จากที่เราดูเส้นทาง Giro ไปในโพสต์ก่อนหน้า จะเห็นว่าปีนี้สเตจทางราบจริงๆ มีน้อยมากครับ เลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสปรินเตอร์ชื่อดังไม่ค่อยมาลงกัน ในมุมกลับ เราก็น่าจะได้เห็นผลงานของสปรินเตอร์หน้าใบหรือตัวรองที่อาจจะยังไม่มีผลงานมากนัก และการที่มีทีมสปรินเตอร์แข็งๆ น้อยก็แปลว่าเบรคอเวย์อาจจะมีโอกาสรอดเยอะด้วยเช่นกัน เช่นนั้นแล้วลองมาดูสปรินเตอร์ที่น่าสนใจกันว่ามีใครบ้างครับ
1. เอเลีย วิวิอานี (Quick-Step Floors)
จากรายชื่อสปรินเตอร์ทั้งหมด วิวิอานีภาษีดีที่สุดด้วยชัยชนะสนามใหญ่ 6 รายการ เยอะที่สุดในบรรดาสปรินเตอร์ทั้งเปโลตองในปี 2018 นี้ บวกกับมีทีมลีดเอาท์ที่ดีที่สุดใน Giro มีหัวลากแรงๆ อย่างฟาบิโอ ซาบาตินี่และไมเคิล มอร์คอฟคอยช่วย รวมถึงทีม Quickstep เองที่ไม่หวังผลงาน GC หรือสเตจเขาเลย เรียกได้ว่าฟิลด์ทีมมาช่วยวิวิอานี (หรือสตีบาร์ในบางสเตจ) ล้วนๆ
วิวิอานีหวังกับ Giro ปีนี้มากหลังจากที่ Sky ไม่ยอมให้เขาลงแข่งเมื่อปีที่แล้ว (เป็นสนามบ้านเกิดของเขา) และเจ้าตัวเองก็เคยมีแชมป์สเตจแกรนด์ทัวร์แค่ครั้งเดียว เป็นสเตจใน Giro ปี 2015 เพราะงั้นปีนี้ที่คู่แข่งไม่มาก เป็นโอกาสดีที่วิวิอานีจะไล่เก็บผลงานให้ได้เยอะๆ
2. แซม เบ็นเน็ต (Bora-Hansgrohe)
คนที่น่าลุ้นรองจากวิวิอานีก็คงไม่พ้นแซม เบนเน็ต สปรินเตอร์เบอร์สองรองจากปีเตอร์ ซากานประจำทีม Bora ปีที่แล้วที่เขาเดบิวต์ใน Giro ก็ขึ้นโพเดี้ยมไปถึง 4 ครั้ง แต่ยังไม่ชนะ เพราะปีที่แล้วเฟอร์นันโด กาวิเรีย (Quickstep) ร้ายกาจเกินจะต้านทาน กวาดแชมป์ไป 4 สเตจซ้อน
ปีนี้เบ็นเน็ตฟอร์มไม่ดีมากนัก จากอาการเจ็บป่วยทำให้ต้องถอนตัวจากเกือบทุกรายการที่ลงแข่ง แต่กลับมาโชว์ฟอร์มใน Volta Catalunya ที่ได้อันดับสองไปหนึ่งสเตจ
3. ยาคุบ มาเรซโก้ (Wilier Triestina)
สปรินเตอร์วัย 24 ปีจากโปแลนด์คนนี้น่าสนใจครับ ตรงที่แข่งมาแค่สองปีแต่กวาดชัยชนะมาแล้ว 35 สนาม ถามว่าทำไมไม่เคยได้ยินชื่อ?
นั่นก็เพราะน้องแกชนะแต่สนามเล็กนอกยุโรป (ทีมไม่มีโอกาสได้ลงแข่งรายการใหญ่ๆ มากนัก) แต่ก็เคยเอาชนะไบรอัน โคคอร์ เพราะงั้นใน Giro ปีนี้ก็น่าดูว่าเขาจะสู้กับรุ่นพี่อย่างวิวิอานีและเบ็นเน็ตได้ยังไงบ้าง
4. แอนเดรีย กอร์ดินี (Bardiani-CSF)
อีกคนที่ได้ยินชื่อบ่อย เพราะชนะสนามเล็กเยอะมาก (ชนะสเตจใน Tour de Langkawi ไปถึง 24 ครั้ง!) และเคยได้แชมป์สเตจใน Giro หนึ่งครั้งด้วยเมื่อปี 2012 เอาชนะมาร์ค คาเวนดิช! ก็น่าจับตาอีกคนครับ
5. แดนนี แวน พ็อพเพล (LottoNL-Jumbo)
คนนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้โชว์ผลงานเท่าไร มีแชมป์สเตจใน Vuelta หนึ่งครั้ง ปีนี้ชนะหนึ่งทีใน Volta Valenciana ในสเปน ปกติก็ติด Top 10 ในสเตจทางราบเรื่อยๆ ครั้งนี้ลง Giro เป็นครั้งแรก ดูกันว่าจะ breakthrough ได้หรือเปล่า
6. นิโคโล โบนิฟาซิโอ้ (Bahrain-Merida)
สปรินเตอร์ชาวอิตาเลียนอีกหนึ่งคนที่ฟอร์มกำลังเริ่มมาครับ ปีนี้ชนะหนึ่งครั้งใน Tour of Croatia เร็วใช้ได้ทีเดียว แต่การปิดเกมอาจจะยังต้องปรับปรุงนิดหน่อย
Stage 2: Haifa — Tel Aviv, 167km
ถ่ายทอดสด: 17:45-22:00 / เช็คลิงก์สตรีมมิงที่ duckingtiger.com/live
พอดีกับที่เราสปรินเตอร์ การแข่งขันสเตจ 2 วันนี้ก็เป็นทางราบซึ่งน่าจะจบด้วยการสปรินต์กลุ่มด้วย เป็นทางราบเรียบ ปั่นเลาะชายทะเลครับ จากเมือง Haifa ไปจบที่กรุงเทลอาวีฟ บอกตามตรงสเตจแบบนี้ไม่มีอะไรให้พรีวิวมากหรอกครับ เพราะเกมน่าจะจบด้วยการสปรินต์กลุ่ม อย่างดีก็มีเบรคอเวย์หลุดไป อย่างร้ายก็ตัวเต็งล้มเจ็บถอนตัวอะไรแบบนั้น
เกมจะเป็นยังไง?
เสื้อชมพูที่นำโดยทอม ดูโมลานตอนนี้ มีเวลาห่างสปรินเตอร์เยอะมาก เพราะงั้นพวกสปรินเตอร์เลิกหวังได้เลยว่าจะได้เสื้อผู้นำในสัปดาห์แรกนี้ ทำให้เกมน่าจะเป็นไปตามสูตรสเตจแกรนด์ทัวร์ทางราบ นั่นคือ จบด้วยการสปรินต์กลุ่ม เกมคุมโดยทีมสปรินเตอร์ ฝั่ง GC ก็ชิลล์อยู่ในกลุ่มอย่าให้หลุดให้ล้ม ฝั่งทีมเล็กก็หาทางเบรคอเวย์ออกทีวี และหวังสุดชีวิตว่าจะไม่โดนรวบจับก่อนถึงเส้นชัย (ยาก)
เส้นทางปั่นกันบนถนนลาดยางไฮเวย์ระหว่างเมือง แต่เลาะชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรีเนียน ถึงจะเลาะทะเลแต่เรื่องปัญหาจากกระแสลมก็ไม่น่ามีผลขนาดที่กลุ่มจะฉีกขาดได้ครับ สเตจมีจุด KOM นั่นหมายความว่าวันนี้มีเสื้อเจ้าภูเขาให้ชิง เดาได้เลยว่าทีม Israel Cycling Academy เจ้าถิ่นต้องส่งตัวหนี ทีมเล็กได้เสื้อผู้นำวันนึงนี่ก็หรูแล้ว
History Lessons
สิ่งหนึ่งที่ผมว่าผู้ชม (รวมถึง DT เองด้วย) มักจะมองข้ามไปในการแข่งแกรนด์ทัวร์พวกนี้ คือความสำคัญของสถานที่ที่การแข่งขันผ่านครับ มันมีเหตุผลว่าทำไม Tour of Italy ถึงต้องมาขี่ในอิสราเอล (คำใบ้: เงิน) แต่เขาอุตส่าห์ขนนักปั่น ขนจักรยานมาปั่นกันทั้งทีก็น่าจะทำความรู้จักสถานที่กันสักหน่อย
ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าสเตจนี้ผ่านเมืองสำคัญทางประวัติศาสตร์เยอะมากครับ ถ้าได้ปั่นตลองมาดูกันว่ามีเมื่องอะไรบ้าง
Haifa: เมืองจุดสตาร์ทของวันนี้ เป็นเมืองที่เก่าแก่มาก อยู่กันมาตั้งแต่ 1,400 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันเป็นเมืองสมัยใหม่ และมีความสำคัญเป็นรองแค่เยรูซาเล็มในเชิงประวัติศาสตร์ ใกล้ๆ ตัวเมืองมีภูเขาชื่อ Mt. Camel ที่ถูกกล่าวถึงในคำภีร์ไบเบิลบ่อยๆ ครับ
Akko: เมืองที่มีคนอยู่ติดต่อกันมายาวนานเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (ตั้งแต่ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล) Akko เป็นเมืองท่าสำคัญตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ เป็นเมืองที่มีบทบาทสมัยสงครามครูเสด และปัจจุบันยังมีอุโมงค์ใต้ตัวเมืองที่สร้างโดยอัศวินเทมพลาร์อยู่ ปัจจุบันเมือง
Caesaria: เมืองเล็กๆ ที่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโรมัน สร้างโดยพระราชา Herod แต่เมื่อถึงสมัยครูเสดก็โดดนถล่มจนแทบไม่เหลือเค้าความเป็นเมือง แต่เมื่อชาวบอสเนียอภยพย้ายมาตั้งถิ่นฐานในเมืองนี้ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง ปัจจุบันมีทรากอาคารโรมันเป็นจุดท่องเที่ยวหลายจุด
Netanya: เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของอิสราเอล จัดว่าเป็นเมืองสมัยใหม่อายุร้อยกว่าปีเท่านั้น เริ่มก่อร่างสร้างเมืองโดยกลุ่ม Zionist อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงเทลอาวีฟเท่าไร เมืองตั้งชื่อตามชายที่ชื่อ Nathan Straus หนึ่งในผู้ก่อตั้งห้างสรรพสินค้า Macy’s ซึ่งเขาได้บริจาคทรัพย์สินส่วนตัวกว่า 2 ใน 3 ในการพัฒนาเมืองนี้เพื่อให้เป็นที่อยู่ของทั้งชาวยิวและปาเลสไตน์
Tel Aviv: เมืองหลวงของอิสราเอล และเป็นเมืองใหม่อายุร้อยกว่าปีเช่นกัน (แต่อยู่ใกล้ๆ กับ Jaffa เมืองท่าเก่าที่อยู่ในเทลอาวีฟ ซึ่งอายุร่วม 10,000 ปีแล้ว!!) แต่ก่อนเคยถูกปกครองโดยหลายรัฐหลายประเทศสลับมือกันไปมา และเป็นสถานที่ๆ อาหรับและยิงปะทะกันบ่อยครั้งก่อนรัฐอิสราเอลจะถูกก่อตั้งในปี 1948 ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวยิว และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอิสราเอล มีประชากรประมาณ 480,000 คน
น่าเสียดายว่าเราคงได้เห็นเมืองพวกนี้แค่แว้บเดียวระหว่างแข่งครับ!