รีวิว Tour de France สเตจ 12: ควีนสเตจเดือด เสื้อเหลืองสปรินต์ชนะบนยอดแอลป์ดูเอซ + พรีวิวสเตจ 13

สเตจ 12 จบอย่างสมศักดิ์ศรีควีนสเตจของตูร์เดอฟรองซ์ปีนี้ ด้วยสีสันทั้งจากการแข่งขันและจากพลุควันสี รวมถึงเส้นทางและภูเขาที่เป็นไอคอนตลอดกาลของตูร์ คือ โคล เด ลา มาเดไลน์ (Col de la Madeleine), โคล เด ลา โคร เด แฟร์ (Col de la Croix de Fer), และแอลป์ดูเอซ (Alpe d’Huez) ทั้งสามลูกเป็นภูเขาระดับ hors categorie ทั้งสิ้น รวมวันเดียวปีนเขาเกือบ 5,000 เมตร

สเตจเริ่มต้นด้วย เกเรนต์ โธมัส (Sky) ในเสื้อผู้นำเวลารวม และ คริส ฟรูม อยู่ในลำดับ 2 และจบด้วยสองคนนี้รักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

หลายทีมพยายามแก้เกมและเจาะปราการอันแข็งแกร่งของ Sky โดยการส่งตัวเต็ง GC เข้าเบรคอเวย์ตั้งแต่หัววัน เช่น อเลฮานโดร วาลเวอเด้ (Movistar), สเตเว่น เคราซ์เวก (LottoNL-Jumbo), และ อิลเนอร์ ซาคาริน (Katusha-Alpecin) เพื่อบังคับให้ Sky ต้องใช้ผู้ช่วยมาคุมแก็ปตั้งแต่ต้นเกม โดยหวังว่าตัวช่วยของ Sky จะหมดก่อนถึงเขาลูกสุดท้าย

แต่ปราการของ Sky ก็ไม่สั่นคลอนง่าย ๆ เพราะจุดตัวช่วยเหมือนไม้ขีดไฟแค่ 1 คนต่อเขา 1 ลูกเท่านั้น ด้วยอัตราการเผาไหม้ขนาดนี้คงต้องใช้ภูเขาอีก 6 ลูกถึงจะหมด ก็ไม่น่าประหลาดใจนักเพราะ “ตัวช่วย” ของ Sky แต่ละคนเพดิกรีระดับโลกทั้งนั้น เช่น เวาท์ พูลส์ ก็อดีตแชมป์ Liege-Bastogne-Liege, มิฮาล เควียททอฟสกี้ ก็อดีตแชมป์ Milan-San Remo, และเอแกน เบอร์นาลก็เป็นเด็กมหัศจรรย์อย่างที่เรารู้ ๆ กัน และเป็นอดีตแชมป์รายการ Tour de l’Avenir ด้วย เรียกว่าเป็นทีมของราชาจริง ๆ คือทุกคนสามารถเป็นเอซทีมได้

สุดท้ายเบรคอเวย์ก็โดนรวบทุกคน รวมทั้งสเตเว่น เคราซ์เวกที่ยิงเบรคอเวย์ ซึ่งมีเพื่อนร่วมทีมคือโรเบิร์ต เฮซิงก์ ออกไปคนเดียวตั้งแต่ 72 กม.ก่อนเส้นชัย ดูหวังผลระยะไกลเกินจนไม่น่าเป็นไปได้ และก็ไม่เกิดขึ้นจริง ๆ ขนาดตอนแอนดี้ ชเล็คยิงยาวที่กาลิบิเยร์เมื่อปี 2011 ยังต้องใช้ตัวช่วยไปวางรอไว้ก่อนตั้ง 2–3 คน

สุดท้ายในบรรดาตัวเต็ง 5 คนที่ถึงยอดเขาพร้อมกัน เกเรนต์ โธมัส ก็สามารถชิงเส้นชัยและไทม์โบนัส 10 วินาทีมาได้ทั้งใส่เสื้อเหลืองอยู่ ยิ่งทำให้แก็ปของเขาห่างทุกคนออกไปอีก จะบ่นว่าตูร์น่าเบื่อก็พูดได้ไม่เต็มปากแล้วตอนนี้

สุดท้ายการคุมเพซของ Sky ก็ทำเอาเพียวสปรินเตอร์มีปัญหาทุกคน เพราะวันก่อนหน้าก็ต้องพยายามเอาตัวรอดในสเตจที่สั้นแค่ 108 กม. และปั่นกันเร็วจี๋มาแล้ว ขายังทันไม่หายน่วมก็โดนลากเร็วจี๋ไม่แพ้กันขึ้นเขาอีก 4 ลูก ขนาดอังเดร ไกรเปล (Lotto-Soudal) ซึ่งไม่เคยถอนตัวเพราะปั่นไม่ไหวในตูร์ยังต้องถอนตัวเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ เฟอร์แนนโด กาวิเรีย (Quick Step Floors), ริค ซาเบล (Katusha-Alpecin), ดีแลน เกรินเนเวเกน (LottoNL-Jumbo) ก็ถอนตัวกันหมดเพราะไม่ไหวจริง ๆ

จากตอนเริ่มแข่งสเตจ 1 ที่ 218 คน มาถึงตอนเริ่มสเตจ 12 ที่มีคนออกสตาร์ท 161 คน จนตอนนี้เหลือคนที่ปั่นทันไทม์คัตแค่ 153 คนเท่านั้น ทีมอย่าง Lotto-Soudal เหลือแค่ 4 คนแล้ว ส่วน Ag2r La Mondiale ก็เหลือ 5 คน ตอนถึงปารีสเราจะเห็นวาลเวอเด้สปรินต์แข่งกับฟรูมไหม

ข่าวร้ายอีกอย่างหลังจบสเตจคือ วินเชนโซ นิบาลี (Bahrain-Merida) ที่ล้มไปตอนใกล้ถึงยอดเขาต้องถอนตัวเพราะตรวจพบว่ากระดูกสันหลังส่วนซี่โครงหัก นี่ขนาดกระดูกสันหลังหักยังปั่นจนเข้าเส้นชัยตามท้ายโธมัสแค่ 13 วินาที ถึงแม้ตอนล้มกล้องจะไม่ได้ถ่ายไว้ แต่คลิปวิดิโอจากผู้ชมดูเหมือนว่าแฮนด์ของนิบาลีจะไปเกี่ยวผู้ชมเข้าทำให้เสียหลัก


เกเรนต์ โธมัส (Team Sky):

ผมไม่รู้จะหาคำอะไรมาบรรยายความรู้สึกตอนนี้ครับ ให้ตายผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนชนะสเตจแอลป์ดูเอซในวันนี้ ผมรู้แค่ผมพยายามเกาะล้อดูมูลาน บาร์เดต์ และฟรูมให้ได้ เสียดายนิบาลีนะ เขาโชคร้ายล้มไป ผมเกือบล้มตามด้วยครับ

มันเหลือเชื่อมาก ๆ นี่เราตัดจบไปปารีสเลยได้มั้ยนะ? เมื่อวานผมบอกว่าสนามปีนี้เหมาะกับผมมาก ๆ วันนี้ผมมีความสุขมากครับ

อังเดร ไกรเปล (Lotto-Soudal):

สามวันที่ผ่านมามันยากมาก ๆ ครับ ยากเกินไปสำหรับผม ผมรู้แหละว่าวันนี้จะต้องลำบากมากแน่ ๆ ก็ได้แต่หวังว่าตอนเขาลูกแรกนั้นกลุ่มจะไม่ขี่กันเร็วมากนัก แต่ก็ไม่เลย เขาขี่กันเร็วจี๋ ตอนนั้นผมรู้ละว่าคงไม่รอด ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านแน่ ๆ ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจใช้มือเกี่ยวรถทีมเพื่อไปให้ถึงเส้นชัยนะ แต่สำหรับผม ถ้าผมปั่นถึงเส้นชัยเองไม่ได้ สู้กลับบ้านดีกว่า ผมยอมรับความจริงได้ แฟร์ ๆ ครับ


จบสเตจ 12 เมื่อวาน หลายทีมคงเครียดกว่าเดิมแล้วว่าจะต่อกรกับ Sky อย่างไร ขนาดทีม GC จับมือกันแล้วยังไม่สามารถสู้ทีมนี้ทีมเดียวได้เลย ส่วน Sky ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าพวกเขามีศักยภาพเหลือล้นในการรับมือสเตจภูเขาหนัก ๆ ได้ถึงสามสเตจติดกันโดยไม่มีแผ่วปลาย ผู้นำทีมไม่โดนปล่อยให้เหงาเดียวดายเลยจน 3–4 กิโลเมตรสุดท้ายของสเตจสุดท้าย ถ้ามองเทียบกับดูมูลานที่ปั่นเหงา ๆ อยู่ 1 คนต่อ Sky 3 คนแล้วก็ยิ่งเห็นความแตกต่างชัดไปอีก

อย่างไรก็ดี คริส ฟรูม ก็รถล้มไปแล้วสองครั้งในตูร์ปีนี้ และไม่รู้ว่าความล้าจากจิโรจะเล่นงานในสัปดาห์สุดท้ายของรายการหรือเปล่า และเกเรนต์ โธมัสก็เป็น unknown ระดับหนึ่งเพราะที่ผ่านมาเขามักอับโชค เกิดเหตุซวย ๆ ก่อนจบแกรนด์ทัวร์ทุกที เราเลยไม่รู้ว่าศักยภาพเต็ม ๆ ของเขาในการแข่งสามสัปดาห์เป็นอย่างไร เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไซม่อน เยทส์ที่ฟอร์มซิ่งมาก ๆ ก็อยู่ ๆ เครื่องดับตกเขาตายไปแล้วเป็นตัวอย่าง

คนที่ดูมีลุ้นสู้กับสองหัวหอกของ Sky ตอนนี้ก็น่าจะเหลือไม่กี่คนจริง ๆ แล้ว คือ ดูมูลาน โรจลิค แลนด้า และบาร์เดต์ แต่คนหลังสุดนี่ต้องรอลุ้น ITT ตอนท้ายกันหน่อยว่าจะออกหัวก้อยอย่างไรครับ


ส่วนสเตจ 13 เป็นทางโรลลิ่งในหุบเขา มี categorised climbs อยู่ 2 ลูก เป็น cat 3 และ cat 4 และเนินเตี้ย ๆ สลับ ๆ ไป เรียกว่าเป็น transition stage หรือแปลไทยตรง ๆ ได้ว่าสเตจรอยต่อ เอาไว้พักให้นักปั่นได้หายใจหายคอหลังจาก 3 วันอันหนักหน่วงในเทือกเขาแอลป์ครับ

ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วต้องวันของสปรินเตอร์อีกวัน เนื่องจากเนินและเขาไม่ได้สูงชันมากนัก แต่จะยังมีสปรินเตอร์คนไหนเหลือเพื่อนร่วมทีมมาช่วยเก็บเบรคอเวย์ให้หรือเปล่า? ถ้าสเตจจบด้วยการสปรินต์จริงก็อาจเป็นวันของปีเตอร์ ซากาน (Bora-Hansgrohe), อานอต์ เดมาร์ (Groupama FDJ), ซอนนี่ โคลเบรลลี่ (Bahrain Merida), หรือจอห์น เดเกนโคลบ์ (Trek Segafredo)

แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันก็ไม่แน่ว่าทีมสปรินเตอร์ที่เหลือน้อยนิดจะไล่เบรคอเวย์เข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางทีมที่ตอนแรกมาเพื่อ GC ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนมาไล่เก็บสเตจวินแทนแล้ว เช่น Mitchelton-Scott และ EF Education First-Drapac เป็นต้น อีกทั้งทีมรับเชิญ (wildcard) ก็ยังไม่มีผลงานด้วย ถ้าสเตจตกเป็นของเบรคอเวย์ ก็ค่อนข้างจะเสี่ยงทายรูเล็ตพอควร แต่ลองจับตาดู โทมัส เด เกนต์ (Lotto-Soudal), อีฟ แลมแพรท์ (QuickStep-Floors), ซิลเวน ชาวาเนล (Direct Energie), เซอเก้ พาวเวลส์ (Dimension Data), หรือแจ็ก บาวเออร์ (Mitchelton-Scott) ครับ

By ธันยวีร์ ชินสุวรรณ

วี - นักวิจัยลั้ลลา ถ้าไม่เลี้ยงเซลล์อยู่แล็บก็อยู่ร้านกาแฟ ว่างไม่ว่างก็ปั่นจักรยาน หลงรักหมอบทุกคันที่ไม่มีแหวนรองสเต็มและใช้ริมเบรค เป็นแฟนคลับทีม Mitchelton-Scott

Leave a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *