ้นมากๆ คือดาวเซ็ตต์อย่างที่บอก คนนี้มีเพดดิกรีสนามลู่ และมีประสบการณ์แล้ว เดนนิส มาลอรี ดูโมลานเองก็มีโอกาส ทั้งสามคนยังอายุน้อย และมีโอกาสที่จะปั่น TT ได้ดีกว่านี้มากเมื่อโตขึ้นครับ (ปีที่วิกกินส์ทำผลงาน Time Trial ได้ดีที่สุดคือตอนอายุ 34–35)
โทนี มาร์ติน…มีศักยภาพ แต่เวลาอาจจะไม่เอื้ออำนวย เพราะเขาแข่งให้ Quickstep แบบ Full time และเป็นตัวสำคัญที่ทีมหวังผลงาน ในสเตจเรซ เขารับหน้าที่ลากไล่จับเบรคอเวย์ ในสเตจทางราบ เขาเป็นหัวลากสำคัญในขบวนสปรินต์ของคาเวนดิช ใน Tour de France เขาต้องคว้าแชมป์ Time Trial ช่วงท้ายปีเขาก็ต้องแข่งชิงแชมป์โลก TT อาจจะเจียดเวลามาได้ยาก
ส่วนแคนเชอลารา ที่เคยสบประมาทว่า “สถิติมันง่ายเกินไป” ที่ใช้รถ Team Pursuit ได้ ไม่ใช่สายเพียวเหมือนสมัยของเอ็ดดี้ เมิร์กซ์ ก็น่าจะหันมามองสถิตินี้ใหม่ครับ เพราะระยะทาง 54.5km ของวิกกินส์นี่ไม่ “ง่าย” แน่นอน แม้แต่ดีกรีระดับ Spartacus ก็เถอะ
สถิติของวิกกินส์คงอยู่ไปอีกหลายเดือน หรือปี จนกว่าจะมีคนตั้งใจซ้อมเพื่อทุบมันจริงๆ หลังจากนี้ Hour Record คงเงียบไปบ้างครับ แต่ก็ไม่ใช่เกินเอื้อมเหมือนที่เซอร์หวังไว้เหมือนกัน
* * *
วิดีโอไฮไลท์ Bradley Wiggins Hour Record (Full Run)
***