ถึงจักรยานรุ่นใหม่ๆ จะหันไปใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์กันหมด แต่ก็ใช้ว่าวัสดุอย่างอลูมินัมจะหยุดพัฒนาไปเลย ช่วงปีที่ผ่านมาเราเห็นแบรนด์จักรยานใหญ่หลายแบรนด์เปิดตัวจักรยานอลูมินัมประสิทธิภาพสูงกันไม่ว่าจะเป็น Trek Emonda ALR, Cannondale CAAD12 หรือจะเป็น BMC ALR01
ล่าสุดเป็นคิวของ Specialized ที่เปิดตัวเฟรม Allez Sprint จับเอาเทคโนโลยีการเชื่อม Smartweld มาใช้กับบริเวณกระโหลก พร้อมขึ้นรูปทรงท่อเฟรมแอโรไดนามิกซึ่ง Specialized อ้างว่ามีความสติฟเทียบเท่ากับเฟรม Tarmac เลยทีเดียว และลู่ลมกว่า Allez ตัวก่อนไม่น้อยครับ
Stiff Bottom Bracket
จุดเด่นที่สุดของเฟรม Allez Sprint คือบริเวณกระโหลก (Bottom Bracket) ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก รูปทรงก็ดูคล้ายกระโหลกของเฟรมคาร์บอน ห้องกระโหลกนี้ดูเหมือนจะทำจากวัสดุชิ้นเดียว แต่จริงๆ แล้วผลิตจากโครงอลูมินัมสามชิ้นที่เชื่อมด้วยกระบวนการ Smartweld ซึ่งทำให้ได้กระโหลกที่น้ำหนักเบา แข็งแรง สติฟเทียบเท่ากระโหลกคาร์บอน ขนาดกระโหลกที่กว้างขึ้นก็ทำเฟรมรองรับ Chainstay, Downtube และ Seat Tube ขนาดใหญ่กว่าเดิม ช่วยให้ส่งแรงได้ดีเหมือนการออกแบบเฟรมคาร์บอนร่วมสมัย
Chuck Teixeira วิศวกรของ Specialized อธิบายว่า บริเวณที่เชื่อมท่อล่าง (Down Tube) กับกระโหลกนั้นมีการ “พับ” (rolled) ก่อนที่จะเชื่อม ลองนึกถึงกระป๋องน้ำอัดลมที่ผ่าครึ่ง ขอบกระป๋องฝั่งที่ถูกผ่านั้นไม่แข็งแรง อ่อนและบิดเบี้ยวได้ง่าย แต่ถ้าเราพับอลูมินัมบริเวณขอบเข้าหลายๆ ทบ กระป๋องก็จะแข็งแรงขึ้นทันทีโดยที่น้ำหนักกระป๋องยังเท่าเดิม
วิธีการ Smartweld ของ Specialized ก็ใช้หลักการเดียวกัน Specialized เลื่อนจุดเชื่อมท่อล่างกับกระโหลกออกจากบริเวณกระโหลกโดยตรงเหมือนการผลิตเฟรมอลูมินัมรุ่นก่อนๆ ทำให้โครงสร้างเฟรมแข็งแรงขึ้น เชื่อมได้ง่ายขึ้นและคุณภาพการเชื่อมได้มาตรฐานมากขึ้น โดยปกติ บริเวณกระโหลกนั้นรับแรงกระทำหลายทาง การเลื่อนจุดเชื่อมออกจากกระโหลกก็ช่วยให้เฟรมมีความทนทานมากขึ้นนั่นเอง
ในอนาคต Specialized มีแผน ที่จะใช้เทคโนโลยี Smartweld กับจักรยานประเภทอื่นด้วยเช่น เสือภูเขา จักรยาน Urban และจักรยาน Time Trial
สำหรับน้ำหนักเฟรม Specialized กล่าวว่าไม่ได้สนใจเรื่องน้ำหนักเป็นพิเศษ แต่ต้องการพัฒนาการตอบสนองแรงปั่นมากกว่า น้ำหนักเฟรมรุ่นทดลองอยู่ที่ราวๆ 1,100 กรัมสำหรับไซส์ M
Specialized ไม่ได้ระบุว่าเฟรมนี้ลดแรงต้านลมมากกว่า Allez เดิมเท่าไร
สับจานหน้าหายไปไหน?
ถ้าสังเกตภาพข้างบน คุณจะเห็นว่าเฟรมตัวนี้ไม่มีที่ยึดสับจานหน้า นั่นก็เพราะ Specialized ตั้งใจออกแบบ Allez Sprint มาให้เป็นเฟรมที่ใช้แข่งไครทีเรียมโดยเฉพาะ (ไครทีเรียมแข่งกันด้วยความเร็วสูง ในทางราบเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องใช้จานเล็ก) ก็ช่วยลดน้ำหนักรวมจักรยานได้เล็กน้อยและลดความเสี่ยงสับจานมีปัญหาในกรณีที่เจออุบัติเหตุระหว่างแข่ง ออกจะดูเป็นการออกแบบเฟรมที่เฉพาะทางมากสำหรับคนไทย แต่ในอเมริกา ตลาดหลักของ Specialized นั้น นักปั่นนิยมแข่งไครทีเรียมกันมาก และจักรยานสไตล์ “Crit Bike” เฟรมอลูมินัม ความสติฟสูง แข็งแรงทนทาน ก็เป็นเซกเมนต์ที่มีความต้องการสูง
อย่างไรก็ดีนั่นหมายความว่าเฟรมนี้ไม่ใช่สำหรับทุกคน เพราะถ้าอยากใช้เกียร์เบาก็ทำไม่ได้ เฟรม Specialized Allez Sprint ล็อตแรกที่วางขายเดือนกันยายนนี้จะมากับชุดเกียร์ Sram Rival 1 หรือ Sram Force 1 เท่านั้น ส่วนใครที่อยากได้เวอร์ชันที่รองรับสับจานหน้าก็ต้องรอไปถึงเดือนธันวาคมถึงจะเริ่มวางจำหน่ายเวอร์ชันปกติ
Specialized Allez Sprint Comp X1 ราคา $2,000 มากับชุดเกียร์ SRAM Rival 1
Specialized Allez Sprint Expert X1 ราคา $2,600 มากับชุดเกียร์ SRAM Force 1
เฟรมเซ็ต Allez Sprint ราคา $900
Source: Specialized Allez Sprint Page
