Tour de France จบแล้วดูอะไรต่อดี? พรีวิว Ride London, San Sebastian, Tour of Poland

Tour de France จบแล้วแต่ฤดูกาลแข่งจักรยานอาชีพยังคงเดินต่อกันจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมครับ และสุดสัปดาห์นี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กค. เป็นต้นไปเราก็มีสนามเด็ดๆ ให้ดูกันอย่างจุใจทีเดียว เริ่มจากวันเสาร์นี้กับสนามคลาสสิค  Classica San Sebastian ในสเปน และสเตจเรซหนึ่งสัปดาห์ที่โปแลนด์กับรายการ Tour of Poland ส่วนวันอาทิตย์มีอีกหนึ่งรายการคลาสสิคในลอนดอนกับสนาม Prudential RideLondon ครับ

ทั้งสามรายการเป็นสนามแข่งระดับ WorldTour Race  หรือดิวิชันสูงสุด หมายความว่าจะมีนักแข่งชื่อดังลงแข่งกันทั้งสามสนามครับ มาดูกันว่าเส้นทางแต่ละรายการเป็นอย่างไรและมีใครลงแข่งที่น่าติดตามบ้าง

 

1. Classica San Sebastian – 231km

ถ่ายทอดสดวันเสาร์ 29 ก.ค. เวลา 20:30 / เช็คลิงก์ที่ DT Live

รายการแรกเป็นสนามคลาสสิควันเดียวจบอายุ 37 ปีจากสเปน Classica San Sebastian ซึ่งเป็นสนามที่ยากและท้าทายที่สุดรายการหนึ่งของปีครับ มีเนินเขาที่ต้องปีนถึง 8 จุดและระยะทางยาวร่วม 231 กิโลเมตร เขาลูกสุดท้ายเป็นจุดที่ท้าทายที่สุดด้วยความยาว 2.5 กิโลเมตรและชันเฉลี่ยถึง 9% ต่อด้วยทางตรงยาว 7 กิโลเมตรเข้าเส้นชัย เป็นเกมที่น่าสนใจเพราะแชมป์มีได้สองแบบคือนักปั่นสายคลาสสิคกระแทกขึ้นเนินเร็วๆ และหนีเดี่ยวได้ยาวๆ กับพวกนักไต่เขาที่ต้องหนีในจังหวะขึ้นเขาให้ได้เวลาห่างมากๆ จะได้มีระยะห่างให้ข้างหลังไล่จับไม่ทัน

ปกติแล้วเกมมักจะตัดสินกันที่เขาลูกสุดท้าย ไม่ค่อยมีนักแข่งโจมตีกันก่อนหน้า เลือกที่จะเก็บแรงไว้หนีกันจังหวะเดียวมากกว่า

แชมป์ปีที่แล้วเป็นบอเก้ โมเล็มม่า (Trek-Segafredo) ที่โซโล่เดี่ยวเข้าเส้นชัยครับ

 

ตัวเต็งมีใครบ้าง? (startlist)

  • ไซมอน เยทส์ (Orica-Scott): ปั่นเพื่อ GC ในตูร์ เพราะงั้นฟอร์มอาจจะเริ่มตก ผลงานที่ดีที่สุดคืออันดับ 7 ในปี 2016 พอมีลุ้นแต่ยากเหมือนกัน
  • โทนี กาโลแพน (Lotto-Soudal): ลงตูร์เหมือนกันแต่ไม่ได้เล่นเกม GC เพราะงั้นมีลุ้นและฟอร์มดีทีเดียว เขาเคยได้แชมป์รายการนี้ในปี 2013 และปีที่แล้วก็ได้อันดับสอง ถ้าจบด้วยการสปรินต์จากกลุ่มเล็ก กาโลแพนภาษีดีกว่าคนอื่น
  • บอเก้ โมเล็มม่า (Trek-Segafredo): ลงตูร์เพื่อช่วยคอนทาดอร์แต่ยังได้แชมป์สเตจ ฟอร์มดีแต่ไม่รู้จะพีคถึงรายการนี้ไหม เพราะเขาลงแข่ง Giro d’Italia มาก่อนด้วย (ได้อันดับ 7) เราเห็นเขาช่วยคอนทาดอร์ต่อเนื่องในสเตจภูเขาเพราะงั้นฟอร์มอาจเริ่มมีตกเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ครับ แชมป์เก่ารู้งาน
  • เกร็ก แวน เอเวอร์มาร์ท (BMC): อาวุธลับของ BMC ในตูร์ที่ไม่ถูกใช้งาน ได้ที่ 4 สองสเตจ และที่สองหนึ่งสเตจ แต่ไม่ได้แชมป์สเตจกลับบ้าน GVA ยังมีรอยแผลเก่ากับรายการนี้เพราะสองปีก่อนเขาถูกมอเตอร์ไซค์ผู้จัดชนล้ม ทั้งๆ ที่กำลังหนีเดี่ยวเพื่อไปคว้าแชมป์รายการ เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งที่น่าติดตามเพราะคงเซฟแรงจากตูร์ไว้พอสมควรครับ  ปีที่แล้วได้อันดับ 5
  • อเล็กซิส วิลเยอร์มอซ (AG2R): ผู้ช่วยของโรมัน บาเดต์ในตูร์และถนัดสนามคลาสสิคสไตล์นี้ เป็นนักไต่เขาชั้นดีคนหนึ่งของเปโลตอง มีโอกาสลุ้น Top 10
  • ฟิลลิป จิลแบร์ (Quickstep): สถานการณ์เดียวกับ GVA คือลงตูร์แต่ถอนตัวกลางคันและยังไม่ได้โชว์ฟอร์มเท่าไร  เคยเป็นแชมป์รายการนี้ปี 2011 และเป็นชาวเบลเยียมคนเดียวที่เคยชนะรายการนี้ครับ ถ้าจะมีอะไรที่ทำให้เขาไม่ได้แชมป์ก็คงเป็นเขาลูกสุดท้าย ซึ่งอาจจะชันเกินสำหรับจิลแบร์
  • มิเคล แลนด้า (Sky): ฟอร์มดีสุดๆ กับอันดับ 4 ใน Tour de France แต่เขาจะลงแข่งเพื่อเอาแชมป์หรือเปล่าอันนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะก็ถวายตัวช่วยฟรูมไปเยอะอยู่และลงแข่ง Giro มาก่อนด้วย
  • มิฮาล เควียทคอฟสกี้ (Sky): เช่นเดียวกับแลนด้า แต่น่าจะแรงเหลือเยอะกว่าและคงถนัดเส้นทางแบบนี้กว่าแลนด้าครับ เป็นอีกคนที่น่าลุ้น Top 5
  • วาร์เรน บากิลล์ (Sunweb): จะบอกว่าเป็นสุดยอดนักปั่นประจำตูร์ปีนี้ก็คงไม่ผิด จบการแข่งขันด้วยอันดับ 9 overall, คว้าแชมป์สองสเตจ และคว้ารางวัลเสื้อเจ้าภูเขากลับบ้าน แถมยังเกาะกลุ่มกับตัวเต็ง GC ได้สบายๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าแรงเหลือเยอะแค่ไหน แต่เขามากับแผนสองคือทอม ดูโมลาน แชมป์ Giro ปีนี้ครับ
  • ริกโอเบอร์โต้ อูราน (Cannondale): อันดับสองตูร์และปั่นรายการคลาสสิคได้ดี แต่จะมีแรงเหลือมั้ย?
  • ดิเอโก้ อูลิซซี่ (UAE): สายระเบิดเนินและมีลูกสปรินต์แถมยังไต่เขาได้ดีเป็นพิเศษ เซียนเรื่องการ snipe ขโมยซีนเบรคอเวย์ หนีไปคว้าแชมป์สเตจในแกรนด์ทัวร์หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่ค่อยจะชนะในรายการอื่นนอกจาก Giro ครับ น่าติดตามว่าจะปั่นยังไง เพราะเป็นคนที่สไตล์การปั่นเหมาะกับเส้นทางนี้ด้วย

 

2. Prudential Ride London Classic

ถ่ายทอดสด วันอาทิตย์ 30 ก.ค. เวลา 23:00 / เช็คลิงก์ที่ DT Live

สนามนี้เป็นอีกรายการที่ถูกยกระดับให้เป็นสนามแข่งระดับ WorldTour ครับ จริงๆ แล้วเส้นทางเอามาจากเส้นทาง Road Race Olympic 2012 ในลอนดอน ระยะทางทั้งหมด 183 กิโลเมตร เริ่มจากกลางกรุงลอนดอนแล้วไปเข้าป่าปีนเนินใน Surrey ซึ่งต้องเจอเนิน Boxhill Loop ปีที่แล้วเป็นเกอเรนท์ โทมัส (Sky) ที่พยายามเบรคอเวย์หนีไปคนเดียวระหว่างช่วงขึ้นเนิน แล้วนำไปได้ยาวจนเกือบถึงเส้นชัยแต่ถูกเปโลตองรวบจับ ซึ่งเกมก็จบด้วยการสปรินต์ แชมป์ตกเป็นของทอม โบเน็น (Quickstep Floors)

ปีนี้มีทีมดิวิชัน 1 มาลงครบเกือบทุกทีม ขาดแค่ Astana, Bahrain Merida, FDJ และ Movistar

รูปเกมสนามนี้มักจะจบได้สองแบบคือ เกมสปรินต์กลุ่มในกรณีที่เบรคอเวย์หนีไม่รอด หรือจะเป็นเกมเบรคอเวย์ที่เริ่มเปิดฉากหนีกันตั้งแต่ช่วงกลางสเตจ เหมือนที่เราได้เห็นในโอลิมปิกปี 2012 ที่อเล็กซานเดอร์ วิโนคูรอฟ สปรินต์เอาชนะริกโอเบอร์โต้ อูรานที่หนีมาด้วยกันครับ

ตัวเต็งมีใครบ้าง? (Startlist)

  • อังเดร ไกรเปิล (Lotto-Soudal): หลังจากชวดแชมป์สเตจใน Tour de France มา สนามนี้น่าจะพอปลอบใจกอริลล่าเยอรมันตัวนี้ได้ครับ แต่ต้องพึ่งให้หัวลากทีมช่วยคุมเกมเบรคเวย์ให้อยู่ ซึ่งอาจจะยากหน่อยเพราะเนินรายการนี้ชันใช่เล่น
  • ไมเคิล แมธธิวส์ (Sunweb): Man of the Match จาก Tour de France ที่คว้ารางวัลแชมป์คะแนนรวมและผลงานสองสเตจ ฟอร์มดีสุดอย่างเห็นได้ชัดและเส้นทางรายการนี้ก็เหมาะกับเขาด้วย โพเดี้ยมมีลุ้นแน่นอน แต่ถ้าต้องสปรินต์วัดความเร็วกันเพียวๆ อาจจะเสียเปรียบเพียวสปรินเตอร์บางคนครับ
  • เอเลีย วิวิอานี (Sky): ฟอร์มกำลังดีถึงจะไม่ได้ลงแกรนด์ทัวร์ เพิ่งคว้าแชมป์สเตจในรายการ Tour of Austria และ Route de Sud และยังช่วย Sky ทำเกมอย่างต่อเนื่องใน Hammer Series ด้วย ถ้า Sky คุมเกมให้จบสปรินต์วิวิอานีก็มีลุ้นครับ
  • อเล็กซานเดอร์ คริสทอฟ (Katusha): ชะตาเดียวกับไกรเปิล คือไม่มีผลงานกลับบ้านจาก TDF และเป็นปีหมดสัญญาด้วย ต้องทำผลงานถ้าอยากอัปค่าตัว แต่ปีนี้ดูเขาฟอร์มไม่แน่นเท่าไรนะ
  • เบ็น สวิฟต์ (UAE): เจ้าถิ่นชาวอังกฤษ ที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ให้คนอังกฤษที่สุด ติดโพเดี้ยมรายการนี้สองครั้งแต่ยังไม่เคยชนะ เส้นทางก็เหมาะกับเขาด้วย ถ้าจังหวะดีก็มีสิทธิลุ้นครับ
  • แซม เบ็นเน็ต (Bora-Hansgrohe): สปรินเตอร์ที่กำลังมา เก็บอันดับ Top 3 ไปสี่ครั้งใน Giro ปีนี้ แล้วปีนี้ยังเคยชนะคริสทอฟ เดเกนโคลบ์ คิทเทล ใน Paris-Nice ด้วย ไม่ได้ลง TDF ฟอร์มน่าจะดีครับ
  • เจ็มปี้ ดรักเกอร์ (BMC): อดีตแชมป์เก่ารายการนี้ปี 2015 ซึ่งเป็นคนเดียวที่แปลกกว่าคนอื่นๆ ในลิสต์นี้ตรงที่เขาชนะจากการเบรคอเวย์แล้วสปรินต์หนีกลุ่มเล็กๆ 6 คนเพื่อคว้าแชมป์รายการ เพราะงั้นจะชนะได้เขาต้องเข้าเกมเบรคอเวย์ เพราะเพียวสปีดไม่น่าจะสู้สปรินเตอร์รุ่นพี่คนอื่นๆ

 

Tour of Poland

ถ่ายทอดสดวันเสาร์ 29 ก.ค. – 4 ส.ค. เวลา 20:30 / เช็คลิงก์ที่ DT Live

ในบรรดาสามรายการแข่งที่เริ่มสัปดาห์นี้ Tour of Poland เป็นรายการเดียวที่เป็นแบบแข่งหลายวัน (สเตจเรซ​) และมีตัวเต็งที่น่าสนใจหลายคนครับทั้งสปรินเตอร์และ GC ไม่ว่าจะเป็นแชมป์โลก ปีเตอร์ ซากาน, ราฟาล ไมย์ก้าเพื่อนร่วมทีม, วินเชนโซ นิบาลี, อดัม เยทส์, โรฮาน เดนนิส, และอิลเนอร์ ซาคาริน

Tour de Pologne (Tour of Poland) เป็นรายการเก่าแก่ระดับ WorldTour ที่เส้นทางมีเอกลักษณ์มาก ถึงภูเขาจะไม่เยอะ แต่เส้นทางเต็มไปด้วยเนินชันในสไตล์อาร์เดน คลาสสิค เริ่มแข่งมาตั้งแต่ 1928 นู้น

ก่อนจะเช็คฟอร์มตัวเต็ง ลองดูเส้นทางกันก่อน

จะเห็นว่าเป็นเส้นทางแบบฟันปลาเต็มไปหมดดูแล้วไม่ง่ายเลยครับ มีสเตจที่เป็นทางราบจริงๆ แค่สองสเตจเท่านั้น

 

ตัวเต็งมีใครบ้าง (startlist)

สนามนี้เหมาะกับตัวเต็งทั้งสปรินเตอร์และ GC ที่ต้องการจะสร้างฟอร์มลงแข่ง Vuelta a Espana และมักจะเป็นคนไม่ได้ลงตูร์ครับ

  • ราฟาล ไมย์ก้า (Bora-Hansgrohe): แชมป์เก่าปีที่แล้วที่บาดเจ็บในตูร์และกลับมาป้องกันแชมป์ในสนามนี้ ถ้าฟอร์มดีโอกาสเบิ้ลแชมป์ก็ไม่ยากครับ เรายังไม่ได้เห็นเขาโชว์ฟอร์มเต็มที่ในตูร์เพราะงั้นก็อาจจะยังไม่กรอบจนเกินไป
  • วินเชนโซ นิบาลี (Bahrain-Merida): ไม่ได้เห็นนิบาลีแข่งนานตั้งแต่ลง Giro และตอนนี้จะมาสร้างฟอร์มไปลง Vuelta ครับ
  • ทีเจย์ แวนการ์เดอเรน (BMC): ก็น่าจะมาเก็บฟอร์มไปลง Vuelta เหมือนกับนิบาลี
  • เวาท์ โพลส์ (Sky): อาการเจ็บป่วยช่วงกลางปีทำให้เขาไม่ได้ลงตูร์ปีนี้ คาดว่าจะได้เป็นผู้ช่วยฟรูมใน Vuelta ก็ต้องมาสร้างฟอร์มเช่นกัน และได้โอกาสนำทีมด้วย
  • บ็อบ ยุงเกลส์ (Quickstep Floors): สเต็ปเดียวกับนิบาลีและทีเจย์ ปกติมักทำเวลาจากสเตจ TT แต่ปีนี้ไม่มีสเตจ TT ครับ เป็นม้ามืดที่น่าสนใจเพราะถนัดเส้นทางที่เขาไม่โหดชันมาก และมีโอกาสลุ้นแชมป์สเตจด้วย
  • เบ็น เฮอร์แมนส์ (BMC): ผู้ช่วยของทีเจย์ที่ดันฟอร์มดีกว่ากัปตันทีมใน Giro ปีนี้ ไม่แน่ใจว่าได้นำทีมหรือต้องช่วยทีเจย์ แต่ก็มีโอกาสคว้าแชมป์รายการเหมือนกัน
  • อิลเนอร์ ซาคาริน (Katusha): เหมือนนิบาลี ทีเจย์และยุงเกลส์ สร้างฟอร์มไปลง Vuelta น่าจะเป็นกัปตันทีมคู่กับไซมอน สปิแลค
  • โจ ดอมโบรสกี้ + ดาวิเด้ ฟอร์โมโล่ (Cannondale): เด็กใหม่ไฟแรงของ Cannondale ที่กำลังปั้นขึ้นสู้เกม GC ฟอร์โมโล่เกือบจะได้โพเดี้ยมรายการนี้แต่พ่ายให้กับสเตจ TT ซึ่งทำให้เขาเสียเวลาไปเยอะ ปีนี้ไม่มี TT ก็น่าลุ้นผลงาน Top 5 / Top 10
  • รูย คอสต้า (UAE): King of One Week Race – ตัวเต็ง GC ที่อยากจะคว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์แต่ไปไม่ถึงฝั่ง คอสต้าดูจะเหมาะกับการล่าสเตจและเก็บแชมป์ overall สเตจเรซหนึ่งสัปดาห์มากกว่า เป็นนักไต่เขาชั้นดีและเบรคอเวย์ชิงเวลาก็ถนัด

สปรินเตอร์: สปรินเตอร์ส่วนใหญ่หนีไปลงรายการ Ride London Classic เพราะงั้นสปรินเตอร์ที่เหลือก็อาจจะเป็นมือรองที่เราไม่เห็นบ่อยนัก ตอนนี้ที่น่าจับตามี ปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe), คาเล็บ ยวน (Orica-Scott), แดนนี แวน พ็อพเพล (Sky), ซาช่า โมโดโล่ (UAE) และเจเจ โรฮาส (Movistar)

* * *

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *