เมื่อ YONEX ทำจักรยานเสือหมอบ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้ไปเดินเที่ยวงาน Cycle Mode Japan ที่โตเกียว จะบอกว่าเป็นงานแสดงสินค้าจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นก็คงไม่ผิดและจัดต่อเนื่องกันมาหลายปีแล้วครับ ผิดกับงานอย่าง Eurobike หรือ Interbike งานนี้ไม่ใช่งานลักษณะ B2B แต่เป็น B2C นั่นคือเล็งกลุ่มคนเข้างานเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่ผู้ประกอบการ แต่เป็นกลุ่มคนรักจักรยานนั่นเอง ค่าเข้าชมก็แค่คนละ 1,500 เยนเท่านั้น (ประมาณห้าร้อยบาท)

Photo: Cyclemode Japan Official

งานนี้จัดที่ Makuhari Messe ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์ในเมืองชิบะ ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก มีคนเข้าชมปีละประมาณ 30,000-50,000 คน ก็จะมีแบรนด์ใหญ่ๆ มาเปิดบูทกันอย่างคับคั่ง รวมถึงแบรนด์จากญี่ปุ่นด้วย ที่สำคัญมีพื้นที่ให้คนเข้าชมงานสามารถไปลองทดสอบจักรยานกันได้ด้วย

Photo: Cyclemode Japan Official

แบรนด์อย่าง Canyon เองก็มีจักรยานมาให้ลองกว่า 30 คันในหลายๆ รุ่น

แต่บูทที่เราจะมาคุยกันวันนี้เป็นแบรนด์จักรยานที่เราอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่รู้จักชื่อแบรนด์ดีอยู่แล้ว นั่นก็คือ YONEX ครับ

Yonex เกี่ยวอะไรกับจักรยาน? เขาขายจักรยานเสือหมอบครับ แบบไฮเอนด์ด้วยล่ะ จริงๆ เปิดตัวจักรยานเสือหมอบคันแรกมาตั้งแต่ปี 2013 แล้วแต่ก็เข้าใจว่าไม่ได้ส่งออกไปขายที่ไหนเลย มันเจ๋งตรงที่ทุกอย่างแฮนด์เมดอินเจแปน ในโรงงานของเขาเองที่เมืองนากาโอกะในจังหวัดนิกาตะ

โรงงานผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนออกมาเป็นขั้นทำที่จังหวัดนิกาตะ

แล้วไม่ใช่จักรยานกระจอกๆ เพราะ Yonex เป็นรายแรกในโลกที่นำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในอุปกรณ์กีฬา ทั้งไม้แบด เทนนิส ไม้กอล์ฟ มีประสบการณ์ด้านวัสดุคอมโพสิทมา 40 กว่าปีแล้ว ผมไม่ได้สนใจเท่าไรตอนที่มันเปิดตัวเพราะหน้าตาเหมือนจักรยานเสือหมอบธรรมดาทั่วไปและหาซื้อไม่ได้ แต่พอมีโอกาสมานั่งอ่านรายละเอียดดูจากเว็บญี่ปุ่น โอ้โห ของดีนี่ มีเทคที่ไม่เห็นในจักรยานคาร์บอนทั่วๆ ไปเพียบ วันนี้เก็บรุปกับรายละเอียดมาให้ดูกันครับ

 

เสือหมอบแอโรคันแรกของ Yonex

ปี 2019 นี้ Yonex เปิดตัวเสือหมอบแอโรเป็นครั้งแรกในรุ่น Aeroflight หน้าตาอาจจะดูเชยหน่อยเมื่อเทียบกับเสือหมอบแบรนด์ตะวันตกดิสก์ที่ซ่อนสายหมดจด แฮนด์ก็ไม่อินทิเกรต แต่ช้าก่อน เฟรมแอโรตัวนี้หนักแค่ 830g เท่านั้น! เบากว่าเสือหมอบ all round หลายๆ ตัวในตลาดเสียอีก

ต้องบอกว่าจุดเด่นของแบรนด์นี้คือความเบา เพราะเสือหมอบ all round ตัวท็อปรึ่น Carbonex ของเขาหนักแค่ 650 กรัม แล้วทำได้มาตั้งแต่ปี 2013 แล้ว

จุดเด่นของเฟรม Aeroflight ตัวนี้คือมีการแทรกชั้นกราไฟท์ที่เรียกว่า NAMD บริเวณท่อคอถ้าใครเป็นสายแบดคงเคยได้ยินชื่อนี้

NAMD เป็นเทคโนโลยีนาโนที่เข้าไปเสริมเส้นใยกราไฟท์ ช่วยเรื่องการส่งถ่ายแรงได้ทันท่วงที และการ flex ของวัสดุที่ทำหน้าที่คล้ายๆ สปริง ในกรณีการตีแบดก็ช่วยให้คนหวดไม้แบดได้แรงตบที่ดีกว่าเดิม

สำหรับในจักรยาน YONEX บอกว่าช่วยให้ช่วงหน้ารถซับแรงสะเทือนได้ดี เฟรมไม่สะท้านมือ

ซีทสเตย์ bridge แบบตัน เห็นได้ในเสือหมอบแอโรหลายๆ รุ่น

บริเวณท่อล่างกับซีทสเตย์ มีการใส่ Rubber Metal ซึ่งก็คือไทเทเนียมชนิดพิเศษที่พัฒนาโดย Toyota เพื่อให้มีความแข็งแรงสูงแต่ยืดหยุ่นได้ดี ช่วยให้รถซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้นอีก น่าจะเป็นเฟรมแอโรที่นิ่มทีเดียว

