กีฬาจักรยานอาชีพเป็นกีฬาแบบทีม แต่กลับมีผู้ชนะได้เพียงแค่คนเดียว น้อยครั้งที่เราจะได้รู้จักผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแชมป์ ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายครับ ใน Tour de France ที่แต่ละทีมมีนักแข่งถึง 9 คน ต่อให้กัปตันทีมจะเก่งกาจสักแค่ไหน เขาไม่มีทางชนะรายการได้ด้วยตัวคนเดียว แต่เมื่อเขาชนะ เรากลับไม่รู้จักกลุ่มคนที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
จริงว่าในสนามแข่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แชมป์แต่ละวัน รวมถึงแชมป์ overall มักจะเป็นนักปั่นชื่อดังฟอร์มดี แต่ก็มีหลายครั้งที่เป็นม้ามืด หรือเป็นคนที่เราเคยได้ยินชื่อ แต่ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเขาเป็นยังไง คนหนึ่งที่อยากให้รู้จักกันมากขึ้นในวันนี้คือเกอเรนท์ โทมัส แชมป์สเตจ 1 จากทีม Sky ครับ
The ‘G’ Man
เกอเรนท์ โทมัส (Sky) เป็นนักปั่นสัญชาติเวลส์ในเครือสหราชอาณาจักรวัย 31 ปี ผมเชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเขาในฐานะผู้ช่วยคริส ฟรูมและแบรดลีย์ วิกกินส์ แต่เมื่อดูผลงานย้อนหลังแล้ว ก็ยากจะเชื่อว่าเขาเป็นเพียงแค่ “ผู้ช่วย” ของทีม
G (ชื่อเล่นของโทมัส) ลงแข่ง Tour de France ครั้งแรกด้วยวัย 21 ปีกับทีม Barloworld (ทีมที่ฟรูมเข้าสังกัดเป็นทีมแรก) โดยพื้นฐานเขาเป็นคนที่ปั่น Time Trial ได้ดี สเตจแรก Prolouge Time Trial เขาจบด้วยอันดับ 45 แต่จบรายการด้วยอันดับ 140 ซึ่งเป็นอันดับรองสุดท้ายในตารางเวลารวม
Homecoming
เขาอยู่กับ Barloworld ได้สองปี ก็ได้กลับเข้าสู้อ้อมกอดของประเทศบ้านเกิด เมื่อ British Cycling มีโปรเจ็คสร้างทีมเพื่อหาแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์สัญชาติอังกฤษในปี 2010 – โทมัสเป็นสมาชิกทีม Sky ชุดก่อตั้งที่เดวิด เบรลส์ฟอร์ดเรียกกลับไปรับใช้ชาติ เขายังไม่เชื่อตัวเองว่าจะสามารถเอาชนะนักปั่น Time Trial ที่ดีที่สุดในโลกและคว้าเสื้อเหลืองได้ตามฝัน
“ผมดูตูร์เดอฟรองซ์มาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ และมันเป็นจุดเริ่มต้นให้เข้าสู่วงการจักรยานครับ ที่ผมกลายมาที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโทรทัซน์ และได้ครองเสื้อตัวนี้… ตูร์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ของผม และเป็นแกรนด์ทัวร์ครั้งที่สิบสอง ผมไม่เคยได้แชมป์สเตจในตูร์ ยิ่งได้ทั้งแชมป์ทั้งเสื้อเหลือง มันเหนือคำบรรยายใดๆ ครับ”
จุดเริ่มต้นของโทมัสต้องย้อนไปสมัยที่เขายังเป็นวัยรุ่น โทมัสเกิดในเมืองคาร์ดิฟฟ์ในเวลส์ และเริ่มแข่งจักรยานตั้งแต่เด็ก ชัยชนะสนามท้องถิ่นสมัยวัยรุ่นทำให้เขาได้เข้าฝึกกับสถาบันจักรยานของอังกฤษและเริ่มฝึกซ้อมในโปรแกรมลู่ ซึ่งเป็นพื้นหลังการแข่งจักรยานของเขาทั้งหมด
The Olympic
ปี 2006 เขาคว้าเหรียญเงิน Team Pursuit ในศึกชิงแชมป์โลกจักรยานลู่ และปีต่อมาได้เป็นแชมป์โลกในรายการเดียวกัน ปี 2008 เขาเป็นตัวแทนทีมชาติอังกฤษในโอลิมปิก 2008 พร้อมกับแบรดลีย์ วิกกินส์, เอ็ด แคลนซี่, และ พอล แมนนิ่ง คว้าเหรียญทอง Team Pursuit พร้อมทำลายสถิติโลกถึงสองครั้ง
หลังจากที่เข้าเป็นสมาชิกทีม Sky เขาเริ่มเก็บผลงานในรายการสเตจเรซ ปีต่อมาเขาได้แชมป์ Road Race รายการแรกในสนาม Bayern-Rudnfahrt และได้เข้าร่วมทีมชาติอังกฤษอีกครั้งในสนามชิงแชมป์โลก Road Race ที่ช่วยมาร์ค คาเวนดิชคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จในปี 2011
ปี 2012 โทมัสกลับมาใช้ชาติอีกครั้งในลอนดอนโอลิมปิก ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ทีมผิดหวัง ทำลายสถิติโลกอีกครั้งพร้อมทุบทีมชาติออสเตรเลียใน Team Pursuit คว้าเหรียญทองได้อีกหนึ่งครั้ง
ในฐานะผู้ช่วยทีม โทมัสเป็นคนที่พึ่งได้เสมอ ตูร์เดอฟรองซ์ปี 2013 โทมัสล้มจนกระดูกสะโพกร้าว – อาการบาดเจ็บที่นักปั่นทุกคนไม่คิดจะแข่งต่อ แต่เขาตัดสินใจไม่ถอนตัว และอยู่ช่วยฟรูมจนได้แชมป์รายการเป็นสมัยแรก
หลังพ้นโอลิมปิก Team Sky เริ่มปั้นโทมัสให้เป็นนักแข่ง Road Race เต็มตัวด้วยความหวังที่ว่าเขาจะกลายเป็นตัวเต็ง GC คนใหม่ของทีม ด้วยทักษะการปั่น Time Trial ระดับโลกและฟอร์มการไต่เขาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ปี 2015 โทมัสชนะ overall รายการ Volta ao Algarve และที่ 5 ใน Paris-Nice
โทมัสเป็นนักปั่นที่รอบด้านอย่างแท้จริง เพราะไม่ใช่แค่สนามลู่และสเตจเรซที่ต้องต่อกรกับภูเขาสูงชัน เขายังปั่นสนามคลาสสิค one day race ได้ดีมากอีกด้วย ปี 2015 เขาคว้าแชมป์ E3 Harelbeke ในเบลเยียม และอันดับ 3 ใน Gent-Wevelgem ปีเดียวกันเขาช่วยคริส ฟรูม คว้าแชมป์ Tour de France สมัยที่สองและถึงจะเป็นผู้ช่วยก็ยังจบรายการด้วยอันดับ 15 overall
ปี 2016 โทมัสยังรักษาฟอร์มไต่เขาได้ดีต่อเนื่อง เก็บแชมป์ Volta ao Algarve สมัยที่สอง จากนั้นคว้าแชมป์ Paris-Nice ด้วยการเอาชนะอัลเบอร์โต้ คอนทาดอร์ (Tinkoff) ด้วยเวลาห่างกันเพียงแค่ 4 วินาที
ผลงานดีเด่นต่อเนื่องทำให้เขาได้ขึ้นนำทีม Sky ในแกรนด์ทัวร์เป็นครั้งแรกใน Giro d’Italia ปี 2017 แต่ก็ต้องถอนตัวกลางคันเพราะล้มบาดเจ็บ
“Giro 2017 มันเป็นความผิดหวังที่สุดในชีวิตครับ ใน Tirreno เราก็ดวงไม่ดีเลย (ล้อหน้าในรถ Time Trial ของทีมเสียหายในสเตจจับเวลาทีม โทมัสเสียเวลารวมจนหมดหวังคว้าแชมป์รายการ) พอรู้ว่าจะได้ลงแข่งตูร์ มันทำให้ผมมีกำลังใจซ้อมต่อครับ เสื้อเหลืองวันนี้มันกลบความผิดหวังช่วงต้นปีได้หมด”
มีนักปั่นหลายคนที่เริ่มเข้าวงการด้วยการชมมืออาชีพแข่งในโทรทัศน์ แต่มีไม่กี่คนที่จะข้ามมาอยู่อีกฟากของทีวีจนประสบความสำเร็จแบบโทมัส มันเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน แต่ก็คุ้มค่าในทุกหยาดเงื่อที่สละไป
ในภาพรวมแล้ว ความโดดเด่นของโทมัสนั้นออกจะละท้ายคล้ายแบรดลีย์ วิกกินส์ ที่สามารถปั่นจักรยานระดับสูงสุดได้หลายประเภทโดยไม่เสียเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เขาเริ่มจากการปั่นสนามลู่ในประเภทเปอร์ซูท ซึ่งนำไปสู่พื้นฐานการปั่น Time Trial ที่ดี ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ กับไหวพริบจากสนามลู่ ก็ทำให้เขาปั่นสนามแข่งสไตล์ Classic One Day Race ได้ดีด้วย สุดท้ายด้วยร่างกายที่ไม่ได้ใหญ่มีมวลกล้ามเนื้อเป็นปริมาณมาก เขาเปลี่ยนแนวการปั่นไปเป็นนักไต่เขาในสไตล์ Grand Tour Contender ได้ไม่ยาก ซึ่งผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาก็ยืนยันความเป็นเลิศของเขาได้เป็นอย่างดีครับ ก้าวต่อไปของโทมัสคงเป็นเรื่องการขึ้นนำแกรนด์ทัวร์ แต่คำถามสำคัญคือทีม Sky จะให้โอกาสเขามากแค่ไหนตราบที่คริส ฟรูมยังคงอยู่ร่วมทีมอยู่ จะเหมือนกับริชีย์ พอร์ทที่ออกไปเติบโตในทีมอื่นหรือเปล่า? ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ
ผลงานเด่น
Road Race
- แชมป์สเตจ Tour de France 2017
- แชมป์ Paris-Nice 2016
- แชมป์ Bayern-Rundfahrt 2011, 2014
- แชมป์ Volta ao Algarve 2015, 2016
- แชมป์ Tour of the Alps 2017
- แชมป์ Road Race อังกฤษ 2010
- แชมป์ E3 Harelbeke 2015
Track
- เหรียญทอง Team Pursuit UCI Track World Cup 2011
- แชมป์โลก Team Pursuit UCI Track World Championships 2007
- เหรียญทอง Team Pursuit Olympic (Beijing 2008)
- เหรียญทอง Team Pursuit UCI Track World Cup 2008 Copenhagen + Manchester
- เหรียญทอง Individual Pursuit + Team Pursuit UCI Track World Cup 2009
- เหรียญทองแดง Time Trial UCI Road World Championships
- เหรียญทอง Team Pursuit Olympic (London 2012)
