[dropcap letter=”เ”]มื่อวานนี้ RCS Sport ผู้จัดแข่งรายการ Giro d’Italia เปิดเผยเส้นทางแข่งสำหรับปี 2015 แล้ว ซึ่งจะแข่งกันวันที่ 9-31 พฤษภาคมปีหน้านี้ รวมๆ แล้วเส้นทางค่อนข้างสมดุลดี วันนี้เราจะมาวิเคราะห์เส้นทางและตัวเต็งกัน อันดับแรกดูวิดีโอเปิดตัวกันก่อนครับ
ภาพรวม
1x Team Time Trial (17.6km)
1x Individual Time Trial (59.2 km) (!)
6x เส้นชัยบนยอดเขา
7x สเตจทางราบ (สปรินต์)
รวมระยะทาง: 3,481.8 กิโลเมตร
รวมๆ แล้วมีสเตจสปรินต์และระยะไต่เขาน้อยกว่าปีนี้ แต่จุดที่น่าจะมีผลมากๆ คงเป็นสเตจ Time Trial ที่ยาวมากๆ (มากๆๆๆ) ถึงเกือบ 60 กิโลเมตรครับ เส้นชัยบนยอดเขาอาจจะมีมีแค่ 6 ยอด แต่เขาในอิตาลีนั้นยาวและชันกว่าเขาในวูเอลต้า (สเปน) ซึ่งหมายถึงคู่แข่งสามารถทิ้งระยะห่างเวลากันได้มาก
ผมว่ามันออกมาคล้ายๆ กับเส้นทางตูร์ที่ดูจะสมดุล ไม่ได้เน้นไต่เขาหรือ Time Trial มากจนเกินไป (แต่ยังไงก็เอื้อให้นักไต่เขามากกว่านัก TT อยู่ดี)

ทีเด็ดน่าจะอยู่ที่สเตจรองสุดท้าย (สเตจ 20) ซึ่งเป็นควีนสเตจ และเป็นจุดที่สูงสุดในการแข่งขัน ซึ่งจะไปต้องผ่านยอด Colle delle Finestre ปัญหาคือมันเป็นทางขึ้นที่ยาวถึง 20 กิโลเมตร ความชันเฉลี่ย 10% และกว่าครึ่งทางเป็นถนนลูกรัง (Gravel!) เรียกได้ว่ารวมเอาไฮไลท์แทบทุกอย่างในการแข่งขันจักรยาน (ยกเว้นสปรินต์) มารวมกันไว้ในเขาลูกเดียว พ้นจากยอดนี้แล้วก็มีเขาให้ปีนอีกเพื่อเข้าส้นชัย เพิ่มความซับซ้อนในเรื่องกลยุทธ์การแข่งเข้ามาอีก


ตัวเต็ง?
ดูเหมือน RCS Sport จะลดดีกรีความยากของจิโรลงจากปีนี้พอสมควรเพื่อดึงดูดนักปั่นชื่อดังให้มาลงแข่งกันมากขึ้น (จะได้ไม่รู้สึกเหนื่อยกรอบถ้าจะต้องลงตูร์เดอฟรองซ์ต่อกัน) ซึ่งมันก็เป็นผลครับเพราะคอนทาดอร์ คอนเฟิร์มแล้วว่าเขาจะลงทั้งตูร์และจิโร
แต่คนอื่นหละ?
ไนโร คินทานา (Movistar) เพิ่งจะคว้าแชมป์จิโรปีนี้มา ปีหน้าเขาจะไม่กลับมาป้องกันแชมป์แต่จะไปลงตูร์แทนวาวเวอเด้ ค่อนข้างแน่นอน
สำหรับ Astana ที่มีไพ่สองใบอย่างนิบาลิ (แชมป์ตูร์ปีนี้) และฟาบิโอ อารูซึ่งโชว์ฟอร์มโหดในวูเอลต้า น่าจะส่งอารูเข้าท้าชิงมากกว่า เพราะนิบาลิคงอยากจะป้องกันแชมป์ตูร์ หลังจากที่คู่แข่งคนสำคัญถอนตัวไปหมด
Sky คงไม่ส่งฟรูมมา เพราะหลังจากที่พลาดไปหนึ่งปีเต็ม ยังไงก็ต้องกลับไปทวงแชมป์ตูร์ให้ได้ พระรองที่น่าจะมีลุ้นก็ไม่พ้นริชีย์ พอร์ท, มิเคล เนียเว หรือลีโอโพลด์ โคนิกที่เพิ่งจะย้ายมาจากทีม Netapp-Endura
BMC นั้นเสียคาเดล เอวานส์ไปแล้ว เหลือเอซ GC ที่ลุ้นขึ้นจริงๆ ก็แค่ทีเจย์ แวนการ์เดอเรน เส้นทางก็ดูจะเหมาะกับเขาดีด้วยครับ เพราะปั่น TT ได้ดีกว่าคนอื่นๆ แต่แน่นอนว่าถ้าให้เลือก เขาก็ต้องไปตูร์ เพราะเป็นคนที่มีลุ้นที่สุดในทีม
ในมุมกลับ สนามนี้น่าจะเข้ากับ OPQS ได้พอดิบพอดี เพราะในตูร์ ทีมคงส่งคาเวนดิชไปสปรินต์พร้อมทีมซัพพอร์ทอยู่แล้ว ริกโอเบอร์โต อูรานก็ต้องรับหน้าที่แข่งจิโรไป แล้วทีมก็จะได้ส่งนักไต่เขามาหนุนได้เต็มที่ไม่ต้องแย่งแรงงานกัน
ยังไงก็ต้องรอดูเส้นทางของตูร์ปีหน้า ซึ่งคงเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้นักปั่นตัดสินใจว่าจะลงสนามไหนกันบ้างครับ
Giro d’Italia 2015:
Stage 1, May 9: San Lorenzo Al Mare to Sanremo (team time trial), 17.6 kilometres
Stage 2, May 10: Albenga to Genoa, 173 kilometres
Stage 3, May 11: Rapallo to Sestri Levante, 136 kilometres
Stage 4, May 12: Chiavari to La Spezia, 150 kilometres
Stage 5, May 13: La Spezia to Abetone (summit finish), 152 kilometres
Stage 6, May 14: Montecatini Terme to Castiglione Della Pescaia, 181 kilometres
Stage 7, May 15: Grosseto to Fiuggi, 263 kilometres
Stage 8, May 16: Fiuggi to Campitello Matese (summit finish), 188 kilometres
Stage 9, May 17: Benevento to San Giorgio Del Sannio, 212 kilometres
May 18: Rest day
Stage 10, May 19: Civitanova Marche to Forlì, 195 kilometres
Stage 11, May 20: Forlì to Imola (Autodromo Ferrari), 147 kilometres
Stage 12, May 21: Imola to Vicenza (Monte Berico – summit finish), 190 kilometres
Stage 13, May 22: Montecchio Maggiore to Jesolo, 153 kilometres
Stage 14, May 23: Treviso to Valdobbiadene (individual time trial), 59.2 kilometres
Stage 15, May 24: Marostica to Madonna Di Campiglio (summit finish), 165 kilometres
May 25: Rest day
Stage 16, May 26: Pinzolo to Aprica (summit finish), 175 kilometres
Stage 17, May 27: Tirano to Lugano, 136 kilometres
Stage 18, May 28: Melide to Verbania, 172 kilometres
Stage 19, May 29: Gravellona Toce to Cervinia (summit finish), 236 kilometres
Stage 20, May 30: Saint-Vincent to Sestriere (summit finish), 196 kilometres
Stage 21, May 31: Turin to Milan, 185 kilometres