วิโนล้มมวยสนาม Liege? The curious case of Vinokurov

ถ้าใครติดตามสนามแข่งจักรยานถนนมาสัก 4-5 ปีน่าจะเคยได้ยินกรณีของอเล็กซานเดอร์ วิโนคูรอฟ อดีตนักปั่นทีม Astana (ปัจจุบันเขาเป็นผู้จัดการทีม) มีคดี “ล้มมวย”​ รายการแข่ง Liege-Bastonge-Liege ปี 2010 ที่เขาได้แชมป์รายการ ในวันนั้นมีแค่อเล็กซานเดอร์ โคลอบเนฟ (Katusha) และวิโนคูรอฟที่หลุดมาในกลุ่มหน้าก่อนเข้าเส้นชัย

ข้อกล่าวหาคือ โคลอบเนฟ “ขาย” ชัยชนะรายการให้กับวิโนคูรอฟด้วยราคา 150,000 ยูโร (ราวๆ 6.3 ล้านบาท) หลักฐานก็มาจากอีเมล์ระหว่างทั้งสองคนที่ นสพ. L’Illustre จากสวิสแอบไปได้มา (ยังไงก็ไม่ทราบ) ข้อความก็มีประมาณนี้ครับ

โคลอบเนฟ (26 เมษา):

“Remember that for me it was a great chance. I do not know if I was right to do what I did. Not so much because of our agreement, but mostly because of my feelings towards you and towards your situation. Even my wife was not too bothered by the fact that I was second, because you were the first. If it had been someone else in your place there, I would have gone for the win, glory and bonus (I have this in my contract for the classics). That day I felt stronger than ever.

“Now it only remains for me to wait patiently to see if all this was not vain. Here is a copy of all my bank details; clear this from your mail box or I risk having my balls cut off. [Bank details allegedly follow]: Let me know, I’ll check the operation and that everything went well. Good luck in the Giro!”

“ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกหรือเปล่า ไม่เกี่ยวกับเรื่อง “สัญญา” ของเราหรอกนะ แต่เป็นเรื่องความรู้สึกของผมต่อคุณมากกว่า ภรรยาผมก็ไม่ได้เสียใจที่ผมได้ที่สอง ถ้าคู่แข่งไม่ใช่คุณผมคงไม่ยอมและออกแซงหนีไปแล้ว เพราะวันนั้นผมฟอร์มดียิ่งกว่าตอนไหนๆ ถ้าผมชนะผมจะได้ทั้งเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเงินทองจากสัญญาค่าตัวใหม่ หลังจากนี้ก็ต้องดูกันว่าสิ่งที่ผมเสียสละไปจะสูญเปล่าหรือเปล่า รายละเอียดบัญชีธนาคารของผมอยู่ในอีเมล์นี้ และลบทิ้งด้วยเมื่อคุณใช้เสร็จแล้ว ตอบกลับด้วยถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โชคดีในการแข่งจิโรนะ!”

วิโนคูรอฟ (8 พฤษภา):

“Excuse me for having a long delay in answering you, I was busy at home with the children, the Giro, etc… You have done everything properly, do not worry. As you say, the earth is round and God sees everything… So, again thank you. You will finally win the championship this year, I believe. Do not worry for the agreement, I will do it. Wait just a little. Take care. Vino.”

“ขอโทษที่ใช้เวลานานกว่าจะตอบกลับนะ ผมยุ่งอยู่กับลูกๆ และการแข่งขันจิโร คุณทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกังวลหรอก โลกมันกลมและพระเจ้ามองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง (สำนวน) ขอบคุณ… ผมเชื่อว่าคุณจะชนะแชมป์โลกแน่นอนในปีนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อตกลง ผมจะจ่ายแน่นอน รอสักนิด โชคดี. วิโน”

360

ใจความสำคัญก็คือ อีเมล์ทั้งสองฉบับนี้เกิดขึ้นหลังการแข่ง ซึ่งเข้าใจได้ว่าในช่วงสุดท้ายของการแข่งนั้นทั้งสองคนอาจจะตกลงราคากันก่อนที่จะเข้าเส้นชัย ข่าวเริ่มกระพือในช่วงธันวาคมปี 2011 แต่นักปั่นทั้งคู่ก็ปฏิเสธตลอดมาว่าไม่เคยสมรู้ร่วมคิดกัน เมื่อทาง UCI รู้เรื่องก็เริ่มเปิดคดีสืบสวนสอบสวนแต่ก็ไม่มีความคืบหน้าและหยุดมาพักหนึ่งแล้ว

ล่าสุดทางศาลเมืองลิเอจ (Liege) ตัดสินฟ้องทั้งคู่โทษฐานทุจริต โกงการแข่งขัน ซึ่งการสมรู้ล้มมวยนั้นผิดทั้งกฏหมายอายาและผิดกฏ UCI ข้อ 1.2.081 ตามที่สมาคมจักรยานไทยแปลไว้ตามนี้

1.2.081 นักขี่ทั้งหลาย ควรปกป้องโอกาสของตนเองอย่างมีน้ำใจนักกีฬา การสมรู้ร่วมคิด หรือ ความประพฤติ เหมือนที่จะทำให้เป็นโมฆะ หรือต่อต้านผลประโยชน์ของการแข่งขัน ควรจะถูกห้าม

เรื่องนี้มันคุ้นๆ นะ!?

จริงๆ การสมรู้ร่วมคิดในการแข่งขันจักรยานไม่ใช่เรื่องแปลกครับ ว่ากันตรงๆ ก็เกิดขึ้นทุกวัน ทุกสนามอยู่แล้ว ลองนึกถึงสถานการณ์เบรคอเวย์ต่างทีมที่หนีออกไปด้วยกันและช่วยกันผลัดนำเพื่อหวังหนีการไล่จับของกลุ่ม peloton ด้านหลัง? หรืออีกกรณีที่ชัดกว่าก็อาจจะเป็น เบรคอเวย์สองคนช่วยกันขึ้นเขา คนหนึ่งหวังแชมป์สเตจ คนหนึ่งหวังอันดับ GC ด้วยเวลาที่ดีกว่าคู่แข่ง นักปั่น GC อาจจะขอให้คนที่หวังแชมป์สเตจช่วยลาก แล้วสัญญาว่าจะไม่ทุบขึ้นแซงหน้าเส้นชัย ถ้าตกลงกันได้ก็ถือว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดเช่นกัน แต่กลับไม่ผิดกฏและทุกคนยอมรับว่าเป็นธรรมชาติของการแข่งจักรยานถนน ลองดูตัวอย่างตูร์ปีที่แล้วที่ฟรูมพยายามบอกให้คินทานาช่วยปั่นให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะทิ้งห่างคู่แข่ง ฟรูมสัญญาว่าจะให้แชมป์สเตจกับคินทานาทีหลัง (แต่สุดท้ายก็ออกแซงหนีคินทานาไป)

แน่นอนว่าเป้าหมายและหลักการอาจจะไม่ฉ้อฉลเหมือนกรณีวิโนและโคลอบเนฟ เพราะเวลาถึงเส้นชัยก็อาจจะไม่ทำตามสัญญาหรืออาจจะโดนกลุ่มหลักไล่จับก่อนก็ได้ แต่ชัดเจนว่าคอนเซปต์ไม่ต่างกันมาก และถ้าต้องโต้แย้งกันจริงๆ เคสอย่างฟรูมกับคินทานาก็อาจจะผิดกฏ ที่เขาไม่แย้งก็เพราะการกระทำเช่น “ให้รางวัลเพื่อนร่วมทีม หรือเพื่อนร่วมกลุ่มหนีด้วยแชมป์สเตจ” เป็นธรรมเนียมการแข่งขันไปเสียแล้ว

กรณีนี้ก็อาจจะแสดงให้เห็นถึงความย้อนแยงระหว่างกฏและ “ธรรมเนียม” ในเกมการแข่งจักรยานถนนได้ดีครับ แน่นอนว่าเคสการสมรู้ร่วมคิดระหว่างวิโนและโคลอบเนฟนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าทั้งสองคนไม่ใช่นักปั่นที่แกร่งที่สุดในสนามวันนั้น Liege เป็นรายการที่ศักดิ์สิทธิ์เกือบที่สุดในรอบปีการแข่ง ไม่แพ้ Paris-Roubaix ซึ่งการันตีได้ว่าผู้ชนะจะได้อัปค่าตัวและเลื่อนตำแหน่งในทีมแน่นอน ก็น่าสนใจว่าทำไมโคลอบเนฟถึงจะ “ยอม” แลกเงินจำนวนหกล้านบาท ไม่ลองเสี่ยงวัดดวงกับวิโนที่หน้าเส้นชัย? (จริงๆ แล้วคือวิโนสปรินต์ได้ดีกว่า แต่ถึงตรงนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่าใครจะมีไม้ตายดีกว่ากัน) ค่าตัวของโคลอบเนฟอาจจะไม่มากเหมือนวิโน เงินทองเป็นของต้องใช้ จะอย่างไรก็ดี ตอนนี้ทั้งคู่ก็ต้องเตรียมรับมือหาทนายมาแก้ความแล้วหละครับ เพราะคดีนี้ไม่ใช่แค่ผิดกฏการแข่งแต่เรียกว่าผิดกฏหมายอาญาถึงขั้นจำและปรับเลยทีเดียว

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *