พรีวิว: ศึกชิงแชมป์โลก Elite Men’s Road Race!

ในที่สุดวันที่เรารอคอยก็มาถึงแล้วครับ วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายนนี้เราจะได้ชมสนามแข่งที่น่าลุ้นที่สุดในรอบปี ศึกชิงแชมป์โลกและเสื้อสีรุ้ง Road Race ประเภทชาย ดูจากเส้นทางและตัวเต็งแล้วปีนี้ตัวเต็งมีสิทธิแทบทุกคน แถมพยากรณ์ว่าฝนจะตกอีกด้วย! มาชมวิเคราะห์เส้นทางและว่าที่ผู้ชนะกันครับ!

วัน เวลา และลิงก์ถ่ายทอดสด

29 กันยายน 15:00-22:00 7 ชั่วโมงเต็ม!
ลิงก์: Sportlemon (Eurosport) / UCI Youtube Channel

 

เส้นทาง

http://3.bp.blogspot.com/-rWKt3rhvXKQ/UkXMAeqoLzI/AAAAAAAACUQ/aOytnu7hrVQ/s1600/world_roadrace_profile.png

อันดับแรกเราคุยกันเรื่องระยะทางก่อน สนามนี้เป็นสนามที่ระยะทางยาวที่สุดในบรรดารายการแข่งปีนี้เลยก็ว่าได้ครับ ปรกติ Milan Sanremo จะยาวกว่าที่ 300 กิโลเมตร แต่ปีนี้โดนหั่นเส้นทางไปเยอะเพราะพายุหิมะ ความยาวขนาดนี้หมายความว่าช่วงท้ายรายการคงเหลือรอดแค่ทีมและตัวเต็งที่แกร่งจริงๆ เท่านั้น เราเริ่มสตาร์ทกันที่เมือง Lucca ยาวกันไปเกือบ 100 กิโลเมตรก่อนจะเข้าเมือง Florence

ในช่วงแรกมีเขาให้ปีนสองลูกครับ ลูกแรกคือ Montecarlo ความยาว 3.75km และความชัน 3.5% ลูกที่สอง San Baronto ความยาว 3.9km ชัน 7.1% สองลูกแรกนี่ไม่น่ามีผลอะไรกับการแข่งเหมือนเป็นน้ำจิ้มให้เหนื่อยกันเล่นๆ พอเข้าสู่เมือง Florence นักปั่นก็จะได้เจอความโหดของจริงครับ เพราะเป็นการปั่นรอบคอร์สความยาว 16.57 กิโลเมตรเป็นจำนวน 10 รอบ ในลูปนี้มีเขาให้ปีนสองลูก Fiesole และ Via Salviati

สองกิโลเมตรแรกในเมืองเป็นทางราบ แต่เราจะเริ่มปีนขึ้นเขา Fiesole ทันที (4.37km / ชัน 5.2%) ช่วงท้ายของเขาลูกนี้ค่อนข้างโหดเพราะชันราวๆ 7% แบบแช่ๆ ไปจนถึงจุดสูงสุดที่ 10% จากนั้นเป็นการลงเขาเกือบ 10 กิโลเมตร จังหวะลงเขานั้น technical ใช้ได้ โค้งค่อนข้างหักและถนนไม่กว้างมาก ปัญหาคือถ้าฝนตกนี่รับรองว่ามีล้มกลิ้งไถลกันแน่นอน ตัวเต็งต้องระวังให้ดีเพราะอย่าลืมว่าเราต้องขึ้นลงเขาลูกนี้กันถึงสิบครั้ง

ลงเขามาเราจะเจอทางราบ 2km ก่อนจะปีนเขาลูกที่สอง The Via Salviati เขาลูกที่สองชันกว่าเยอะ ยาวแค่ 600 เมตรแต่ชันกว่า 16% ในจุดสูงสุด ตามด้วยการลงเขากันยาวๆ ก่อนจะเจอเนินสั้นๆ ลูกสุดท้ายที่ชัน 10% ถ้ามีใครหนีรอดไปได้ก่อนเพื่อนบนยอด Salviati รับรองว่าจับไม่ทันแน่ แต่ถ้าตามกันทันก็ต้องซัดกันตรงเนินสุดท้ายนี่หละครับ พ้นจากนี้เป็นทางตรงยาว 1.5km ไปจนถึงเส้นชัย

 

พลวัตรการแข่ง

เรื่องนี้ต้องคุยกันก่อนที่จะพูดถึงตัวเต็งครับ เพราะรายการนี้มีกลยุทธ์การแข่งที่ต่างกับสนามอื่นๆ ที่เราติดตามกันมาโดยสิ้นเชิง อย่างที่ทราบการแข่งชิงแชมป์โลกนั้น แข่งกันระหว่างทีมชาติของประเทศต่างๆ ไม่ใช่โปรทีม (Professional Trade team) อย่าง Sky, Euskatel, Movistar, Radioshack นักปั่นที่มีสิทธิลงแข่งต้องผ่านการคัดกรองของโค้ชประเทศนั้นๆ แต่…..! 

ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสียสละให้ทีมชาติตัวเองครับ! โดยเฉพาะทีมประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีตัวเต็งอย่างออสเตรีย ปีที่ Mark Cavendish ได้แชมป์ (2011) เราได้เห็น Bernhard Eisel ซุปเปอร์โดเมสติกจาก Sky (ออสเตรีย) ขึ้นมาลากให้ทีมชาติอังกฤษหน้าตาเฉย อย่าลืมว่าแข่งชิงแชมป์โลกนั้นแข่งกันแค่ปีละหน แต่แข่งกับโปรทีมต้นสังกัดนั้นแข่งด้วยกันตลอดทั้งปี สำหรับบางทีมนั้นความจงรักภักดีต่อทีมต้นสังกัดและเพื่อนร่วมทีมที่ร่วมหัวจมท้ายกันตลอดทั้งฤดูกาลก็สำคัญกว่าผลงานของชาติตัวเอง (ที่ได้แข่งด้วยกันแค่ปีละครั้ง) อย่าแปลกใจที่จะเห็นบางประเทศขึ้นมาช่วยลาก หรือทำเกมให้อีกประเทศนึง นั่นก็เพราะเขากำลังปั่นให้โปรทีมต้นสังกัด

อย่างไรก็ดีทีมใหญ่ๆ อย่างอังกฤษ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส พวกนี้ไม่ปั่นให้ใครแน่ๆ เพราะส่งแต่ตัวโหดมาลงและหวังเอาแชมป์ให้ประเทศจริงๆ สำหรับจำนวนผู้แข่งขันนั้น แต่ละชาติสามารถส่งนักแข่งลงได้มากที่สุด 9 คน แต่จะส่งน้อยกว่านี้ก็ได้ จะมีแต่ชาติใหญ่ๆ ที่ลงเต็ม 9 คนครับ

 

ตัวเต็ง

ก่อนจะดูรายบุคคลเรามาดูประเทศที่น่าจับตามองกันก่อน สเปนส่งนักปั่นลงครบ 9 คนและน่าจะเป็นทีมที่แกร่งที่สุดเมื่อพิจารณาจากคอร์สนี้ ตัวหลักๆ มี Contador, Valverde, Rodriguez, Moreno, LL Sanchez, Samuel Sanchez เรียกได้ว่าเป็นเอซไต่เขาทุกคน

อิตาลีก็ไม่ธรรมดา ส่ง 9 คนเต็มเหมือนกันทั้ง Nibali, Scarponi, Ulissi, Pozzato และ Paolini กัปตันทีม

เนเธอร์แลนด์มี Molemma, Slagter, Gesink, Hoogerland, สวิสมี Cancellara, Rast, Frank, Elmiger โคลอมเบียส่ง Uran, Acevedo, Henao, Betancur และ Quintana ฝรั่งเศส มี Bardet, Barguil, Pinot, Riblon, Vichot และ Vokeler

อังกฤษส่งมาแค่ 8 คนเด่นๆ มี Cavendish, Froome, Rowe, Stannard, G.Thomas, และ Sir Wiggo ส่วนเบลเยี่ยมทีมแชมป์เก่ามากันแค่ 7 คน Gilbert, Bakelants, Monfort, Leukmans, Pauwels Van Summeren และ Van Avermaet

ทีมที่กล่าวมานี้คัดเอา all-star มาเลยก็ว่าได้ และมีตัวแรง ตัวยิง ตัวชงเกมหลายคนครับดูรายชื่อนักปั่นตัวเต็ม (startlist) ได้ที่ Velonews

[separator type=”thin”]

มาต่อกันด้วยตัวเต็งแบบเจาะรายบุคคลครับ ผมคัดมาวิเคราะห์เฉพาะตัวที่น่าลุ้นๆ หน่อย

1. Peter Sagan (Cannondale – สโลวาเกีย)

ตัวเต็งคนแรกของเราคือไอ้หนูอัจฉริยะ Peter Sagan ปีนี้น้องแกชนะการแข่งขันมากกว่าโปรทุกคน ชนะตั้งแต่สนามคลาสสิคต้นปีมาจนถึงล่าสุดรายการ GP de Montreal ที่แคนาดาเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี้ และฟอร์มการปั่นที่สปรินต์ได้แรงมาก พร้อมกับสู้กับภูเขาโหดๆ ได้ไม่แพ้คู่แข่งคนอื่นแถมยังอึดปั่นระยะทางไกลได้ดีมาก Sagan จึงเหมาะกับคอร์สแชมป์โลกวันพรุ่งนี้เป็นอย่างยิ่ง

แทคติค: สำหรับ Sagan นั้นแกชนะได้หลายแบบ ทั้งโซโล่เดี่ยวและสปรินต์กลุ่ม จึงเป็นนักปั่นที่ทีมอื่นน่าจะหมายหัวตลอดการแข่งขัน ระยะทางยาวขนาดนี้รับรองว่าไม่มีสปรินเตอร์คนอื่นเหลือรอดหน้าเส้นชัยแน่นอน หมายความว่าถ้า Sagan หลุดมากับกลุ่มหนีได้จนถึงหน้าเส้น แกก็สามารถยกสปรินต์แซงคนอื่นได้หมดเมื่อเทียบกันแบบตัวต่อตัว ทีมสโลวักที่ประกอบด้วยสองพี่น้อง Velits, และน้องชายแท้ๆ ของ Peter – Suraj Sagan น่าจะพยายามไล่จับ breakaway ให้หมดก่อนดวลกันหน้าเส้นชัย ข้อเสียคือ Sagan อาจจะยังขาดประสบการณ์การแข่ง แต่เรื่องแทคติคนั้นน้องแกพัฒนาขึ้นเยอะในช่วงสองปีที่ผ่านมาและตัดสินใจได้เฉียบขาดไม่แพ้โปรรุ่นเก๋าครับ

 

2. Fabian Cancellara (RSLT – สวิส)

ปีนี้ Cancellara ลงทั้งรายการ Time Trial และ Road Race โดยมีเป้าหมายหลักเป็นเสื้อสีรุ้งรายการ Road Race มากกว่า Time Trial ทั้งนี้เพราะลุงแคนเคยได้เสื้อรุ้ง TT มาแล้วถึงสี่สมัย ก่อนที่ Tony Martin จะรุ่งนั่นหละครับ แต่ยังไม่เคยได้เสื้อรุ้ง Road Race เลย สนามแข่งในฟลอเรนซ์ปีนี้เส้นทางค่อนข้างเหมาะกับนักปั่นสายคลาสสิคอย่าง Cancellara พอสมควร ระยะทางไกลเกือบ 280 กิโลเมตรลุงแกเองก็ฟอร์มกำลังดีทีเดียวตั้งแต่ออกลากในสเตจภูเขาให้ Chris Horner ใน Vuelta จนเพื่อนร่วมทีมคว้าแชมป์ไป ผมสังเกตว่า Cancellara ลดน้ำหนักลงพอสมควรครับ ตัวบางลงเพื่อให้สู้กับเขาในรายการแชมป์โลกได้ดีขึ้น ปัญหาคือแกจะต้านทานกำลังของนักไต่เขาสายเพียวอย่างทีมสเปน Froome และ Quintana ได้หรือเปล่าถ้าโดนกระชากซ้ำหลายๆ ครั้ง? นอกจากจะระยะทางไกลแล้ว ความสูงที่นักปั่นต้องเจอวันนี้เท่าๆ กับสเตจภูเขาแบบโหดๆ ในสนามแกรนด์ทัวร์หนึ่งสเตจทีเดียวครับ ถ้า Cancellara สู้กับแรงโน้มถ่วงได้และหลุดไปจนถึงช่วงสุดท้ายก็มีสิทธิลุ้นแชมป์ไม่แพ้คนอื่นแน่นอน

แทคติค: ทางเอาชนะของ Cancellara คือต้องยิงหนีเดี่ยว แล้ว Time Trial นำลิ่วให้คนอื่นตามไม่ทันในช่วงทางตรงสุดท้าย แผนเดียวกับที่ Marianne Vos ใช้จนได้แชมป์โลกไปเมื่อวานนี้ครับ ปัญหาของ Cancellara คือ Peter Sagan และการสปรินต์กลุ่ม เพราะเรารู้กันดีว่าแกไม่ใช่สปรินเตอร์ แต่ถ้ามีคู่แข่งหลุดไปด้วยแค่คนสองคน ก็อาจจะพอสู้ไหวเหมือนที่เขาหลอกล่อ Sep Van Marcke จนได้แชมป์ Roubaix ไปเมื่อต้นปี

 

3. Philippe Gilbert (BMC – เบลเยี่ยม)

Gilbert ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาจะไม่ยอมสละเสื้อรุ้งให้ใครง่ายๆ แน่ๆ จะสู้สุดชีวิต และคอร์สนี้ก็เข้าทางเขาไม่แพ้ตัวเต็งคนอื่น ทั้งระยะทางและเนินเขาสไตล์สั้นๆ ชันๆ ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Gilbert ในการแลบลิ้นยิงหนีคู่แข่งจนเป็นราชา Ardenes Classics หลายสนาม Gilbert มีลูกทีมช่วยถึง 7 คน

แทคติค: สำหรับ ‘Phil Gil’ ตอนนี้ถือว่าฟอร์มดีมากหลังจากที่คว้าแชมป์สเตจ Vuelta ไปหนึ่งสเตจแล้วถอนตัวมาเพื่อเตรียมป้องกันแชมป์โลกโดยเฉพาะ Gilbert คงเน้นแผนเดียวกับ Cancellara คือยิงทิ้งบนเนินสุดท้ายเหมือนที่เขาซัดคู่แข่งปีที่แล้วครับ แต่ต้องหายแล้วหายลับ คือแรงกระชากต้องมากพอจนคนอื่นตามเกาะล้อไม่ได้ ถ้ามีติดมาด้วยนั้นก็ยังพอได้เปรียบเพราะ Gilbert สปรินต์ได้ดีระดับหนึ่งแต่ไม่เท่า Sagan

 

4. Vincenzo Nibali (Astana – อิตาลี)

Nibali อาจจะเป็นนักปั่นที่ต้องรับแรงกดดันสูงกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ก็ว่าได้เพราะปีนี้สนามแชมป์โลกแข่งที่บ้านเกิด เป็นเจ้าถิ่นเลยครับ ไหนจะคว้าแชมป์ Giro และได้อันดับ 2 Vuelta มาหยกๆ แน่นอนว่าทั้งสื่อและแฟนๆ หวังให้เขาชนะแชมป์โลกในแดนบ้านเกิดให้ได้สักครั้งเพราะคนอิตาเลียนไม่ได้แชมป์โลกมาหลายปีเต็มทีแล้ว ทีมชาติอิตาลีเลยคัดเอซระดับโหดมาช่วย Nibali แบบเทหมดหน้าตักทั้งหัวสมองทีมอย่าง Luca Paolini, นักปั่น GC ตัวเก๋า Michele Scarponi, สิงห์คลาสสิค Filippo Pozaato ราชา breakaway อย่าง Giovanni Visconti, ซุปเปอร์โดเมสติก Rinaldo Noccentini และ Diego Ulissi คนสุดท้าย Ulissi นี่เคยเป็นแชมป์โลกเยาวชนเสือหมอบสองสมัยซ้อน

แทคติค: ข้อเสียของ Nibali คือชอบยิงหนีตั้งแต่ไก่โห่ครับ แต่นั่นก็เป็นทางเดียวที่เขาจะเอาชนะคู่แข่งได้ เพราะสปรินต์กลุ่มไม่ไหวแน่ๆ ถ้าจะชนะ Nibali ต้องเลือกจังหวะโจมตีให้แม่นยำเลือกตอนที่คู่แข่งเผลอหรือรับมือไม่ไหว เช่นบนยอดเนิน Fiesole เขาลูกแรก แล้วย้ำอีกทีบน Via Salviati เขาลูกสุดท้ายก่อนที่จะหนีเดี่ยวไปให้หลุด ความแกร่งของนักไต่เขาคือสามารถยิงย้ำๆ ได้และน่าจะเป็นท่าไม้ตายที่จะสลัดตัวเต็งสิงห์คลาสสิคอย่าง Cancellara และ Sagan ให้อยู่หมัดครับ

 

5. Alejandro Valverde + Joaquim Rodriguez (สเปน)

สเปนเป็นหนึ่งในทีมที่แกร่งที่สุดในปีนี้ก็ว่าได้ครับ มากันทั้ง Contador, Rodriguez และ Valverde สามเอซจากสามทีม ไหนจะ Samuel Sanchez แชมป์โอลิมปิกปี 2008 และ LL Sanchez ตัวแรงจอมหนีจาก Belkin ที่แน่ๆ ผมคิดว่า Contador คงลงมาช่วย Rodriguez และ Valverde มากกว่า เพราะฟอร์มทั้งคู่เหนือกว่า Contador พอสมควร เห็นได้ชัดใน Vuelta ที่ได้ที่ 3 และที่ 4 กันมา ทั้งคู่เป็นนักแข่งสนามวันเดียวแบบตัวยง และท่าฟอร์มดีน่าจะมีลุ้นครับ

แทคติค: สเปนโชคดีที่มีเอซเยอะ ซ่อนแผนไว้ได้หลายเกม ทั้ง Valverde และ Rodriguez อัดคู่แข่งหนีบนเขาลูกสุดท้ายได้สบายๆ ถ้าสถานการณ์เป็นใจ ปัญหาคือจะหนีไปได้จนถึงเส้นชัยหรือเปล่า ทีมอาจจะใช้ Contador สับขาหลอก ยิงตัดกำลังคู่แข่งก่อนจะส่งเอซออกปิดเกม

 

6. Dan Martin (Garmin – ไอร์แลนด์)

http://31.media.tumblr.com/bde5ce12febca66659cf603ec2ac9d7f/tumblr_mpmkqvq6Do1s0pahxo1_1280.jpg

หนึ่งในม้ามืดที่น่ากลัวที่สุด Dan Martin ฟอร์มดีและเตรียมตัวดีมาก ลงทั้ง Tour of Britain และ Vuelta เพื่อซ้อมสำหรับรายการนี้โดยเฉพาะ Martin เป็นนักไต่เขาตัวยงที่สามารถสปรินต์หน้าเส้นได้คล้ายๆ กับ Valverde ครับ และแทคติคระเบิดพลังขึ้นเนินแล้วสปรินต์นั้นเขาก็ใช้คว้าแชมป์ Liege-Bastonge-Liege มาแล้วในปีนี้ ถ้า Martin ขึ้นกลุ่มหน้ามาได้ มีสนุกแน่นอน

 

7. Chris Froome (Sky – สหราชอาณาจักร)

ครั้งสุดท้ายที่แชมป์ Tour de France คว้าแชมป์โลกต่อในปีเดียวกันคือเมื่อ 24 ปีที่แล้วเป็นผลงานของ Greg Lemond ครับ Froome อาจจะไม่ได้ลงแข่งมากหลังได้แชมป์ Tour แต่จริงๆ แล้วแกมาแอบซ้อมปั่นเส้นทางแชมป์โลกโดยเฉพาะเขาลูกสุดท้ายถึง 10 ครั้งแล้ว จากนั้นไปลงสนามที่อเมริกาและแคนาดาเพื่อฟิตฟอร์มต่อทันที ตอนนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด Froome น่าจะพร้อมลุย เรื่องฝีไม้ลายมือ Froome นั้นพวกเราก็รู้กันดี นักไต่เขา รอบขาจัดและนักปั่น TT ที่หาตัวจับยาก

แทคติค: ไม่แน่ใจว่า Froome จะรับมือกับเส้นทางไกลๆ ได้ขนาดไหน และทีม GB (Sky) จะโต้ตอบกับคู่แข่งที่คาดเดาไม่ได้เหมือนในรายการสเตจเรซอย่างไร แต่รับรองว่าทีมชาติอังกฤษไม่ปล่อยให้คู่แข่งได้เล่นกันง่ายๆ แน่ๆ ครับ แผนของอังกฤษคือทำให้สนามแข่งยากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อตัดกำลังทุกคน ตามสไตล์ Sky ที่ชอบปั่น control เกม แล้วส่ง Froome ระเบิดพลังหนีบนเขาลูกสุดท้าย อาจจะไม่ใช่ตัวเต็ง แต่มีลุ้นแน่นอน อย่าลืมว่าอังกฤษจัดทีมโหดมาเลย ทั้ง Cav, Wiggo, Rowe, Stanard และ Geraint Thomas พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

 

8. ม้ามืด

น่าจะพอหอมปากหอมคอกับตัวเต็งทั้ง 7 คนครับ คนอื่นๆ ที่มีลุ้นคิดว่าคงไม่พ้น Edvald Boassan Hagen (นอร์เวย์) ที่ติดโพเดี้ยมปีที่แล้ว EBH เป็นนักปั่นคล้ายๆ Sagan เลย และสู้กับเส้นทางลักษณะนี้ได้ดี Jan Bakelants และ Greg Van Avermaet จากเบลเยี่ยมก็น่าจะเป็นแผนสำรองแทน Gilbert หากมีอะไรพลาดไป อิตาลีมี Diego Ulissi ขาแรงน้องใหม่ที่ถนัดสนามแบบนี้ ส่วนอเมริกันมีสองคนที่ฟอร์มดีคือ Tejay Van Garderen และ Chris Honer แต่ผมคิดว่าคอร์สอาจจะไม่เอื้อทั้งคู่สักเท่าไร คนที่น่าลุ้นสุดๆ คือ Rui Costa (โปรตุเกส) สิงห์จอมหนีนั้่นก็ซ้อมมาเพื่อสนามนี้โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ดีสนามแชมป์โลกนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ พรุ่งนี้พยากรณ์เดาว่าฝนจะตกหนักตลอดทั้งวัน ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาให้นักปั่นในจังหวะลงเขา และตัวเต็งหลายๆ คนก็ไม่ชอบแข่งกลางฝนเสียด้วย โผที่เราเล็งกันมาอาจจะพลิกได้ทุกเมื่อ ที่แน่ๆ สนามโหดแบบนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นแชมป์โลก เขาคนนั้นจะเป็นคนที่แกร่งที่สุดสมศักดิ์ศรีเสื้อสีรุ้งแน่นอน