เราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่าชีวิตของคริส ฟรูมค่อนข้างลำบากสมัยเด็กๆ แต่เป็นความจริงครึ่งหนึ่งครับ ก่อนที่พ่อแม่เขาจะหย่ากัน ฟรูมถือว่าเป็นระดับเศรษฐีในเคนยา เป็นลูกของคนอังกฤษที่อพยพไปอยู่เคนยาตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม แต่ครอบครัวฟรูมก็ยังคงใช้ชีวิตแบบคนอังกฤษ พ่อเป็นนักธุรกิจนำเที่ยว มีบ้านหลังโตและพี่เลี้ยง มีชีวิตที่สบายกว่าเด็กๆ ชาวเคนยาทั่วไป
แต่ความสุขไม่ใช่ของตาย วันหนึ่งมีเยอะ วันรุ่งขึ้นมันก็หายไปได้หมดเมื่อธุรกิจของพ่อฟรูมโดนเพื่อนร่วมงานยักยอกเงินเป็นจำนวนมากจนแทบล้มละลาย ธนาคารและเจ้าหนี้เข้ามายึดทรัพย์สินแทบทุกอย่าง พ่อกับแม่ของฟรูมหย่าและแยกกันอยู่ในที่สุด ฟรูมใช้ชีวิตอยู่กับแม่ที่บ้านหลังเล็กๆ ซึ่งเป็นเหมือนกระท่อมในอาณาบริเวณบ้านญาติ กินบ้างอดบ้าง แต่ทั้งคู่ก็พยายามเอาตัวรอด แม่ของฟรูมเริ่มไปเรียนด้านกายภาพบำบัดเพื่อหารายได้เสริม ส่วนฟรูมเองก็เป็นคนหัวหมอใช่ย่อยทุกครั้งที่เขาข้ามไปหาพ่อที่แอฟริกาใต้ (พ่อของฟรูมไปเริ่มธุรกิจและชีวิตใหม่ที่นั่น) เขาจะเลือกผ้าท้องถิ่นจากเคนยาไปขายในแอฟริกาใต้จนมีรายได้พอจะซื้อจักรยาน Colnago เป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก
ฟรูมเป็นคนสันโดษตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่เป็นคนขาวชาวอังกฤษคนเดียวในโรงเรียนอาฟริกัน ทำให้เขาเด่นกว่าคนอื่นๆ แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกแปลกแยกเช่นกัน ฟรูมบอกว่าเป็นความรู้สึกที่ย้อนแยง เพราะเขาโตที่เคนยา และรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเคนยา แต่กับครอบครัวเขามีวิถีชีวิตเหมือนคนอังกฤษ เช่นเดียวกับนักจักรยานชื่อดังหลายๆ คนเขาปลดปล่อยความรู้สึกเหล่านี้ด้วยการออกกำลังกาย และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาเริ่มปั่นจักรยานมากขึ้นเรื่อยๆ จากปั่นเล่นหน้าบ้านกลายเป็นปั่นไปกลับโรงเรียนหลายสิบกิโลเมตรทุกๆ วัน จนเขาได้เจอเดวิด คินจาห์ ครูจักรยานคนแรกของเขา และเป็นคนที่ทำให้เขาได้เข้าสู่วงการนักปั่นอาชีพในเคนยา
อ่านถึงตรงนี้คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงเลือกถือไลเซนส์นักกีฬาอังกฤษแทนเคนยา? นั่นก็เพราะเขาโดนสมาคมจักรยานเคนยาหักหลังและต่อต้าน กลั่นแกล้งด้วยความอิจฉาและอยากจะเก็บฟรูมไว้สร้างผลงานให้กับสมาคม ไม่ยอมส่งเขาไปแข่งในระดับภูมิภาค จนในที่สุดฟรูมตัดสินใจเลิกคบกับสมาคม เขารู้ว่าถ้าเขาจะโตได้ในวงการนี้ เคนยาไม่ใช่คำตอบ ฟรูมทำผลงาน Time Trial ได้ดีในรายการ Common wealth Games จนเข้าตาเดฟ เบรลส์ฟอร์ด และร๊อด เอลลิงเวิร์ธ คนแรกคือผู้จัดการทีม Sky ปัจจุบัน คนหลังคือโค้ชส่วนตัวของมาร์ค คาเวนดิช ทำให้เขาตัดสินใจไปใช้ไลเซนส์นักแข่งของอังกฤษในที่สุด ฟรูมเทิร์นโปรกับทีม Barloworld ได้ไม่กี่ปีก็เข้ามาอยู่กับทีม Skyและนั่นคือจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จของเขา
เยี่ยมครับ
:)
ชอบมากครับ
อ่านจบ ขนลุกเลยครับ