พอเห็นขึ้นจั่วหัวบทความว่ารีวิวหูฟัง เพื่อนๆ Ducking Tiger อาจจะงงว่านี่เว็บจักรยาน ทำไมมีรีวิวหูฟังด้วย? อ่านไม่ผิดครับ เพราะว่าหูฟังตัวที่จะรีวิววันนี้เป็นหูฟังสำหรับนักปั่นจักรยาน นั่งวิ่ง และคนรักการออกกำลังกายแบบเอาท์ดอร์โดยเฉพาะ
Ducking Tiger แนะนำเสมอว่าเวลาคุณออกปั่นจักรยานไม่ควรจะใส่หูฟัง เพราะมันทำให้เราไม่ได้ยินเสียงจราจรรอบข้าง โดยเฉพาะบนถนนหนทางประเทศไทยที่อันตรายไม่น้อย แลกความสุขการฟังเพลงระหว่างปั่นกับประสาทสัมผัสที่จะใช้ฟังเสียงรอบข้าง ดูไม่ค่อยจะคุ้มกัน เพราะถ้าจะเกิดอุบัติเหตุอะไร จักรยานเจ็บหนักกว่าคู่กรณีเสมอ ในประเทศสหราชอาณาจักร นายกเทศมนตรีลอนดอน บอริส จอห์นสันถึงกับออกมาเรียกร้องให้มีกฏหมายผู้ใช้จักรยานไม่ให้ใส่หูฟัง เพราะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตและอุบัติเหตุของนักปั่นจำนวนไม่น้อย
พอได้หูฟังไร้สายตัวนี้มารีวิวก็เลยแปลกใจครับ เพราะมันเป็นหูฟังที่ผู้ใช้ไม่ต้องปิดรูหู Aftershokz Bluez 2 คือหูฟังไร้สายที่ถ่ายทอดสัญญาณเสียงโดยการได้ยินผ่านทางกระดูกหรือที่เรียกทางการแพทย์ว่า Bone Conduction Technology
Bone Conduction Technology: ถ่ายทอดเสียงผ่านกระดูก?
จุดขายของหูฟังตัวนี้คือ Bone Conduction Technology หรือการส่งสัญญาณเสียงผ่านกระดูก อาจจะไม่ใช่อะไรที่เราได้ยินบ่อยๆ แต่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แพร่หลายในทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยหูหนวก หรือมีปัญหาการได้ยิน แม้แต่ Google ก็นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในแว่น Google Glass
หลักการทำงานคือชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ที่อยู่ในหูฟังจะส่งคลื่นเสียงเข้าไปกระทบกับกระดูกโหนกแก้ม คลื่นเสียงจะไปกระตุ้นโสตประสาทในหูชั้นในด้วยการสั่นกระดูกแทนเยื่อแก้วหู ทำให้เราได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงพูดไม่ต่างจากการใช้หูฟังธรรมดาครับ
ข้อดีของมันก็คือ ถึงจะใส่หูฟังฟังเพลงอยู่ เราก็ยังได้สินเสียงจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง 100%
Aftershokz Bluez 2: การใช้งาน
DT ทดสอบหูฟังตัวนี้ประมาณสองสัปดาห์ ใช้หลายอย่างครับทั้งซ้อมปั่นบนถนนที่การจราจรแออัด บนเทรนเนอร์ ใช้วิ่งบนลู่วิ่งในห้องยิม ขอรายงานการใช้งานเป็นข้อๆ ตามนี้
- ในกล่อง Aftershokz ให้ถุงใส่หูฟัง สายชาร์จ Micro USB และสายรัดเพิ่มความกระชับในการสวมใส่ ก่อนเริ่มใช้ก็ชาร์จแบตเตอรี่กันสักนิดนึงด้วยการเสียบเข้ากับพอร์ท USB ของคอมพิวเตอร์หรือพาวเวอร์แบงก์ เนื่องจากผมเป็นคนหัวเล็กเลยต้องใส่สายเพิ่มความกระชับ (ในรูปข้างบน) พอใส่สายนี้แล้วหูฟังก็ไม่ขยับ อยู่กับที่ดีครับ ไม่ว่าจะปั่นหนัก ลุกสปรินต์ หรือแม้แต่การวิ่งบนลู่วิ่งในห้องยิม
ตัวหูฟังใช้วัสดุคุณภาพดี ดูแข็งแรงกันเหงื่อและน้ำระหว่างการออกกำลังกาย แต่ไม่ใช่ waterproof 100% ที่จะจับจุ่มน้ำหรือตากฝน ผู้ผลิตแจ้งว่าถ้าปล่อยให้น้ำเข้าช่องไมค์ ช่องแบตเตอรี่ก็มีสิทธิพังครับ
เวลาสวมใส่ หูฟังจะทัดอยู่กับหูเรา ตัวส่งสัญญาณเสียงจะตกอยู่บนโหนกแก้มพอดี
การเชื่อมต่อ: ด้วยที่มันเป็นหูฟังไร้สาย Bluetooth ผู้ใช้จึงต้องคู่กับอุปกรณ์ที่รองรับ Bluetooth ด้วย ผมใช้คู่กับ iPhone 6 เวลาเปิด paring จับคู่อุปกรณ์ก็แค่กดปุ่มพาวเวอร์บนตัวหูฟังค้างไว้
เวลาเริ่มฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์ ความรู้สึกจะแปลกๆ นิดนึง เพราะไม่เหมือนการเอาหูฟังปิดหูครับ แต่เหมือนเรา “จินตนาการ” เสียง เพราะเสียงมันอยู่ในหัวเราเลย O_O
หูฟังทำงานได้ดีตามที่โฆษณา คือไม่ว่าจะปั่น จะวิ่งหรือทำกิจกรรมอะไรอยู่และฟังเพลงผ่านหูฟังควบคู่ไปด้วยก็ยังได้ยินเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง 100% เพราะว่าเสียงจากหูฟังตัวนี้ถ่ายทอดผ่านการสั่นกระดูก มันเลยไม่ได้ไปรบกวนหน้าที่ของหู ทำให้เรายังได้ยินเสียงอื่นๆ ตามปกติ เวลาปั่นบนถนนผมได้ยินเสียงจากรถด้านหลังและด้านข้างทุกคันเหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง
คุณสามารถกดรับโทรศัพท์ได้ด้วยการสัมผัสปุ่ม Pause / Play ที่อยู่ด้านซ้ายของหูฟัง ถ้ากดสองครั้งระหว่างฟังเพลงก็ forward ไปเพลงถัดไป
คนที่ใส่แว่นอาจจะรำคาญบ้าง เพราะหูฟังต้องวางทัดหูในตำแหน่งเดียวกับที่ขาแว่นทัดหูครับ แว่นกีฬาที่ขาแว่นโอบรัดศีรษะอาจจะไม่เป็นปัญหามาก เพราะคุณสามารถเลื่อนตำแหน่งแว่นให้สูงกว่าหูฟังได้ แต่สำหรับคนใส่แว่นสายตาที่ขาแว่นต้องทัดหูตลอดเวลา โดยเฉพาะพวกใช้แว่นหนาๆ ขาใหญ่ อาจจะรู้สึกเกะกะครับ
ใส่กับหมวกจักรยานไม่มีปัญหาอะไร
แบตเตอรี่ใช้งานได้ประมาณ 5–6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายหรือทริปปั่นแทบทุกประเภท (ยกเว้นคุณจะชอบปั่น Audax นะ ^^”)
คุณภาพเสียง
ถ้าคุณจะซื้อหูฟัง Aftershokz Bluez 2 มาดื่มด่ำกับเสียงดนตรี บอกตรงนี้เลยว่า มองข้ามไปเลยครับ เพราะมันผิดจุดประสงค์ หูฟัง Aftershokz ออกแบบมาเพื่อ ความปลอดภัยระหว่างออกกำลังกายและความชัดเจนในการสื่อสารเป็นหลัก เหมาะกับการฟังเพลงเบาๆ พอสร้างสุนทรีย์ หรือใช้คุยโทรศัพท์เวลามือไม่ว่าง
คุณภาพเสียงอยู่ในระดับรับได้ แต่ไม่ดีเท่าหูฟังมาตรฐานทั่วไปแน่นอน ไม่ดีเท่าหูฟังที่แถมมากับ iPhone รายละเอียดเสียงสูง กลาง ต่ำ มีพอให้เสพรสดนตรีได้พอประมาณ ฟีลลิ่งการฟังเหมือนมีลำโพงตัวเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ ครับ
คุณภาพเสียงเวลาโทรศัพท์ค่อนข้างชัดเจน จากทั้งต้นสายและผู้รับปลายสาย จะอู้อี้บ้างเวลาอยู่ในที่ๆ คนเยอะๆ (น่าจะมาจากระบบ Noise-Cancelling เริ่มทำงาน) แต่ก็ยังสื่อสารกันได้ชัดเจนและสะดวกดี ไม่เกะกะเหมือนเสียบหูฟังธรรมดา
แล้วมันเหมาะกับใคร?
ด้วยราคาค่าตัว 4,590 บาท (โปรโมชั่นซื้อเงินสด 3,990 บาท) เทียบกับหูฟัง In Ear หรือ Over Ear ดีๆ แล้วต้องบอกว่าค่าตัวไม่ถูก ในงบเท่ากันสามารถซื้อหูฟังเสียงดีๆ ได้เลย แต่ถ้าเทียบกันแบบนี้ก็ไม่แฟร์เท่าไร เพราะจุดประสงค์ของหูฟังทั้งสองแบบต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดยรวมแล้วหูฟัง Aftershokz Bluez 2 น่าจะเหมาะกับคนที่ ชอบฟังเพลงระหว่างออกกำลังกาย จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ขณะออกกำลังกาย แต่ยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย คุ้มราคามั้ยคงขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนครับ โดยรวมแล้วหูฟังตัวนี้ทำงานได้ตามที่ผู้ผลิตโฆษณาทุกประการ จะติดแค่เรื่องเดียวก็คือใส่กับแว่นสายตาลำบากเท่านั้นเอง นอกนั้น DT ให้ผ่านหมดครับ
ตัวแทนจำหน่าย: บริษัท โมบาย สปอร์ต จำกัด
Website / Facebook MobileSport Thailand
www.aftershokz.com
* * *
