เหตุผลที่คริส ฟรูมลง Giro d’Italia 2018

เมื่อวานนี้ ทีม Sky ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า แชมป์ตูร์เดอฟรองซ์ 4 สมัย คริส ฟรูม จะลงแข่งจิโรดิตาเลียและก็จะลง ตูร์เดอฟรองซ์ เพื่อหวังเก็บชัยชนะสมัยที่ 5 ติดต่อกันด้วย

การควบแชมป์ Giro-Tour ในปีเดียวกันเป็นผลงานที่ไม่มีใครทำได้มากว่า 19 ปี (มาร์โค พานทานีเป็นคนสุดท้ายที่ทำได้ในปี 1998) ความพยายามล่าสุดโดยอัลเบอร์โต้ คอนทาอร์ (2015) และไนโร คินทานา (2017) ต่างก็ล้มเหลว

คริส ฟรูมเองเคยลงแข่งจิโรแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกปี 2009 เป็นแกรนด์ทัวร์รายการแรกในชีวิตของเขา (จบอันดับที่ 36) และครั้งที่สองปี 2010 ซึ่งถูกไล่ออกจากการแข่งขันจากที่เกาะรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นเขาระหว่างแข่งขัน และไม่เคยกลับมาลงแข่งต่อจากนั้นอีกเลย

ฟรูมและ Sky ยอมรับว่าการจะเก็บแชมป์ให้ได้สองรายการในปีเดียวกันเป็นเรื่องยาก แต่ก็รู้สึกท้าทายเพราะหากเขาได้แชมป์จิโรปี 2018 ในเดือนพฤษภาคมนี้ เขาจะเป็นนักปั่นที่ครองแชมป์แกรนด์ทัวร์ครบทั้งสามรายการติดต่อกันในระยะเวลา 12 เดือน เป็นคนที่สามในประวัติศาสตร์ต่อจากเอ็ดดี้ เมิร์กซ์ (1972/73) และเบอร์นาร์ด อินอลท์ (1982/83)

ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาชนะจิโรเขาจะเป็นนักปั่นคนที่เจ็ดในโลกที่ได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ครบทั้งสามรายการ

 

“ความเสี่ยงที่น่าลอง”

คริส ฟรูมกล่าว:

“มันเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจมากครับ ตอนนี้ผมเป็นแชมป์ตูร์เดอฟรองซ์ และ วูเอลต้าแล้วถ้าเกิดได้แชมป์จิโรด้วยก็จะเป็นแชมป์แกรนด์ทัวร์สามรายการติดต่อกัน”

“ผมอยากท้าทายตัวเองนะ ลองอะไรที่คนอื่นไม่คิดว่าผมจะกล้าทำ”

“มันเป็นแรงบันดาลใจใหม่เลยหละครับ ผมอยากรู้ว่าผมจะเอาชนะเป้าหมายใหญ่แบบนี้ได้หรือเปล่า”​

“ผมคิดมาเสมอว่า อาชีพนักปั่นของผมเริ่มต้นในอิตาลี ผมอยู่ที่นั่นสามปีเต็มตอนผมเริ่มเทิร์นโปร เพราะงั้นการมีโอกาสได้กลับไปจิโรอีกครั้งด้วยสถานะตอนนี้และโอกาสที่มี มันเหมือนได้กลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้ง”​

“ทีมเราคิดเรื่องนี้นานมากครับ เรารู้ว่ามันยากมากที่จะได้แชมป์จิโรและตูร์ ในปีเดียวกัน แต่ดูจากศักยภาพทีมของเราแล้ว อย่างที่เราควบแชมป์ ตูร์-วูเอลต้า ในฤดูกาล 2017 ผมมั่นใจว่าเราลงแข่งหวังแชมป์ได้แน่นอน”

“อีกเหตุผลสำคัญคือ ฤดูกาลหน้าระยะห่างระหว่างจิโร-ตูร์ มันมากขึ้นหนึ่งสัปดาห์เทียบกับฤดูกาลก่อนๆ ซึ่งผมใช้ฟื้นตัวหรือฝึกซ้อมได้ ไม่กรอบจนเกินไปเวลาไปลงตูร์”

(DT Note: ปกติแล้วระยะห่างระหว่างจิโร-ตูร์คือ 5 สัปดาห์ แต่ปี 2018 รายการจะห่างกัน 6 สัปดาห์ครับ)

 

ผู้จัดการทีมเซอร์ เดวิด เบรลส์ฟอร์ดเสริม:

“นักปั่นหลายคนสร้างประวัติศาสตร์ในจิโร และปีหน้าก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้สร้างประวัติศาสตร์ของเราในสนามนี้ด้วยครับ เป้าหมายของเราคือพาคริส ฟรูมคว้าแชมป์แกรนด์ทัวร์สามรายการติดต่อกัน แล้วต่อด้วยการคว้าแชมป์ตูร์สมัยที่ 5”

“เรายังต้องเตรียมตัวกันอีกมาก นักปั่นเก่งๆ หลายคนพยายามทำสิ่งเดียวกันแต่ก็ไม่สำเร็จ มันเป็นความท้าทายที่เราจะสบประมาทไม่ได้ครับ”

“แต่เพราะมันยากแบบนี้ พวกเราจึงอยากจะทำให้ได้ มันคือ DNA ของทีม Sky”

“คริสได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาเป็นนักปั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง เขาเป็นนักสู้ชั้นยอด และนักสู้ก็ต้องกล้ารับความท้าทายที่ยากที่สุดด้วยเช่นกัน”

 

ความเสี่ยงนี้รับได้หรือเปล่า?

หลังจากอ่านเหตุผลของทีม Sky และฟรูมแล้ว สิ่งหนึ่งที่แว้บขึ้นมาในหัวทันทีเลยคือมันเป็นซิกเนเจอร์ของทีม Sky ชัดเจนมากที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ ครับ มีหลายเหตุผลที่ Sky และฟรูมอยากจะลงจิโรปีหน้า

  1. ข่าววงในบอกว่า ทางการอิสราเอลที่จะเป็นโฮสต์สเตจ 1-3 ในจิโร 2018 ออกเงินให้ฟรูม 2 ล้านยูโร เพื่อมาลงแข่งสนามนี้โดยเฉพาะ พูดง่ายๆ คือใช้เงินล่อนั่นเอง ผู้จัด Giro ออกมาปฏิเสธภายหลังว่าไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก เราเป็นคนเลือกนักกีฬาเอง แต่ถ้าไม่มีมูลมันก็คงไม่มีข่าวออกมา 2 ล้านยูโรนี่มากกว่าได้แชมป์ ตูร์เดอฟรองซ์ เสียอีก
  2. จิโร 2018 มีสเตจ Time Trial ที่ฟรูมถนัดสองสเตจ รวมระยะทาง 44.2 กิโลเมตร และมีเส้นชัยบนยอดเขาถึง 8 สเตจ ซึ่งก็เข้าทางฟรูมอีกเช่นกัน
  3. ตามที่ทีมบอก ปีนี้ระยะเวลาระหว่างจิโร-ตูร์มีเพิ่มขึ้นหนึ่งสัปดาห์​ นักแข่งมีเวลาฟื้นตัวมากขึ้น
  4. ถึงฟรูมจะทำไม่สำเร็จ ชวดแชมป์ทั้งสองรายการ แต่เขาเพิ่งอายุ 32 ปี กำลังอยู่ในช่วงพีค ยังมีโอกาสคว้าแชมป์ตูร์สมัยที่ 5 อีกอย่างน้อย 2-3 ครั้งก่อนจะเริ่มอ่อนแรงสู้เด็กใหม่ไม่ได้ อย่าลืมว่าคริส ออเนอร์คว้าแชมป์วูเอลต้าตอนอายุ 40 ปีครับ
  5. ความมั่นใจจากการเบิ้ลแชมป์ ตูร์-วูเอลต้า ปีที่แล้วทำให้ทีมรู้ว่าต้องจัดการศักยภาพนักปั่นยังไง
  6. ณ จุดนี้ ฟรูมและ Sky ดูจะมองข้ามคู่แข่งบางคนไปแล้ว เช่นคินทานา (Movistar) ที่ไปไม่ถึงยอดสักครั้งเวลาสู้กับฟรูมแบบตัวต่อตัว ในขณะที่ดูโมลานเองก็ยังอ่อนประสบการณ์ คู่แข่งที่เหลือก็ปั่น Time Trial ไม่ดี เสียเวลาให้ฟรูมทุกครั้ง ผมว่าปีนี้เป็นจุดอิ่มตัวที่ฟรูมและ Sky มั่นใจพอจะทำอะไรยากๆ แบบนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนก็อาจจะยังประหม่านักปั่นอย่างคินทานา เดี๋ยวนี้สู้กันหลายรอบแล้ว รู้แกวแล้วว่าน่าจะเอาอยู่

ถึงฟรูมจะไม่ได้มาเพราะเงินเพียงอย่างเดียว (ซึ่งเราไม่มีทางรู้ว่าจริงหรือไม่จริง)​ แต่ Sky ก็ไม่ใช่ทีมที่ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ มีไม่กี่ทีมในโลกที่สามารถพูดได้ว่าจะคว้าแชมป์ตูร์ใน 5 ปีแล้วทำได้ตั้งแต่ปีที่ 4 (วิกกินส์, 2012) ผมว่าโจทย์นี้น่าสนใจและดูมีโอกาสว่าคินทานาและคอนทาดอร์

ถ้าคิดแบบคนมองโลกในแง่ลบ เกมนี้มันอาจจะจบที่ ฟรูมมาลงจิโรรับเงินไป 2 ล้านยูโร – เกิดปัญหาอะไรบางอย่างขึ้นระหว่างแข่งทำให้เสียเวลา GC – ถอนตัวตั้งแต่เกิดปัญหาเพื่อเก็บแรงไว้แข่งตูร์ให้เต็มที่ ก็เป็นไปได้เหมือนกัน สิ่งที่พูดมาทั้งหมดก็จะกลายเป็นงาน PR ชิ้นใหญ่ แต่สุดท้ายก็กลับไปแผนเดิมคือมุ่งเป้าเก็บแชมป์ตูร์อย่างเดียว

ถ้าฟรูมทำได้จริง มันจะเป็นผลงานที่น่าสนใจยิ่งกว่าได้แชมป์ตูร์ 5 สมัย การได้แชมป์แกรนด์ทัวร์ครบทั้งสามรายการ นี่ไม่ต้องพูดถึงที่เป็นแชมป์แกรนด์ทัวร์คนปัจจุบันทั้งสามรายการพร้อมๆ กัน ก็เป็นผลงานที่สุดยอดมากๆ แล้ว เขาจะลบคำสบประมาทว่าเป็น one trick pony เหมือนอาร์มสตรองที่ชนะเป็นแค่รายการเดียวได้แบบไร้ข้อกังขาครับ

 

คู่แข่งคิดยังไง?

วินเชนโซ นิบาลี (Bahrain-Merida):

“ผมว่าเส้นทางจิโร 2018 เข้ากับฟรูมนะ ทางมันยากกว่าปีก่อน เขาหลายลูกถึงเราจะเคยใช้แข่งมาแล้วแต่ผู้จัดเลือกเส้นทางที่ชันกว่าและยาวกกว่าเดิม”​

“นักปั่นที่ได้แชมป์ทั้งตูร์และวูเอลเต้าเป็นคนที่พร้อมจะปรับตัวเข้ากับเส้นทางทุกรูปแบบจิโรมันยากตรงที่มีหลายปัจจัยที่คุณควบคุมไม่ได้ เช่นสภาพอากาศ ทางข้ามเขาที่คุณไม่รู้จักมาก่อน แต่ Sky เป็นทีมใหญ่และมีนักปั่นเก่งๆ เยอะ ผมว่าเขารับมือได้”

“สเตจ Time Trial ไม่ยาวเท่าไร ซึ่งฟรูมอาจจะไม่ชอบ แต่ผมว่าเขาควรมาแข่งครับ การที่เขามาลงแข่งมันช่วยเพิ่มภาพลักษณ์รายการได้มาก แล้วได้แชมป์มาทั้ง ตูร์-วูเอลต้า แล้ว เขาควรต้องมาเอาแชมป์จิโร”

“มันดีกับสปอนเซอร์อย่าง Sky ด้วย เพราะเขามีธุรกิจในอิตาลี ฟรูมเองเคยโตที่นี่ มันก็ดีกับแฟนๆ ของเขาครับ”​

 

ทอม ดูโมลาน (Sunweb):

“ผมรู้แล้วว่าผมจะลงรายการอะไรบ้าง แต่ผมยังไม่บอกคุณหรอก รอดูวันที่ 5 มกราคมครับ”​

“ผมจะไปลงแข่งในสนามที่ผมมีโอกาสชนะสูงสุด ผมไม่คิดว่าการที่ฟรูมลงจิโรก่อนแล้วจะทำให้ผมมีโอกาสได้แชมป์ตูร์มากขึ้น และการที่ผมได้แชมป์จิโรปี 2017 ก็ไม่ได้แปลว่าผมควรไปเก็บแชมป์ตูร์ต่อทันทีในปี 2018”

“ผมรักสนามจิโรถ้าผมลงแข่งอีกผมก็น่าจะสนุกกับมันมาก บอกไม่ได้หรอกว่าสนามไหนเหมาะกับผมมากกว่า ผมชอบเส้นทางทั้งสองรายการนะ ทั้งสองรายการมีสเตจ Time Trial ไม่เยอะ ซึ่งผมอาจจะเสียเปรียบ”​

“ฟรูมจะกรอบในตูร์มั้ยน่ะเหรอ? ผมไม่เชื่อหรอก ดูในวูเอลต้าปีนี้สิ ฟรูมแกร่งกว่าในตูร์อีก เขาเป็นคนที่เราเดาอะไรไม่ได้เลย”​

“มันเป็นโจทย์ที่ยากครับ แต่ฟรูมเป็นนักปั่นแกรนด์ทัวร์ที่เก่งที่สุดตอนนี้ ถ้าจะมีใครทำได้ก็ต้องเขานี่แหละ”​

By เทียนไท สังขพันธานนท์

คูน คือผู้ก่อตั้งดั๊กกิ้งไทเกอร์ และอยากใช้เว็บไซต์นี้ช่วยให้คนไทยอยากขี่จักรยานกันเยอะๆ!

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *