TDF Guide: เสื้อผู้นำ กฏการแข่งขัน และรางวัลใน Tour de France 2015

Editor’s Note: โพสต์นี้เป็น Part 2 ของพรีวิว Tour de France โดย Ducking Tiger จากทั้งหมด 7 ตอนครับ ซึ่งจะประกอบด้วย

  1. พรีวิวเส้นทางการแข่งขัน
  2. กฏการแข่งขันที่ควรรู้ เงินรางวัล และเสื้อผู้นำทั้ง 4 ประเภท (เพื่อความสนุกในการติดตามรับชม!)
  3. วิธีการรับชมถ่ายทอดสด / ไฮไลท์
  4. วิเคราะห์ตัวเต็งแชมป์รายการ (GC Contender)
  5. วิเคราะห์ตัวเต็งสปรินเตอร์
  6. วิเคราะห์ตัวเต็ง Time Trial + Stage Winner
  7. วิเคราะห์ฟอร์มทีมเข้าแข่งขันแต่ละทีม

กำหนดการแข่งขัน Tour de France: 4–26 กรกฏาคม

ตารางแข่งและลิงก์ถ่ายทอดสด: www.duckingtiger.com/live

* * *

เสื้อผู้นำใน Tour de France

ในการแข่งขันตูร์ เดอ ฟรองซ์จะมีรางวัลหลักๆ ให้ผู้ชนะ 4 ประเภท ผู้นำในแต่ละประเภทก็จะได้สวมเสื้อเจอร์ซีย์พิเศษเพื่อบ่งบอกสถานะผู้นำในหมวดหมู่นั้นๆ มีอะไรบ้างและให้คะแนนแต่ละหมวดยังไง มาดูกันทีละตัวครับ

1. Yellow Jersey: เสื้อเหลือง

Tour de France Stage 21 (8 of 18)

เสื้อเหลืองที่เราคุ้นเคยเป็นรางวัลที่สำคัญที่สุดในรายการให้สำหรับคนที่ทำเวลาปั่นได้น้อยที่สุด พูดง่ายๆ ก็คือคนที่ปั่นได้เร็วที่สุดในการแข่งขันนั่นเองโดยจะนับจากเวลาของทุกสเตจรวมกัน คนที่ใช้เวลาน้อยที่สุดก็จะได้เสื้อตัวนี้ไปสวมใส่ในแต่ละวัน ผู้ที่ได้ครองเสื้อเหลืองเราจะเรียกว่า “ผู้นำเวลารวม” (รวมเวลาจากทุกสเตจ) ภาษาอังกฤษเรียก Leader of the General Classification

ทำไมต้องเป็นสีเหลือง? สีเสื้อผู้นำในการแข่งขันจะมาจากสีของบริษัทสปอนเซอร์ต่างๆ ความเป็นมาของเสื้อเหลืองในตูร์นั้นมาจากสปอนเซอร์รายแรกของรายการ นสพ. L’Auto ซึ่งเป็น นสพ. ที่ใช้กระดาษสีเหลือง ปัจจุบันสปอนเซอร์เสื้อเหลืองคือธนาคาร LCL จากฝรั่งเศส มีสีหลักของบริษัทเป็นสีเหลืองเช่นกัน

ปีนี้ผู้จัดให้เวลาพิเศษ (Time Bonus) แก่ผู้ชนะสเตจ 10-6-4 วินาที สำหรับอันดับ 1-2-3 ของแต่ละสเตจ ยกเว้นสเตจ Time Trial

2. Green Jersey (Point Jersey): เสื้อเขียว

Tour de France Stage 21 (13 of 18)

เสื้อเขียวเป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้นำหมวดคะแนนรวม หรือคนที่ทำคะแนนรวมกันได้มากที่สุดจากทุกสเตจรวมกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นสปรินเตอร์ เพราะคะแนนในแต่ละสเตจนั้นจะให้กันที่จุดสปรินต์กลางสเตจและที่เส้นชัย โดยจะให้คะแนนในสเตจทางราบมากกว่าสเตจภูเขา เราเลยเรียกรางวัลนี้ว่าเสื้อเจ้าความเร็วนั่นเอง สปอนเซอร์เสื้อเขียวคือบริษัท PMU จากฝรั่งเศส คะแนนแต่ละสเตจแบ่งตามค่าสัมประสิทธิ์ (Coefficient) ของแต่ละสเตจ 4 ระดับตามความชัน

  • สเตจทางราบและสเตจโรลลิ่ง (coefficient 1) ให้ 50–30–20–18–16–14–12–10–8–7–6–5–4–3-2 คะแนนสำหรับ 15 คนแรกที่เข้าเส้นชัย
  • สเตจภูเขา (coefficient 2/3) ให้ 25–22–19–17–15–13–11–9–7–6–5–4–3-2 คะแนนสำหรับ 15 คนแรกที่เข้าเส้นชัย
  • สเตจภูเขาสูงชัน (coefficient 4/5) ให้ 20,17,15,13,11,10,9,8,7, 6,5,4,3,2,1 คะแนนสำหรับ 15 คนแรกที่เข้าเส้นชัย
  • สเตจ Individual Time Trial ให้ 20–17–15–13–11–10–9–8–7–6–5–4–3–2–1 คะแนนสำหรับ 15 คนแรกที่เข้าเส้นชัย
  • จุดสปรินต์กลางสเตจให้ 20–17–15–13–11–10–9–8–7–6–5–4–3–2–1 คะแนนสำหรับ 15 คนแรกที่เข้าเส้นชัย

ค่าสัมประสิทธิ์ของแต่ละสเตจดูได้จากตารางข้างล่างนี้

tour2015stagecoefficients-1

การที่ผู้จัดให้น้ำหนักคะแนนสำหรับเสื้อเขียวต่างกันนั้นก็เพราะว่า เขาอยากให้รางวัลนี้ตกเป็นของสปรินเตอร์ที่เก็บคะแนนหน้าเส้นชัย (จากการสปรินต์ชนะสเตจ) ได้เยอะที่สุด ซึ่งโดยปกติแล้วสปรินเตอร์นั้นแทบไม่มีโอกาสคว้าแชมป์ Tour de France ได้ครับ (ลักษะทางกายภาพไม่เอื้อต่อการไต่เขาทำให้ทำเวลารวมได้แย่กว่านักไต่เขาเพียวๆ) รางวัลเสื้อเขียวจึงเป็นเป้าหมายสูงสุดของสปรินเตอร์หลายๆ คน สเตจทางราบจึงให้น้ำหนักคะแนนสำหรับเสื้อเขียวเยอะกว่าสเตจภูเขา

3. Polkadot Jersey (King of the Mountain): เสื้อลายจุด

Tour de France stage 17 (1 of 9)

เสื้อลายจุดมอบให้นักปั่นที่ทำคะแนนหมวดภูเขารวมกันได้เยอะที่สุด คะแนนหมวดภูเขาจะมอบให้ที่ยอดเขาในแต่ละสเตจ จำนวนคะแนนมากน้อยแบ่งตามระดับความยากของภูเขา ยิ่งยากมาก สูงชันมากก็ได้คะแนนมาก สปอนเซอร์เสื้อเจ้าภูเขาคือคาร์ฟูร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่จากฝรั่งเศส

  • ภูเขาที่ชันที่สุด (Hors Categorie) ให้ 25,20,16,14,12,10,8,6,4,2 คะแนนสำหรับ 10 คนแรก
  • Category 1 ให้ 10,8,6,4,2,1 คะแนนตามลำดับ
  • Category 2 ให้ 5,3,2,1 คะแนนตามลำดับ
  • Category 3 ให้ 2,1 คะแนนตามลำดับ
  • Category 1 ให้ 1 คะแนน (คนเดียว)
  • ในสเตจที่เส้นชัยจบบนยอดเขา (สเตจ 10, 12, 17, 19, 20) จะให้คะแนนบนเขาลูกสุดท้ายเพิ่มเป็นสองเท่า

 

4. White Jersey: เสื้อขาว

Tour de France stage 18 (4 of 8)

เสื้อขาวมอบให้กับนักปั่นที่อายุต่ำกว่า 25 ปีที่ทำเวลารวมได้น้อยที่สุด (นับเวลาเหมือนเสื้อเหลือง)

Note

1. ถ้าสมมตินักปั่นได้เสื้อสองตัวพร้อมๆ กันเขาจะใส่ได้แค่ตัวเดียว โดยจะเป็นเสื้อที่มีเกียรติสูงกว่าแล้วให้นักปั่นที่้ได้อันดับสองในอีกหมวดใส่เสื้อตัวที่สองครับ เช่น หากนักปั่น A ได้ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อเจ้าภูเขา ในเสตจถัดไป A จะใส่ได้แค่เสื้อเหลือง ส่วนเสื้อเจ้าภูเขาจะให้นักปั่นที่มีคะแนนเป็นอันดับสองในรายการเจ้าภูเขาเป็นคนใส่

2.  คนที่ปั่นได้ดุเดือดที่สุด เช่นออกโจมตี หรือหนีเดี่ยวใน breakaway จะได้รางวัล “Most Aggressive” ซึ่งจะเป็นป้ายเบอร์นักแข่งสีแดง และมีเงินรางวัลให้ในแต่ละวัน กรรมการจะเป็นคนตัดสินว่าใครจะได้ ไม่มีเกณฑ์ชัดเจนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของกรรมการสนามแข่ง

* * *

เงินรางวัล

  • ผู้ชนะสเตจในแต่ละวันจะได้รับ 8,000 ยูโร อันดับสอง 4,000 ยูโร และลดลงเรื่อยๆ จนถึงอันดับ 20 ซึ่งจะได้รับ 200 ยูโร
  • แชมป์รายการจะได้เงินรางวัล 450,000 ยูโร หรือราวๆ 16 ล้านบาท อันดับสอง 200,000 ยูโร และอันดับสาม 100,000 ยูโร จากนั้นจะลดหลั่นลงมาตามนี้ อันดับ 4 ถึง 25 ได้ €70,000, €50,000, €23,000, €11,500, €7,600, €4,500, €3,800, €3,000, €2,700, €2,500, €2,100, €2,000, €1,500, €1,300, €1,200, €1,000, €950, €900, €850, €750, €700 € 650 ตามลำดับ
  • อันดับ 26-30 ได้คนละ €600
  • อันดับ 31-40 ได้คนละ €550
  • อันดับ 41-50 ได้คนละ €500
  • อันดับ 51-90 ได้คนละ €450
  • ส่วนคนอื่นๆ ที่แข่งจนจบจะได้คนละ €400
  • โดยปกติแล้วทีมจะนำเงินรางวัลทั้งหมดมารวมกันแล้วหารเฉลี่ยทีเดียวแบ่งให้ทั้งนักปั่นและสตาฟหลังการแข่ง ไม่ใช่ว่านักปั่นคนที่ชนะรายการจะได้รางวัลไปทั้งหมดคนเดียว เพราะกีฬาจักรยานทางไกลเป็นงานที่แข่งกันเป็นทีมครับ ถ้าแชมป์รายการใจดีก็มักจะซื้อของขวัญราคาแพงให้เพื่อนร่วมทีมด้วย
ชนะ 1 สเตจ แชมป์รับไป 8,000 ยูโร หรือราวสามแสนบาท!
ชนะ 1 สเตจ แชมป์รับไป 8,000 ยูโร หรือราวสามแสนบาท!

นอกจากนี้ยังมีเงินรางวัลอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่น

  • คนที่สวมเสื้อเหลืองจะได้เงินรางวัลวันละ €350 ยิ่งใส่หลายวันยิ่งได้เยอะ! ส่วนผู้นำคนอื่นๆ ที่ใส่เสื้อเขียว ขาว และลายจุด จะได้คนละ €300
  • €25,000 สำหรับแชมป์เจ้าความเร็วและเจ้าภูเขา (เสื้อเขียว/ เสื้อลายจุด)
  • €20,000 สำหรับแชมป์ Best Young Rider (เสื้อขาว)
  • €2,000 สำหรับนักปั่นที่บู๊ได้ถูกใจกรรมการ (Most comabtive rider) ในแต่ละวัน วันสุดท้าย (สเตจ 21) จะได้เยอะเป็นพิเศษที่ €20,000
  • €2,800 สำหรับทีมที่ทำเวลารวมได้ดีที่สุดในแต่ละวัน (นับจากเวลารวมของนักปั่นที่ทำเวลาได้ดีที่สุด 3 คนแรกของทีม) ทีมที่ทำเวลารวมนำได้จนถึงวันสุดท้ายก็จะชนะหมวด Team Classification และได้เงินรางวัล €50,000
  • ทุกๆ ทีมจะได้รับเงินจำนวน €51,243 สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการแข่งขัน
  • รวมแล้วเงินรางวัลในรายการ Tour de France ทั้งหมดคิดเป็น €3,412,546 หรือราวๆ 150 ล้านบาท 

* * *

ตอนต่อไป Part 3 เราจะมาดู ช่องทางวิธีการรับชมถ่ายทอดสด / ไฮไลท์การแข่งขันครับ

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *