หลังจากเกริ่นนำงาน Cycle Mode International ไปแล้วในตอนที่ 1 และพาไปดูสินค้าจัดแสดงในตอนที่ 2 เราก็มาถึงตอนสุดท้าย ตอนที่ 3 ซึ่งเป็นของเด็ดสุดที่ผมเก็บไว้ท้ายสุดแล้วล่ะครับ นั่นก็คือ สินค้าจากแบรนด์ญี่ปุ่นนั่นเอง ในมุมมองผม บูธเหล่านี้ทำให้งาน Cycle Mode มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนงานจัดแสดงสินค้าที่ไหน ถ้าไม่ได้เห็นที่นี่ก็ไม่น่าได้เห็นที่อื่นแล้ว มีทั้งโรงเรียนจักรยาน จักรยานแฮนด์เมด สินค้าจิปาถะอื่น ๆ ไปจนถึงการเปิดตัวสินค้าใหม่ของ global brand (ที่สัญชาติญี่ปุ่น) ในงานเป็นที่แรก! ข้อสุดท้ายนี่ผมว่าพิเศษหน่อย ๆ เพราะงาน Eurobike ซึ่งเป็นงานนิทรรศการจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นจัดก่อน Cycle Mode แค่เดือนเดียว ใครมีของใหม่อะไรก็มักจะไปแสดงในงานนั้นหมดแล้วนั่นเองครับ
ไปชมกันเลย
Yonex Aeroflight นี่พี่คูนเขียนบทความแยกไปแล้วเรื่องหนึ่งก็จะขอผ่านไปอย่างรวดเร็ว เฟรมทุกเฟรมผลิตที่จังหวัดนีกาตะ ที่เดียวกับไม้เทนนิสและไม้แบด น้ำหนักแค่ 830 กรัมเท่านั้นสำหรับเฟรมเปล่า เบามากเมื่อเทียบกับเฟรมแอโร่ด้วยกัน ส่วนอันนี้ Yonex Carbonex เฟรมจักรยานแรกที่ Yonex ทำออกมาขาย น้ำหนักเบาหวิว เทียบชั้น Cervelo RCA หรือ Canyon Ultimate CF EVO ได้เลย ยาง Panaracer นี่เป็นแผนกหนึ่งของอาณาจักร Panasonic และไลน์อัพ Race Evo ก็ได้อัพเกรดเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว ผลิตในญี่ปุ่นทุกเส้นเช่นเดิม เปิดตัวไปช่วงเดือนเมษาปีนี้ สำหรับ Race A (All-round) กับ Race D (Durable) ได้อัพเดตมาใช้เนื้อยาง ZSG สูตรใหม่ซึ่งลดแรงต้านทานการหมุน 10% จาก Evo 3 แต่ไฮไลท์ที่สำคัญกว่านั้นคือมีรุ่นทิวบ์เลสให้เลือกแล้ว คือ Race A Evo 4 TLC ซึ่งเป็นยางทิวบ์เลสสำหรับเสือหมอบเส้นแรกของ Panaracer (ไม่ได้อยู่ในภาพนี้ สอบถามจนท.ประจำบูธบอกว่าของหมด ฮา) ส่วน Race L (Light) สำหรับไทม์ไทรอัลหรือฮิลล์ไคลม์ถูกยกเลิกไปในรุ่นที่ 4 แต่มีรุ่นขอบแก้ว Race C (Classic) เข้ามาเพิ่ม (ไม่ได้มาแทนที่เพราะคนละจุดประสงค์กัน) Classic ในที่นี้หมายถึงเน้นการยึดเกาะถนนในสภาพถนนเปียก (แบบสนามคลาสสิค Tour of Flanders เป็นต้น เปียก ๆ หนาว ๆ) ตรงไหล่ยางมีดอกยางละเอียดเพื่อช่วยการยึดเกาะ เมื่อเทียบกับ Race A กับ Race D ซึ่งเป็นยางสลิคทั้งเส้น วิทยาลัยเทคนิคจักรยานโตเกียว มีสอนทั้งสอนเป็นเมคานิคจักรยาน (พรีเซนเตอร์คนนึงของ GCN Japan ก็สอนอยู่ที่นี่) และสอนการทำจักรยานแฮนด์เมดด้วย เช่นเสือหมอบคันนี้เป็นต้น ก็เป็นผลงานของนักเรียนจากวิทยาลัยนี้ แน่นอนว่าเป็นวิทยาลัยเทคนิคจักรยานก็ย่อมมีสอนมากกว่าแค่ต่อเฟรมเสือหมอบ ตรงนี้เป็นบูทจักรยานไฟฟ้าซึ่งทรงแปลกตาสุด ๆ ล้อหน้าทัวร์ริ่งล้อหลังแฟตไบค์คืออะไร ฮา จักรยานเสือหมอบแทนเด็มไฟฟ้า เอาจักรยานสามประเภทมาฟิวชั่นกันได้เป็นคันนี้ เดินมาอีกเล็กน้อยเจอมุมจักรยานแฮนด์เมดญี่ปุ่น เจอ Cherubim Cento Racer ตั้งตระหง่านอยู่ คันนี้ใช้ท่อลิมิตเต็ด Columbus Cento รุ่นฉลองครบรอบ 100 ปีบริษัท Columbus มาสร้างเป็นจักรยานด้วยชื่อเดียวกัน ส่วนคันนี้คือ Cherubim Sticky ซึ่งใช้ท่อล่างขนาดเล็กเป็นพิเศษ (25.4 มม.) เพื่อขับเน้นคุณลักษณะการให้ตัวและความยืดหยุ่นของท่อเหล็ก เจาะตลาดไบค์แพ็กกิ้งและออแดกซ์ อีกด้านหนึ่งเป็นจักรยาน Ogre จากเกียวโต ความเชี่ยวชาญของเขาคือการเชื่อมท่อโลหะเข้าหากัน ทำท่อโค้ง ๆ ด้วยการเอาท่อสั้น ๆ มาต่อกันหลาย ๆ ท่อแทนที่จะเอาท่อยาว ๆ มาบิด เฟรมเสือหมอบคันนี้ไม่ได้โชว์ทักษะนั้นมากนัก แต่โชว์อีกเอกลักษณ์นึงของผู้ผลิตรายนี้คือการให้สีแบบดิบ ๆ ด้วยสีเหล็กที่เพิ่งโดนอ๊อกใหม่ ๆ ดูใกล้ ๆ แล้วสวยงามมาก ๆ Made in Japan พร้อมเส้นร่างของศาลาวัดโทจิ ซึ่งเป็นไอคอนของเมืองเกียวโต ที่ว่าถนัดงานเชื่อมเหล็กก็ดังเช่นที่แสดงในคันนี้ หน้าตาเหมือนหุ่นยนต์จากยุค 90’s ท่อคาร์บอน ข้อต่อเหล็ก สีดำด้าน ทั้งโมเดิร์น ทั้งคลาสสิค คันนี้จาก Macchi Cycles จังหวัดชิกะ งานปรานีตสวยงามมาก ๆ Handmade by Maki Ueda http://www.macchicycles.com/ เฟรมกราเวลสีส้มตัดกับเหล็กขัดเงาคันนี้จาก Toyo Frame head badge สวย และการขัดเงาก็เงาวิ้งจริง ๆ จักรยาน Panasonic คันนี้น่าสนใจมาก เพราะเป็นจักรยานแข่งขันรายการ Japan Bike Technique 2019 ซึ่งไม่ใช่การแข่งขันธรรมดา ๆ แต่มันคือการแข่งขันของทีมผู้ผลิตจักรยานแฮนด์เมด แต่ละทีมประกอบด้วยนักปั่นและผู้ผลิตจักรยานรายย่อย นักแข่งจะต้องใช้จักรยานที่เพื่อนร่วมทีมสร้างขึ้นมาเท่านั้น เพื่อแข่งสไตล์แรลลี่เก็บเช็คพอยต์ บนเส้นทางหินกรวดสุดทรหด ปีล่าสุดไปแข่งกันที่เมืองทาคายามะ จังหวัดกิฟุ ทั้งขึ้นเขาลงห้วย แน่นอนว่าคนชนะก็ต้องขาแรงเหมือนรายการอื่น ๆ นั่นแหละ แต่ในขณะเดียวกัน จักรยานก็ต้องอเนกประสงค์พอด้วย พกเสบียงได้ไหม ติดกระเป๋าได้แค่ไหน ทนเส้นทางโหด ๆ ได้หรือเปล่า เป็นงานแข่งเพื่อโปรโมตช่างฝีมือรายย่อยว่า งานศิลปะเหล่านี้ใช้งานได้จริงนะ การเชื่อมท่อเนี้ยบมาก และลายสีเหลี่ยมขนมเปียกปูนบนจักรยานก็สวยมากเช่นกัน ไม่นึกว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่เปิดตัวในงาน แต่เดินมาบูธ Cateye แล้วเจอไฟท้ายหน้าตาไม่คุ้นจัดแสดงอยู่ ปรากฏเป็นของใหม่จริง ๆ ด้วย (ในเว็บไซต์ยังไม่มีข้อมูลเลย) ในภาพนี้คือ Tight Kinetic ซึ่งมีคุณสมบัติคือกันน้ำดีเยี่ยม (IPX7) ใช้ถ่านไฟฉาย AA สองก้อน และมี accelerometer ในตัว เวลาเบรคจะเปลี่ยนจากไฟกระพริบเป็นไฟเปิดแช่ให้อัตโนมัติเพื่อส่งสัญญาณกับผู้ใช้ถนนคนอื่นว่าเรากำลังชะลอ ข้อสุดท้ายเรื่องไฟเบรคนี่ Cateye ทำฟังก์ชั่นนี้ให้หลายรุ่นแล้ว แต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษคือถ่าน AA มากกว่า เพราะหลัง ๆ มานี้ผู้ผลิตหันมาทำไฟจักรยานด้วยแบต Li-Polymer ฝังใน ชาร์จด้วย USB กันมาก ซึ่งผมไม่ชอบเท่าไรเพราะความจุมันน้อย ประมาณ 30-50 ชม.เท่านั้นเอง ต้องชาร์จบ่อย ส่วน Tight Kinetic ตัวนี้ เคลมอายุ 180 ชั่วโมง พอ ๆ กับไฟมะขามของ Cateye ที่คนฮิต ๆ กันเมื่อก่อน นอกจากอุปกรณ์จักรยานแล้ว จังหวัดต่าง ๆ ก็มาออกบูธดึงลูกค้าเข้าจังหวัดกันครึกครื้น Boso Bicycle Base คือโปรเจ็คที่การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น (JR) ลงมาเล่นตลาดจักรยานด้วยการใช้ทรัพย์สินที่ตัวเองมีอยู่แล้ว คือทางรถไฟและขบวนรถไฟ โดยปรกติแล้ว นักจักรยานสามารถเอาจักรยานขึ้นรถไฟได้ก็จริง แต่กฎระเบียบคือต้องถอดประกอบให้กะทัดรัดแล้วคลุมด้วยถุงจักรยานให้มิดชิด แต่โปรเจ็คนี้เป็นโปรเจ็คแรกที่ JR East ดัดแปลงตู้รถไฟให้ขนส่งจักรยานได้เป็นพิเศษ สามารถเข็นเข้าไปได้ทั้งคันไม่ต้องถอดไม่ต้องคลุมอะไรทั้งสิ้น ปลายทางคือแหลมโบโซ จังหวัดจิบะ ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมแห่งหนึ่งของคนกรุง มีการแข่งจักรยานและไตรกีฬาเป็นประจำ อาโอโมริก็มาโปรโมต เป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากปั่นไปเก็บแอปเปิลกิน ฮา Eight ก็มาออกบูธกับเขาด้วย บริษัท Eight นี่เป็นบริษัทที่เฉพาะทางมาก ผลิตสินค้าประเภทเดียวเท่านั้น คือประแจหกเหลี่ยม (ปีหลัง ๆ นี้ทำประแจ Torx เพิ่มมาอีกอย่าง) นอกนั้นไม่มีอย่างอื่นอีกเลย ไขควง คีม อะไรไม่ทำทั้งนั้น มีกระทั่งรับทำประแจหกเหลี่ยมขนาดคัสตอมสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรม! แน่นอนว่าบริษัทที่มุ่งมั่นทำสินค้าแค่ชนิดเดียวอย่างนี้ ทำสิ่งเดียวนั้นได้เลิศเสมอ ด้วยน็อตจักรยานส่วนใหญ่เป็นน็อตหกเหลี่ยม ตลาดจักรยานจึงเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญ ผมเองก็ใช้ประแจ Eight อยู่เหมือนกัน (เมื่อหลายปีก่อนก็แอบสังเกตว่าช่าง Bike Zone ก็ใช้) ถึงจะแพงแต่ทน มาตรฐานการผลิตเยี่ยม ไม่เคยทำให้น็อตผมเกลียวหวานเลยสักครั้ง สินค้าที่อินดี้ที่สุด ชิคที่สุดในงาน ขอยกให้ Windracer ตัวนี้ของบริษัท Showa Denki ซึ่งปรกติทำพัดลมดูดควันสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่รู้อะไรดลใจให้เอาความชำนาญเรื่องพัดลมมาทำพัดลมสำหรับปั่นเทรนเนอร์ !! ก็นั่นล่ะครับ มีให้ลองปั่นเทรนเนอร์ในบูธแล้วเอาพัดลมของบริษัทเป่า ให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลยว่าเย็นสบายดีมั้ย ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องปั่น Zwift ร้อน ๆ แล้วล่ะครับ เอาพัดลมโรงงานเป่าจ่อเลย