Yonex เคลมว่า Aeroflight นั้นเร็วประหยัดแรงกว่าเฟรม Carbonex (รถ all around) ถึง 20%

สิ่งที่ช่วยทำให้รถ Yonex เบามากคือการทำสี ใช้สีแบบเบาพิเศษ ลงสีทั้งคันเพิ่มน้ำหนักจาเฟรมเปล่าแค่ 15 กรัม ในขณะที่ทำสีจักรยานปกติแล้วต้อง + ไป 50-100 กรัม เสร็จแล้วเคลือบด้วย coating เงาแบบบางๆ แต่แข็งแรงไม่ลอกง่ายๆ

ที่เชนสเตย์จะเห็นว่ามีรูปทรงเป็นวงรีแบบแบนขนานพื้นในส่วนที่ใกล้ๆ กับดรอปเอาท์ ผิดกับจักรยานส่วนใหญ่ที่เป็นวงรีแนวตั้ง

ตรงนี้ Yonex เรียกว่า OPS หรือ Oval Pressed Shaft เป็นดีไซน์ท่อของเขาเอง ใช้ในไม้เทนนิสด้วย โดยเคลมว่าช่วยให้การควบคุมรถและตอบสนองพื้นถนนได้ดีขึ้น ซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้นกว่าท่อทรงตั้งด้วย ทำให้รถ “ไหล” (อะไรจะขนาดนั้น)

เดินสายเบรกหลังซ่อนในเฟรมแล้วมาโผล่ใกล้ๆ กับหลักอาน สังเกตว่าจุดยึดหลักอานก็เป็นแบบ integrate ซ่อนไว้ในเฟรมตามสมัยนิยม

ถึงจะไม่ได้มากับชุดแฮนด์อินทิเกรตแต่น้ำหนัก 830g ก็ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียวสำหรับเสือหมอบแอโร ที่ส่วนใหญ่ในตลาดหนัก 950-1000g+

 

Yonex Carbonex เฟรม all around ที่หนักแค่ 650 กรัม

Carbonex หรือเฟรม all around ตัวท็อปของค่ายนี้ จุดเด่นคือน้ำหนักเฟรมที่ 650 กรัมเท่านั้น และราคาประมาณ 125,000 บาท เฟรมแสนกว่าบาทก็ถือว่าแพง แต่ต้องบอกว่าในตลาดเสือหมอบไม่มีใครขายเฟรม 650 กรัมที่ราคานี้ครับ นอกจากจะหาคนผลิตเฟรมน้ำหนักนี้ได้น้อยแล้วส่วนใหญ่ขายแพงกว่านี้มาก

น่าสนใจว่าเวลาจะซื้อเฟรม Carbonex เขามีให้เลือกระหว่างตะเกียบตรง กับตะเกียบโค้งนิดๆ ด้วย แบบตรงจะให้ฟีลคม ดุดันเหมือนรถแข่ง ส่วนตะเกียบโค้งๆ จะซับแรงสะเทือนได้ดีกว่า แต่ไม่ซิ่งเท่า

คันที่เห็นในรูปเป็นรถสำรองของนักกีฬา Tatsuki Amagoi จากทีม Kinan Cycling Team ทีมระดับ UCI Continental

Microcore Technology – ด้านในท่อซีทสเตย์ใช้โฟมอัดแบบ high density ซึ่งช่วยเรื่องความสติฟฟ์และกระจายแรงสะเทือนได้ดีด้วย

โชว์ดีไซน์การวางชั้นคาร์บอนเอง

เฟรมเปล่าๆ เลยหนัก 650 กรัม

ก็เข้าใจหยิบมาเปรียบว่า 650 กรัมนี่หนักแค่ไหน สรุปคือเบากว่าหนังสือการ์ตูน 1 เล่ม รองเท้า 1 คู่ และน้ำยาทำความสะอาด 1 ขวด

แต่เมื่อ Canyon เองก็มาเปิดบูธข้างๆ แล้วเอา Canyon Ultimate CF EVO มาโชว์ ซึ่งหนักแค่ 630 กรัม แถมใส่ตัวยึดสับจานกับตีนผีมาให้แล้วด้วย ที่ Yonex โชว์มาทั้งหมดนั้นก็ยังทำให้เบาเท่า Canyon ไม่ได้ 😂

แต่ทั้งนี้ ดูรวมๆ แล้ว Yonex ก็น่าจะเป็นรถที่ขี่ได้ดีมากๆ คันนึงเลย ถึงดีไซน์จะเชยหน่อยเทียบกับรถยุโรปและอเมริกา เพราะเหมือน Yonex ก็คิดเองทำเองทุกอย่าง ไม่ได้ตามเทรนด์ในวงการ เทคโนโลยีหลายๆ อย่างที่โชว์ก็เอามาจากงานคอมโพสิทในเครื่องกีฬาอื่นของตัวเอง ฟีลคงแบบ ถึงจะไม่ใช่สินค้าหลักของบริษัท ไม่ได้เน้นขายจักรยาน แต่เราก็ทำรถที่เบาที่สุดและดีที่สุดได้เหมือนกันล่ะนะ

ยังมีอีกหลายบูทที่น่าสนใจ จะทยอยลงให้ชมกันครับ

Photo: Thanyavi Chinsuwan

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!